Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทายาทที่ดี (ธรรมสภา) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2004, 5:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



52615261.jpg


ทายาทที่ดี
นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา



ที่เมืองพาราณสี ในรัชกาลของพระเจ้าสุสีมะ ปุโรหิตคนหนึ่งเชี่ยวชาญในการทำพิธีมงคลต่างๆ แก่ช้าง ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นลูกชายของปุโรหิต บิดาตายจากไปตั้งแต่อายุได้ ๑๖ ปี จึงอยู่ด้วยกัน ๒ คนกับมารดา

ครอบครัวปุโรหิตมีฐานะดีครอบครัวหนึ่ง เนื่องจากถึงคราวที่ทำพิธีมงคลแก่ช้าง ปุโรหิตจะได้ของตอบแทนเป็นเครื่องอุปกรณ์ที่คนนำมาเข้าพิธี รวมทั้งเครื่องประดับช้างจำนวนมากและราคาแพง ปุโรหิตดูแลครอบครัวเลี้ยงดูลูกชายจนมาอายุได้ ๑๖ ปีก็ตายจากไป

ในปีที่ปุโรหิตตายนั้น เป็นปีที่จะมีพิธีมงคลแก่ช้าง พราหมณ์ทั้งหลายเห็นเป็นโอกาสจะเสนอตัวขอเป็นคนทำพิธีมงคลแก่ช้างบ้าง จึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าสุสีมะ แล้วกราบทูลว่า

“ขอเดชะ งานทำพิธีมงคลแก่ช้างใกล้มาถึงแล้ว ปีก่อนๆ ท่านปุโรหิตมาทำพิธี แต่ปีนี้ไม่มีท่านอยู่แล้ว พวกข้าพระองค์จึงขอทำพิธีมงคลแก่ช้างแทน”

“ครอบครัวท่านปุโรหิตรับทำพิธีมงคลแก่ช้างมานาน ถึงแม้ว่าตอนนี้ท่านจะตายจากไปแล้ว แต่ว่าลูกเมียท่านยังอยู่ โดยเฉพาะลูกชายของท่านดูท่าทางจะมีความสามารถทำได้” พระเจ้าสุสีมะตรัสบอกพราหมณ์เหล่านั้น

“ขอเดชะ ลูกชายท่านปุโรหิตยังเด็กเกินไป อายุเพียงแค่ ๑๖ ปี คงยังไม่มีความรู้ความสามารถพอที่จะทำพิธีมงคลแก่ช้างได้หรอกพระเจ้าข้า” พวกพราหมณ์กราบทูลโต้แย้ง

พระเจ้าสุสีมะทรงคิดใคร่ครวญตามที่พวกพราหมณ์กราบทูลแล้ว ทรงเห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนั้น เนื่องจากลูกชายของท่านปุโรหิตยังเด็กเกินไปที่จะทำพิธีมงคลนี้ได้ จึงทรงอนุญาตให้พวกพราหมณ์เหล่านั้นทำพิธีมงคลแก่ช้างปุโรหิต

ฝ่ายพราหมณ์พวกนั้น เมื่อได้รับพระราชานุญาตแล้วก็ร่าเริงยินดี เพราะมองเห็นความมั่งคั่งรออยู่เบื้องหน้า อันเนื่องมาจากรายได้จากการทำพิธีมงคล พวกเขาเที่ยวประกาศให้ใครต่อใครทราบทั่วไป ภรรยาของปุโรหิตผู้ล่วงลับไปแล้วได้ทราบเรื่องราวเข้าก็รู้สึกเดือดร้อนใจ จึงเรียกลูกชายมาปรึกษา นางกล่าวว่า

“ลูกรัก ตระกูลของเราได้รับมอบหมายให้ทำพิธีมงคลแก่ช้างของพระราชามาถึงเจ็ดชั่วคนแล้ว มาบัดนี้แม่ได้ทราบว่าจะมีพราหมณ์ตระกูลอื่นมาขอทำหน้าที่แทน และดูเหมือนว่าจะได้รับพระราชาทรงอนุญาตแล้วด้วย ถ้าอย่างนี้ตระกูลเราก็คงหมดศักดิ์ศรี พ่อของลูกและบรรพบุรุษตายไปแล้วคงไม่เป็นสุขแน่ เพราะเราสองคนไม่สามารถรักษางานของตระกูลไว้ได้”

ลูกชายได้ฟังแม่พูดเช่นนั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เขาเข้าไปปลอบโยนแม่ให้หยุดเสียใจพร้อมทั้งรับอาสาว่า “แม่จ๋า ลูกจะรักษางานของตระกูลไว้เอง”

“ลูกพูดอะไร” ภรรยาปุโรหิตมองหน้าลูกชาย “การทำพิธีมงคลแก่ช้างไม่ใช่เรื่องง่าย คนทำต้องเรียนจบไตรเพท ต้องมีความรู้เรื่องสูตรที่จะร่ายในงานพิธี แต่ลูกของแม่ไม่มีความรู้เรื่องไตรเพท ไม่มีความรู้เรื่องสูตรต่างๆ ที่จะร่ายเลยแล้วจะทำได้อย่างไร”

“แม่จ๋า แม่ทราบไหมว่าเขาจะทำพิธีกันเมื่อไร” ลูกชายถามอย่างสุขุม

“นับจากวันนี้ไปอีก ๔ วันจ้ะลูก” ภรรยาปุโรหิตตอบ

“แม่รู้ไหมว่าอาจารย์ที่จบไตรเพท และสาธยายสูตรต่างๆ เกี่ยวกับช้างมีอยู่ที่ไหน”

“มีอยู่ที่แคว้นคันธาระ จ้ะลูก”

“แคว้นคันธาระอยู่ที่ไหนจ๊ะแม่”

“อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากเราไปได้ ๑๒๐ โยชน์ ที่แคว้นคันธาระนั้นมีเมืองตักสิลาเป็นเมืองหลวง ในเมืองตักสิลานั้นมีสำนักของอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ผู้เจนจบไตรเพทและรู้สูตรสำหรับร่ายในงานพิธีมงคลที่ทำแก่ช้าง”

“แม่จ๋า..... ลูกมั่นใจว่าลูกจะรักษางานของตระกูลไว้ได้”

“ลูกหมายความว่ายังไง แม่ไม่เข้าใจ”

“พรุ่งนี้ลูกจะไปเรียนไตรเพท และสูตรสำหรับร่ายในงานมงคลพิธีเกี่ยวกับช้าง”

“ไม่ทันการณ์แล้วละลูก เหลือเวลาเพียง ๔ วันเท่านั้น”

“ลูกจะต้องทำให้ได้ จะไปและกลับให้ทันวันทำพิธีมงคล และลูกจะเป็นคนทำพิธีให้ช้างเอง แม่คอยดูลูกจะทำให้ได้”

ภรรยาของปุโรหิตตะลึงงันในคำพูดของลูกชาย

รุ่งเช้าหลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ก็อำลามารดาออกเดินทางไปเมืองตักสิลา

“ขอให้เทวดาฟ้าดินจงคุ้มครองลูกของแม่ด้วย” ภรรยาปุโรหิตอ้อนวอน

ลูกชายปุโรหิตเป็นคนมีบุญ หลังจากออกเดินทางได้ไม่นาน ก็มีเทวดาเข้ามาช่วยด้วยการแสดงฤทธิ์ย่นระยะทางไปถึงเมืองตักสิลา พร้อมกับแจ้งความประสงค์มอบตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์

“เจ้าจะเรียนวันเดียวจบได้ยังไง” อาจารย์ทิศาปาโมกข์สงสัย

“ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะเรียนเอาแต่หัวข้อซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนความหมายจะไปทำความเข้าใจเอง” ลูกชายปุโรหิตตอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็เอา” อาจารย์ทิศาปาโมกข์ยอมรับ

การเรียนได้เริ่มขึ้นในตอนค่ำวันนั้นเอง อาจารย์ทิศาปาโมกข์ได้สอนให้ตามความประสงค์ คือ กล่าวข้อของพระเวทไปตามลำดับตั้งแต่ ฤคเวท ยชุรเวท ไปจนถึงสามเวท รวมทั้งสูตรสำหรับร่ายในงานพิธีมงคลแก่ช้างด้วย ซึ่งเมื่อเรียนจบก็ปรากฏว่ารุ่งเช้าพอดี

“เจ้าเรียนจบอย่างที่ต้องการแล้ว”

อาจารย์ทิศาปาโมกข์กล่าว ขณะที่แสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้า

ฝ่ายลูกชายปุโรหิต หลังจากเรียนจบอย่างถูกต้องตามที่ประสงค์แล้ว ก็อำลาอาจารย์เดินทางกลับเมืองพาราณสีภายในวันเดียวกัน ภรรยาปุโรหิตดีใจมากที่เห็นลูกชายเดินทางกลับมา

วันรุ่งขึ้นเป็นวันทำพิธีมงคลแก่ช้าง ช้างพลายประมาณ ๑๐๐ เชือก มีตาข่ายทองคลุมอย่างสมเกียรติและดูสง่างามยืนเด่นสง่าอยู่ในพระลานหลวงรอเข้าพิธี พวกพราหมณ์ที่ได้รับพระราชานุญาตให้เป็นผู้ทำพิธีมายืนรอเข้าทำพิธีอยู่พร้อมหน้า พระเจ้าสุสีมะเองเสด็จมาพร้อมด้วยข้าราชบริพาร

ฝ่ายลูกชายปุโรหิตแต่งตัวอย่างเหมาะสมไปเฝ้าพระเจ้าสุสีมา ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า “ขอเดชะ จริงหรือที่มีข่าวว่าพระองค์ทรงอนุญาตให้พราหมณ์พวกอื่นมาทำพิธีมงคลแก่ช้างแทนบิดาของข้าพระองค์”

“จริง.....” พระเจ้าสุสีมะรับรอง

“ขอเดชะ พระองค์มีเหตุผลอันใดหรือพระเจ้าข้า”

“มี เพราะบัดนี้บิดาของเจ้าก็ตายจากไปแล้ว เจ้าเองก็ไม่มีความรู้ ข้าจึงตัดสินใจมอบให้พราหมณ์ตระกูลอื่นทำ”

“ขอเดชะ พระองค์เข้าพระทัยผิด ถ้าพระองค์ไม่เชื่อ ข้าพระองค์ขอทดสอบพราหมณ์ที่อยู่ในที่นี้ ใครที่คิดว่ามีความรู้ในการทำพิธีมงคลแก่ช้างให้มาสาธยายแข่งกัน”

พราหมณ์ทุกคนเกิดความเกรงขาม ไม่มีใครกล้าเสนอตัวเองมาสาธยายแข่ง ครั้นเห็นไม่มีใครกล้าเสนอตัว ลูกชายปุโรหิตก็ทูลขอพระราชานุญาตให้เป็นคนทำพิธีมงคลแก่ช้างแทนบิดาของตน ซึ่งพระเจ้าสุสีมะก็ทรงอนุญาตด้วยความเต็มพระทัย วันนั้นลูกชายปุโรหิตได้รับสิ่งของตอบแทนที่มีราคามากเหมือนที่บิดาเคยได้รับมาทุกปี

ภรรยาปุโรหิตเห็นลูกชายกลับมาพร้อมด้วยสิ่งของจำนวนมาก ก็แน่ใจว่าลูกชายทำได้สำเร็จอย่างที่พูดไว้ จึงรู้สึกดีใจ “ลูกแม่ทำได้สำเร็จจริงๆ แม่ดีใจมาก” นางพูดพลางสวมกอดลูกชายไว้แนบแน่น

สองแม่ลูกดีใจที่รักษาศักดิ์ศรีของตระกูลไว้ได้เหมือนอย่างที่บรรพบุรุษรักษามา



นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ศักดิ์ศรีเป็นสิ่งสำคัญในสังคมมนุษย์ ยิ่งเป็นศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลด้วยแล้วยิ่งควรรักษาอย่างยิ่ง การจะรักษาศักดิ์ศรีของตระกูลไว้ได้ต้องอาศัยทายาทที่ฉลาดและมีคุณธรรม เหมือนลูกชายของปุโรหิตรักษาศักดิ์ศรีของตระกูลไว้ได้ฉะนั้น



................. เอวัง .................
 

_________________
สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว

จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2006, 6:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ สา..............ธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
เด็กน้อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2006, 11:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 08 มี.ค.2007, 6:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
wisdomutopia
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2007, 11:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

และหาซื้อไม่ได้ ไม่สะดวก โปรดเข้าไปดูที่

www.wisdomutopia.com

จำหน่ายหนังสือของธรรมสภาจำนวนมาก
 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2008, 3:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ อนุโมทนา แลบลิ้น
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง