Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
เงินตรา เหตุวิบัติของสงฆ์
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 10 ก.ย. 2006, 8:12 pm
เงินตรา เหตุวิบัติของสงฆ์
สังคมไทยยุคนี้กำลังปรับตัวเข้าสู่ความเป็นทุนนิยมเต็มรูปแบบ ตามนโยบายของรัฐบาล ความเจริญก้าวหน้าของประเทศมุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมเป็นหลัก การปฏิรูปการศึกษาก็เน้นให้ตอบสนองนโยบายของรัฐ
เมื่อวัตถุนิยมมีความเจริญมากขึ้น คุณธรรมในจิตใจของคนไทยจึงเริ่มตกต่ำลง
พฤติกรรมในการมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน จึงปรากฏอยู่ในสังคมทุกระดับ ไม่เว้นแม้แต่วงการสงฆ์ !!
มีพระสงฆ์สักกี่รูปที่มีจุดหมายของการครองสมณเพศ เพื่อทำตนให้บรรลุพระนิพพานตามรอยพระพุทธเจ้า ส่วนใหญ่ดำรงตนให้มีอาชีพพระสงฆ์อยู่เท่านั้น !!
อาชีพพระสงฆ์แตกต่างจากอาชีพอื่น คือ เป็นอาชีพที่ตั้งอยู่บนศรัทธาของประชาชน เป็นอาชีพที่มีรูปลักษณะบังคับไว้ กล่าวคือ ต้องเป็นคนสมถะ ดำรงตนอยู่ภายใต้พระธรรมวินัย มีลักษณะการแต่งกายจำเพาะ จนถึงกับมีกฎหมายบังคับใช้เฉพาะด้วย
ทุกอาชีพล้วนมุ่งแสวงหาเงินตรา เพื่อมาดำรงชีวิตของตนและครอบครัว ดังนั้น ผู้มีอาชีพพระสงฆ์ย่อมต้องมีพฤติกรรมเช่นนั้นเหมือนกัน อาจแตกต่างกันบ้าง ในจุดมุ่งหมายของการใช้เงินที่ตนหามาได้ เพื่อประโยชน์ตนหรือสังคม เครื่องมือในการแสวงหาเงินตราของพระสงฆ์ คือศรัทธาของประชาชน สิ่งใดที่จะทำให้ประชาชนศรัทธาพระสงฆ์จะทำสิ่งนั้น ตั้งแต่สร้างภาพลักษณะของพระผู้เคร่งพระธรรมวินัย ทำตนเป็นผู้ชำนาญในชีวิตของมนุษย์ ด้วยการกล่าวอ้างพระธรรมวินัยไปตามกระแสโลก รับปรึกษาปัญหาชีวิตด้วยการเป็นหมอดู ตลอดถึงจัดทำวัตถุมงคลเพื่อจำหน่าย นี่ยกมาพอเป็นสังเขป
ถ้ามีการตรวจสอบบัญชีพระสงฆ์ทั่วประเทศ คงมีความกังขาเกิดขึ้นมากมาย แต่คงมีคำตอบที่เหมาะสมกับบัญชีเหล่านั้น ด้วยเจตนาบริสุทธิ์อีกมากมายเช่นกัน ต้องไม่ลืมว่าพระสงฆ์ที่ไม่ใช่ผู้มีอาชีพพระสงฆ์บางรูปนั้น ท่านเป็นกำลังสำคัญในการสังคมสงเคราะห์ของประเทศอยู่เหมือนกัน
เมื่อพระสงฆ์มีเงินตราในความครอบครองมากน้อยเท่าไร ความวิบัติย่อมเกิดแก่พระสงฆ์รูปนั้นตามกำลังของเงินที่ตนมี ความห่างไกลจากพระนิพพานย่อมมีมากยิ่งขึ้น ความใกล้ชิดกับฆราวาสวิสัยย่อมมีมากขึ้น ที่สุดข่าวฉาวคาวโลกีย์ ก็บังเกิดขึ้นกับพระสงฆ์บางรูป ดังที่ทราบกันดีตามหน้าหนังสือพิมพ์
ความเข้าใจในพระวินัยเกี่ยวกับเงินตราของพุทธศาสนิกชน ย่อมส่งผลให้เกิดความบริสุทธิ์ขึ้นในหมู่สงฆ์ พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยเพื่อบังคับใช้กับพระสงฆ์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เป็นข้อครหาของประชุมชน ซึ่งพระองค์ประชุมสงฆ์ไต่สวนจนพบสาเหตุแห่งข้อครหานั้นแล้ว ทรงปรึกษาสงฆ์ที่ประชุมอยู่ ณ ที่นั้นเพื่อบัญญัติพระวินัยขึ้น ดังนั้น พระวินัยจึงเป็นเกราะที่จะปกป้องพระสงฆ์ผู้ประพฤติตาม ให้พ้นจากมลทินข้อครหาของประชุมชน พระวินัยที่เกี่ยวกับเงินตราที่มาในพระปาติโมกข์ มีดังนี้
ปาราชิก สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ได้ราคา ๕ มาสก
ต้องปาราชิก
ราคา ๕ มาสก ในปัจจุบันนี้ คงต้องรอมหาเถรสมาคมกำหนดว่าเท่าไร เพราะราคานี้เป็นราคาทองคำหนัก ๒๐ เมล็ดข้าวเปลือก ถ้าสิ่งของนั้นเป็นเงินตราเท่าราคา ๕ มาสก
ภิกษุนั้นก็ขาดความเป็นภิกษุทันที
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ โกสิยวรรคที่ ๒ สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุรับเองก็ดี ใช้ให้ผู้อื่นรับก็ดี ซึ่งทองและเงิน หรือยินดีทองและเงินที่เขาเก็บไว้เพื่อตน ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์
สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุทำการซื้อขายด้วยรูปิยะ คือของที่เขาใช้เป็นทองและเงิน ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์
ปัตตวรรคที่ ๓ สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุรู้อยู่ น้อมลาภที่เขาจะถวายสงฆ์มาเพื่อตน ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ เป็นอาบัติที่ภิกษุผู้ต้องอาบัติ ต้องแสดงความผิดของตนแก่ภิกษุอื่น และสละสิ่งของที่เป็นต้นเหตุของความผิดนั้น
พระอาจารย์จันทา ถาวโร
ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ :
อาจารย์อนัตตา ห้องพระ udon108
เพื่อเพิ่มความเข้าใจในพระวินัยเหล่านี้ ต้องขอนำคำอธิบายที่
พระอาจารย์จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร
เทศนาอบรมภิกษุสามเณรในพรรษาเกี่ยวกับ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ โกสิยวรรคที่ ๒ สิกขาบทที่ ๘
ว่า
ภิกษุถือเงินก็ดี หรือให้ผู้อื่นถือก็ดี เก็บไว้ก็ดี หรือยินดีซึ่งเงินและทองนั้น เงินนั้นเป็นนิสสัคคีย์ พระเป็นปาจิตตีย์ ทีนี้พระองค์เจ้าให้มีไวยาวัจกร หรือทายกวัดเก็บไว้ให้ ครั้งพุทธกาลโน้นมีอารามิเกหิ คนรักษาวัด ต่อมาเรียกว่า ไวยาวัจกร เป็นผู้รักษาของเรานั่นแหละ ให้เขาถือให้ เราอย่าเพิ่งถือด้วยตนเอง เราเอาไว้เพียงเพื่อบำรุงปัจจัย ๔ ไม่ได้เอาไว้เพื่อสะสมซึ่งกองกิเลส จะเป็นเหตุให้จิตนั้นเศร้าหมอง ใช้ไม่ได้
พระพุทธเจ้าไม่ให้ยินดีในเงินและทองนั้น เพราะว่าใจของเรายังมีกิเลสอยู่นะ กิเลสครอบงำอยู่จะทำให้สะสมไว้มากๆ นึกว่าได้เงินเท่านั้นหมื่น เท่านี้แสน จะไปซื้อวัวซื้อควาย ทำไร่ทำนาค้า ขายโน่นนี่ มันก็หลอกลวงไปเสียแล้ว เพราะมีเงินแล้ว เดี๋ยวเดียวก็สึกออกไปนะ ไปอาบน้ำ หนองกระแสแสนย่าน ทั้งอาบ ทั้งดมทั้งกินอยู่นั้น นั่นแหละ มันเป็นอย่างนั้น ฉะนั้น พระองค์เจ้าจึงไม่ให้ยินดีซึ่งเงินและทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตนนั้น ยินดีแต่ว่าเป็นปัจจัย ๔ เท่านั้น มันจึงจะใช้ได้ ใจจึงจะไม่เศร้าหมอง จึงจะไม่ไปยึด ไปถือในปัจจัยนั้น นั่นแหละ ได้มาแล้วก็หมดไป ธนบัตรนะ บัตรมาถุงเราแล้วก็บัตรไปถุงคนอื่น ไม่ได้อยู่กับใครทั้งนั้น เป็นของกลางอาศัยชั่วคราว ฉะนั้น จงเห็นว่าเป็นของกลางเท่านั้น อย่าเห็นว่าเป็นของเฉพาะตนเรา ไม่ดี
ผู้เขียนเคยได้ยินว่า มีพระเถระรูปหนึ่งกล่าวตำหนิพระสังฆาธิการรูปหนึ่งว่า
ท่านเจ้าคุณ ได้ข่าวว่าพระสงฆ์สามเณรในเขตปกครองของท่านจับเงินกันเป็นว่าเล่น ท่านทราบหรือเปล่า ?
พระสังฆาธิการท่านนั้นตอบว่า เกล้ากระผมทราบ แต่จะทำเช่นไรได้ พระสงฆ์สามเณรยังเด็กใจร้อน ไปไหนชอบว่องไว ไม่มีไวยาวัจกรไปด้วย จึงจับเงินทองเอง แต่เงินของเขาก็หมดไป
เขาก็แสดงอาบัติทุก ๑๕ วัน แต่พระผู้ใหญ่ที่มีเงินในบัญชีธนาคารนี้จะทำเช่นไรดีขอรับ
ผู้เขียนไม่ทราบว่าพระเถระท่านตอบว่ากระไร
รู้เพียงว่าต่อมาทั้งสองรูปนี้ไม่พูดวิสาสะกันอีก จนมรณภาพจากกันไป
เมื่อพระสงฆ์มีเงินทองมาก ย่อมเป็นที่หมายปองของทุจริตชนที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากพระ วิธีที่ชนกลุ่มนี้ชอบปฏิบัติกันคือ ส่งหญิงสาวเข้าหาทำตัวตีสนิท เพื่อดูดเงินจากพระ ที่สุดก็เกิดข่าวฉาวขึ้น ทำให้พระรูปนั้นต้องสึกไปพร้อมเงินที่มีอยู่
และส่งผลให้คนที่ไม่ชอบเรื่องราวเหล่านี้เกิดความเสื่อมศรัทธาในพระที่บริสุทธิ์รูปอื่นๆ ด้วย
แท้จริงแล้ว เงินทองและสมบัติของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาทุกรูปถือว่าเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เมื่อพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าของหมดสิทธิในการครอบครองจะด้วยมรณภาพหรือลาสึก สมบัตินั้นจะตกแก่วัดที่พระรูปนั้นสังกัดอยู่ ถ้าวัดนั้นกลายเป็นวัดร้าง สมบัตินั้นจะตกเป็นพุทธศาสนสมบัติกลาง ซึ่งเป็นสมบัติของประเทศส่วนหนึ่ง
เงินทองเป็นของนอกกาย ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ แต่ความดีมากคุณธรรมดำรงตนสมกับเป็นศาสนทายาทของพระพุทธเจ้า จะหนุนนำให้พระสงฆ์รูปนั้นได้บรรลุพระนิพพานในที่สุด
นรกกับสวรรค์ของพระสงฆ์ห่างกันเพียงเส้นยาแดงเท่านั้นเอง !!
.............................................
คัดลอกมาจาก ::
รายงานพิเศษ : เงินตรา เหตุวิบัติของสงฆ์
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2546 17:17 น.
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=55978
- เอาเงินใส่บาตรผิดพระวินัย (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=48026
- วินัยสงฆ์-อาบัติ-ปาราชิก-สังฆาทิเสส
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=22785
- ภิกษุเสพเมถุน ต้องปาราชิก (หลวงปู่จันทา ถาวโร)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=30135
_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th