Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 แผนร้ายของพระราชา (ธรรมสภา) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2004, 9:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



50875087.jpg


แผนร้ายของพระราชา
นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา



ใกล้ๆ บริเวณเมืองพาราณสี มีหมู่บ้านใหญ่หมู่บ้านหนึ่งซึ่งมีตระกูลเศรษฐีหลายตระกูลอยู่ร่วมกัน ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นลูกชายของตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่ง เมื่อเจริญวัยขึ้น บิดามารดาได้จัดการแต่งงานให้กับลูกสาวเศรษฐีในเมืองพาราณสีซึ่งมีชื่อว่า “สุชาดา”

นางสุชาดาเป็นหญิงสวยงามมีกิริยามารยาทเรียบร้อย ตั้งแต่มาอยู่บ้านสามี นางก็ทำหน้าที่เป็นสะใภ้ที่ดีของตระกูล ดูแลสามี บิดามารดาของสามีเป็นอย่างดี ครอบครัวของนางมีความสุขมากเนื่องจากสามีก็รักและเอาใจใส่ดูแลนางเป็นอย่างดี

อยู่มาวันหนึ่ง นางสุชาดาต้องการจะเดินทางไปเยี่ยมบิดามารดาในตัวเมืองพาราณสี จึงบอกให้สามีทราบ ฝ่ายสามีก็ไม่ขัดข้องและสั่งให้คนใช้เตรียมข้าวปลาอาหารสำหรับเดินทางให้พร้อม ครั้นได้เวลาอันเหมาะสม สามีหนุ่มกับภรรยาสาวก็นั่งรถม้าขับออกไปมุ่งหน้าเข้าเมืองพาราณสี

เมื่อทั้งสองขับไปใกล้เมืองพาราณสีก็ปรึกษากัน

“พี่ว่าเราพักกินข้าวกันตรงนี้ก่อนดีกว่า” สามีปรารถขึ้น

“ดีเหมือนกัน เพราะใกล้แม่น้ำด้วย” ภรรยาเห็นด้วย

ครั้นแล้วสองสามีภรรยาก็จอดรถ แก้ม้าออกพักผ่อน พอหายเหนื่อยสักครู่หนึ่งจึงรับประทานอาหาร จากนั้นก็เทียมรถและเริ่มออกเดินทาง นางสุชาดาเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่สวยงามและนั่งอยู่ตอนหลัง ฝ่ายสามีนั่งอยู่ตอนหน้า

วันนั้น พระเจ้าพรหมทัต เสด็จเลียบพระนครและเสด็จมาถึงประตูเมือง ขณะที่สองสามีภรรยาขับรถม้ามาถึงประตูเมืองนั้นพอดีเช่นกัน นางสุชาดาลงจากรถเดินอ้อมไปข้างท้าย พระเจ้าพรหมทัตทอดพระเนตรเห็นนางแล้วเกิดพอพระทัยปฏิพัทธ์นางขึ้นมาทันที

“แม่นางช่างสวยจริง” พระองค์ทรงรำพึง พลางตรัสสั่งอำมาตย์คนหนึ่งให้ไปสืบดูว่านางมีสามีหรือยัง

“ขอเดชะ” อำมาตย์คนนั้นกราบทูล

“นางมีสามีแล้ว ผู้ชายคนที่นั่งอยู่บนรถม้านั่นแหละคือสามีของนาง”

“มีผัวแล้วหรือ” พระเจ้าพรหมทัตตรัสถามย้ำเพื่อให้แน่พระทัย

“มีแล้วพระเจ้าข้า” อำมาตย์คนเดิมกราบทูล

“ถึงมีผัวแล้วข้าก็จะชิงนางมาให้ได้” พระเจ้าพรหมทัตทรงคิดหาอุบายที่ชิงนางมาจากสามี และทันใดนั้นเองพระองค์ก็คิดหาอุบายได้ จึงตรัสเรียกอำมาตย์อีกคนหนึ่งมาปรึกษา

หลังจากได้รับคำปรึกษาแล้ว อำมาตย์นายนั้นก็นำแก้วมณีของพระราชาไปวางไว้ในรถม้าของนางสุชาดา โดยที่สองสามีภรรยาไม่รู้ตัว แล้วกลับมาถวายรายงานให้พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบ พระเจ้าพรหมทัตรับสั่งให้ประกาศทันทีว่า

“แก้วมณีของพระราชาหาย”

พอข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ชาวเมืองต่างพากันแตกตื่นโดยเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร ฝ่ายพระเจ้าพรหมทัตหลังจากรับสั่งให้ประกาศออกไปอย่างนั้นแล้ว ก็รับสั่งให้ปิดประตูเมืองห้ามคนเข้าออก และรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นในที่ที่สงสัย

พวกเจ้าหน้าที่เที่ยวตรวจค้นตามบ้านเรือนของชาวเมืองกันจ้าละหวั่น มีเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งถูกกำหนดให้ไปค้นที่รถม้าของสามีภรรยา ซึ่งถูกกักไว้ไม่ให้ขับรถไปทางไหน ครั้นไปถึงแล้วเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นก็ตรวจค้นรถม้า

“เฮ้ย..... นี่ไงแก้วมณีของพระราชาของเรา” เจ้าหน้าที่ตนที่ค้นเจอร้องบอกเพื่อนๆ

“ถ้าอย่างนั้นเราก็จับโจรได้แล้วน่ะซี” อีกคนหนึ่งร้องรับ

เมื่อพบหลักฐานเช่นนั้น เจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นก็ช่วยกันจับสามีของนางสุชาดามัดแขนไพล่หลังคุมตัวไปเฝ้าพระเจ้าพรหมทัต นางสุชาดาเมื่อเห็นสามีถูกจับเช่นนั้นก็ตกใจ ร้องไห้คร่ำครวญเดินตามสามีมาติดๆ

พระเจ้าพรหมทัต ทันทีที่เจ้าหน้าที่นำตัวสามีของนางสุชาดามาเข้าเฝ้า รับสั่งให้นำไปตัดศีรษะโดยมิทันได้สอบสวน เจ้าหน้าที่ก็คุมตัวสามีของนางสุชาดาอย่างแน่นหนานำไปสู่ที่ประหาร ครั้นถึงแล้วก็จับให้นอนหงาย นางสุชาดารู้แน่ว่าสามีจะถูกประหารชีวิตแน่ เพราะถูกใส่ร้ายอันมีสาเหตุมาจากตน จึงตั้งจิตอธิษฐานพร้อมทั้งกล่าวเสียงดังว่า

“สามีของดิฉันเป็นคนมีศีล ขอให้ทวยเทพช่วยคุ้มครองด้วย”

ขณะที่นางสุชาดาคร่ำครวญอยู่อย่างนั้น พระแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ที่ประทับนั่งของพระอินทร์ เกิดแสดงอาการร้อนขึ้นมา “มีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นอีกหรือนี่ ที่นั่งของเราจึงรู้สึกร้อน หรือใครจะมาเกิดที่นี่แทนเรา”

พระอินทร์ทรงรำพึง พร้อมทั้งสอดส่องทิพยเนตรตรวจดูโลกมนุษย์ และได้ทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงทรงดำริว่า

“พระเจ้าพรหมทัตกำลังทำกรรมหนัก ตรงที่มาเบียดเบียนหญิงผู้มีศีลอย่างนางสุชาดาให้ลำบาก เราควรไปช่วยเหลือเดี๋ยวนี้เลย”

ทันใดนั้นเอง พระอินทร์ก็เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และปรากฏพระองค์อยู่เบื้องหน้าพระเจ้าพรหมทัต พระเจ้าพรหมทัตไม่ทราบว่านี่คือพระอินทร์ จึงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ขับไล่ไปให้พ้นทางเสด็จ

“ไป..... หลีกไป อย่าเกะกะทางเสด็จ เดี๋ยวหัวจะขาดไม่รู้สึก” เจ้าหน้าที่ส่งเสียงดังขับไล่ พระอินทร์ไม่ทรงตรัสอะไร ได้แต่ยืนจ้องพระพักตร์พระเจ้าพรหมทัต พระองค์ทอดพระเนตรเห็นนางสุชาดากำลังคร่ำครวญปิ่มว่าใจจะขาด และทอดพระเนตรเห็นสามีของนางสุชาดากำลังถูกจองจำเพื่อนำไปสู่ที่ประหาร

พระอินทร์ทรงใช้อำนาจฤทธิ์ของพระองค์สะกดจิตทุกคนในที่นั้น แล้วบันดาลให้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น นั่นคือทรงบันดาลให้พระเจ้าพรหมทัตผู้ชั่วร้ายลงมานอนหงายอยู่ข้างล่างพร้อมด้วยเครื่องจองจำ และทรงบันดาลให้สามีของนางสุชาดาหลุดจากเครื่องจองจำขึ้นไปนั่งอยู่บนคอช้างแทนพระเจ้าพรหมทัต

เพชฌฆาตยืนถือขวานคอยจ้องที่จะฟันคอสามีของนางสุชาดา ก็เข้าใจผิดคิดว่าเป็นนักโทษประหาร จึงเงื้อขวานฟันลงไปที่คอของพระเจ้าพรหมทัตจนขาดกระเด็น

ทุกคนในที่นั้นตะลึงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อรู้ว่าผู้ที่ถูกตัดคอขาดกระเด็นนั้นไม่ใช่นักโทษประหาร แต่กลับเป็นพระเจ้าพรหมทัต ทันใดนั้นเองพระอินทร์ก็ประกาศพระองค์ให้ทราบว่าพระองค์คือพระอินทร์แล้วตรัสว่า

“พระเจ้าพรหมทัตไม่ตั้งอยู่ในธรรม ข่มเหงผู้ที่ไม่มีความผิด อยากได้เมียของคนอื่นแล้วใส่ร้ายผัวเขาว่าทำความผิด และคิดจะลงโทษให้ประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์นั้น เรามาครั้งนี้ก็เพื่อมาช่วยคนบริสุทธิ์”

ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปหาสามีของนางสุชาดาซึ่งนั่งสง่าอยู่บนคอช้าง และประกาศแต่งตั้งให้เป็นพระเจ้าพรหมทัตพระองค์ใหม่ พร้อมทั้งประกาศแต่งตั้งนางสุชาดาเป็นพระอัครมเหสี

ฝ่ายพวกอำมาตย์ของพระเจ้าพรหมทัตพระองค์เก่า และพวกชาวเมืองซึ่งต่างรู้ดีว่า พระเจ้าพรหมทัตองค์เก่ามีพระอุปนิสัยชั่วร้ายเพียงใด ต่างก็ดีใจว่า “พระเจ้าแผ่นดินผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมถูกประหารชีวิตแล้ว พวกเราก็ปลอดภัยแล้วจากพระเจ้าแผ่นดินผู้ชั่วร้ายนั้น บัดนี้เราได้พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่แล้ว เราเชื่อว่าพระองค์จะตั้งอยู่ในธรรมเพราะท้าวสักกะประทานให้”

ฝ่ายพระอินทร์ หลังจากอภิเษกพระเจ้าพรหมทัตพระองค์ใหม่แล้ว ก็เหาะขึ้นไปยืนอยู่ในอากาศพร้อมทั้งให้โอวาทว่า

“พระราชาพระองค์นี้ของพวกท่านจักปกครองแผ่นดินโดยธรรม และเมื่อใดที่พระองค์ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อนั้นฝนจะตกผิดเวลา คือถึงฤดูกาลที่จะตกกลับไม่ตก แต่กลับไปตกในฤดูกาลอื่น และจะเกิดภัยขึ้น ๓ อย่าง คือ ภัยเกิดจากความหิว ภัยเกิดจากโรค และภัยเกิดจากคมหอกคมดาบ”

จากนั้นก็เสด็จกลับไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระองค์



นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนดีย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ถึงคราวคับขันย่อมมีผู้ช่วยเหลือ เหมือนสามีของนางสุชาดาถึงคราวคับขันมีพระอินทร์มาช่วย ฉะนั้น



........................ เอวัง ........................

ลูกนก ลูกนก ลูกนก
 

_________________
สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว

จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2006, 1:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สา..............ธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
เด็กน้อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 12:02 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 06 มิ.ย.2008, 1:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ อนุโมทนาด้วยครับ
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง