Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เหตุที่คนทำชั่วบ่อย ตายแล้วไปสรรค์ได้ !!! อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2006, 5:54 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บุคคล 4 จำพวกตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ใน "มหากัมมวิภังคสูตร" นั้นสรุปได้ว่า

1. บุคคลบางคนที่มักทำผิดศีล (ในภพชาติปัจจุบัน) ตายไปเข้าถึงอบายๆ มี

2. บุคคลบางคนที่มักทำผิดศีล (ในภพชาติปัจจุบัน) แต่ตายไปกลับเข้าถึงสุคติๆ ก็มี

3. บุคคลบางคนรักษาศีล (ในภพชาติปัจจุบัน) ตายไปเข้าถึงสุคติๆ ก็มี

4. บุคคลบางคนรักษาศีล (ในภพชาติปัจจุบัน) แต่ตายไปกลับเข้าถึงอบายๆ ก็มี

อ่าน มหากัมมวิภังคสูตร

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

๖. มหากัมมวิภังคสูตร (๑๓๖)

http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=14&lstart=7749&lend=7977&word1=มหากัมมวิภังคสูตร

พระสูตรนี้ยาวมากและอ่านต้องสรุปให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเข้าใจผิด ว่าพระพุทธองค์ไม่อนุมัติให้กล่าวเรื่อง กฏแห่งกรรม โลกนี้ โลกหน้า..... และอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไมคนที่ทำชั่วบ่อยๆ แต่ตายแล้วไปสวรรค์ได้

ลองอ่านดูน่ะครับ พระสูตรนี้มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1. มีสมณะพราหมณ์นอกพระพุทธศาสนาบางพวก สมณพราหมณ์เหล่านั้น เจริญสมาธิจนได้ตาทิพย์ มองเห็นบุคคลบางคนหลังจากตายไปแล้ว ไปยังอบายๆ หรือสุคติๆ ด้วยญาณของตนเองจริงๆ

2. สมณพราหมณ์เหล่านั้นพูดแบบ "ปักลงไป" (แง่มุมเดียว) และเชื่อมั่นอย่างถึงที่สุดในสิ่งที่เขาเห็นด้วยตาทิพย์ (เขาเห็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ยังไม่แจ้งแทงตลอดถึงความสลับซับซ้อนของการให้ผลของกรรม) เขาจึงเกิดทิฏฐิที่ผิดว่า "ที่เขาเห็นมาเท่านั้นจริง นอกนั้นไม่จริงๆ"

3. จากพระสูตรนี้แสดงว่า ความจริงแล้ว คนที่มักจะทำดีเป็นประจำ ตายไปแล้วอาจจะไม่ไปสุคติทั้งหมด และคนที่มักทำชั่ว ตายไปแล้วอาจจะไม่ไปทุคติทั้งหมด เพราะ

3.1 กรรมชั่วและกรรมดีที่ทำในภพชาติปัจจุบันนี้นั้น อาจจะให้วิบากในชาตินี้ก็ได้ ในชาติหน้าก็ได้ หรือในชาติต่อๆ ไปก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องจำกัดว่าต้องให้ผลตอนเปลี่ยนแปลงภพ - ชาติ จากชาตินี้ไปชาติหน้าเท่านั้น

3.2 กรรมนั้นมีลำดับการให้ผลตามแต่ชนิดของกรรม ไม่ใช่ว่าบุคคลทุกคนที่ในชาตินี้ทำดีแล้ว ชาติต่อไปอีกหนึ่งชาตินับจากนี้จะต้องไปสู่สุคติทั้งหมด มันขึ้นกับว่ากรรมดีที่ทำในชาตินี้นั้นจะไปให้ผลตอนไหนต่างหาก และเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าบุคคลทุกคนที่ชาตินี้ทำชั่วแล้ว ชาติต่อไปอีกหนึ่งชาตินับจากนี้จะต้องไปทุคติทั้งหมด มันขึ้นกับว่ากรรมชั่วที่ทำในชาตินี้นั้นจะไปให้ผลตอนไหนต่างหาก

ถ้ากรรมดีหรือกรรมชั่วที่บุคคลบางคนทำ ไปให้ผล (วิบาก) ในตอนเปลี่ยนภพ - ชาติ ก็จะพาบุคคลไปเกิดในสุคติ (ถ้าเป็นวิบากของกรรมดี) หรือทุคติ (ถ้าเป็นวิบากของกรรมชั่ว)

4. และที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ในพระสูตรนี้คือ จิตสุดท้ายตอนจะตาย (จากพระพุทธวจนะ "....ทิฏฐิพรั่งพร้อม สมาทานแล้วในเวลาจะตาย.....") นั้นมีส่วนสำคัญมากๆ แม้นตลอดชีวิตบุคคลบางคนจะทำความดีมาตลอด แต่จิตสุดท้ายมีมิจฉาทิฏฐิ (เป็นอกุศล) ผู้นั้นก็ไปอบายๆ ได้ แม้นตลอดชีวิตบุคคลบางคนจะทำความชั่วมาตลอด แต่จิตสุดท้ายมีสัมมาทิฏฐิ (เป็นกุศล) ผู้นั้นก็ไปสุคติๆ ได้

..... ซึ่งนี่เป็นมหากัมมวิภังค์ของพระพุทธเจ้า ที่สมณพราหมณ์นอกพระพุทธศาสนาไม่มี ..... สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2006, 2:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องการให้ผลของกรรมนี้ จากประสบการณ์การทำชั่วของตัวผมเองในอดีต..... ถ้าจะฟังผมเล่าน่ะครับ รวมพิมพ์เป็นพ็อกเก็ตบุ๊คได้เลย..... เล่าไม่หมดครับ มันเยอะจริงๆ

และกรรมที่ผมทำไม่ดีเอาไว้ในอดีต (ในภพชาติปัจจุบัน) มันก็ตามมาให้ผลกันเห็นๆ ในชาตินี้เลย ผมเลยคิดว่ามันดีเหมือนกันครับที่กรรมตามให้ผลเร็ว ถ้าเป็นกรรมประเภทที่ตามมาให้ผลช้าเดี๋ยวจะไปเผลอคิดว่ากฏแห่งกรรมไม่มีจริงเสียอีก แต่ต้องขอเตือนเล็กน้อยเพราะกรรมนั้นมันมีลำดับการให้ผลตามความหนัก-เบา ก่อน-หลัง ถ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้าหรือพระมหาสาวกที่มีญาณด้านนี้โดยตรงอาจจะเข้าใจไม่ทะลุปรุโปร่งถึงการให้ผลของกรรม โดยเฉพาะปุถุชนคนธรรมดาจำนวนไม่น้อยพาลเลิกเชื่อเรื่องบุญ-บาปกันไปเลย เพราะคิดเอาเองว่า"....ก็ฉันทำดีในปัจจุบันทำไมฉันจึงไม่ได้ดี....."

..... เรื่องการให้ผลของกรรมเป็นเรื่องอจินไตย กล่าวคือ ผู้ที่ไม่มีญาณด้านนี้โดยตรงไม่สามารถจะเข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งแน่ๆ ท่านจึงกล่าวว่าไม่ควรใช้ตรรกะการคาดเดากับเรื่องการให้ผลของกรรม...... ความนึกคิดปรุงแต่งระดับธรรมดา เข้าใจเรื่องเหล่านี้ไม่ทะลุแน่ๆ ต้องเป็นญาณหรือการประจักษ์แจ้งโดยตรง หรือที่เรียกกันว่า"ทิพยจักษุจุตูตปาตญาณ".......

แต่ไม่ใช่หมายถึงให้เลิกเชื่อเรื่องกรรมน่ะครับ ฟังให้ดี !!!...... แยกให้ออกระหว่างการที่ท่านกล่าวเตือนไม่ให้หมกมุ่นครุ่นคิดในเรื่องการให้ผลของกรรมเอาเอง กับการห้ามไม่ให้เชื่อ ไม่ให้ศึกษาเรื่องกรรมน่ะครับ...... มันต่างกันน่ะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าพระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้เชื่อเรื่องกรรม ไม่ให้ศึกษาเรื่องกรรม ........เดี๋ยวจะยุ่งเป็นยุงตีกัน

เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ......ในกรณีที่บางท่านอาจจะสงสัยในเรื่องกฏแห่งกรรม หรือการให้ผลของกรรม......ผมขอเสนอว่า เรามาอยู่กับปัจจุบันกันดีกว่า...... พระพุทธองค์ท่านสอนไว้ว่า

"ผู้ใดเห็นโทษในความเป็นโทษ แล้วเวนคืนด้วยธรรม
ผู้นั้นย่อมมีความเจริญในอริยวินัย....."

ครับ ก็ถ้าเห็นโทษในความเป็นโทษนั้น ก็ดีแล้วน่ะครับ....... ให้เพียรทำความดีหรือเวนคืนด้วยธรรมขึ้นทดแทนสิครับ..... ถึงบาปกับบุญมันจะต่างฝ่ายต่างให้ผลก็จริงอยู่ แต่ถ้าเติมน้ำลงในโอ่งให้มากๆ เกลือในตุ่ม 1 กำมือที่มีรสเค็มมันก็จะจางได้เหมือนกันน่ะครับ

อีกประการหนึ่ง คือ กรรมที่พระพุทธองค์ท่านเน้นก็คือ กรรมที่เหนือกรรม .... หรือถ้าในนิทานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ 20 ท่านใช้คำว่า กรรมที่ไม่ถูกครอบงำโดยโลภะ โทสะ โมหะ....... ซึ่งก็หมายถึงชำระกิเลสออกจากใจจนหมดสิ้น..... นั่นถึงจะพ้นออกจากวงล้อกรรมเด็ดขาด...... ตรงนี้คงต้องเจริญมรรคจนหมดสิ้นอวิชานั้นล่ะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2006, 2:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหตุใดเราถึงไม่มีสิทธิ์รู้เรื่องกรรมเก่าที่เราทำ

..... เรา-ท่าน คงจะทวงถามเอาแต่ "สิทธิ์" ที่จะรู้เรื่องกรรมเก่าที่เคยทำ อย่างเดียวคงจะไม่ถูกต้องนักหรอก.....เรา-ท่านต้องทำตาม"หน้าที่"ที่ต้องทำด้วยน่ะครับ...... ถ้าเรา-ท่านทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว สิทธิ์นั้นมันก็จะมาเองโดยไม่ต้องดิ้นรนแสวงหา...... และผู้ที่ได้ทำหน้าที่ของตนเองจนสมบูรณ์จนได้รับ "สิทธ์" นั้น ในยุคปัจจุบันก็ยังมีอยู่จริง ได้แก่ ผู่ที่บรรลุ "ทิพยจักษุจุตูตปาตญาณ".......

แต่มันก็ยังคงจะเป็นปัญหาสำหรับคุณอีก คุณคงจะนึกในใจว่า "แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าที่ท่านกล่าวถึงการที่ท่านสามารถเห็นกรรมเก่านั้นเป็นเรื่องจริง ???"...... นี่ก็เป็นอีกปัญหาที่อาจตามมา ตราบใดที่คุณไม่เห็นแจ้งชัดด้วยตนเองในเรื่องเหล่านี้จนเป็น"ปัจจัตตัง" ความลังเลสงสัยมันก็ไม่มีทางจบสิ้นไปได้หรอกครับ......

ดังนั้น อย่ามัวแต่ลังเลสงสัย โดยไม่ปฏิบัติเลยครับ..... ลงมือปฏิบัติเลยดีกว่า

อีกประการหนึ่ง กรรมนั้น มันก็ไม่ใช่มีเฉพาะกรรมเก่าเท่านั้น..... มันก็ยังมี "กรรมปัจจุบัน" และ "กรรมในอนาคต" (ถ้ายังไม่ดับอวิชชาได้)...... โดยเฉพาะ"กรรมปัจจุบัน" มีความสำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องที่เรา-ท่านสามารถแก้ไขได้ กรรมในอดีตนั้นรู้ไปก็เท่านั้น มันผ่านพ้นไปแล้ว (แต่อาจจะกำลังให้ผลอยู่)...... เรา-ท่าน มุ่งแก้ไขกรรมปัจจุบันกันดีกว่าครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2006, 2:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีบทความสั้นๆ ของ ท่านอาจารย์เสถียร โพธินันทะ เกี่ยวกับเรื่อง กัมมัสกตาญาณ อันเป็นโลกียสัมมาทิฏฐิ มาฝากเพิ่มเติม

".........สัมมาทิฏฐิในองค์มรรคในมรรค 8 นี่........

สัมมาทิฏฐิแบ่งเป็น 2 ชั้น คือ โลกียสัมมาทิฏฐิ โลกียสัมมาทิฏฐิได้แก่อะไร ได้แก่ กัมมัสสกตาญาณ ถ้าคนที่มีกัมมสกตาญาณเชื่อในเรื่องว่าทำกรรมได้รับผลแห่งกรรมนั้นเท่ากับเชื่อว่าจะต้องมีเวียนว่ายตายเกิด ถ้าเชื่อกรรมก็ต้องเชื่อเวียนว่ายตายเกิดเป็นเงาตามตัว ฯลฯ

....... เมี่อไม่มีโลกียสัมมาทิฏฐิแล้ว โลกุตตรสัมมาทิฏฐิก็เกิดไม่ได้ .......

โลกุตตรสัมมาทิฏฐิ ได้แก่การเห็นแจ้ง ในอริยสัจจ์ 4 เป็นโลกุตตรสัมมาทิฏฐิแต่การที่จะเห็นแจ้งในอริยสัจจ์ 4 ได้นั้น คนนั้นจะต้องมี โลกียสัมมาทิฏฐิเป็นบุพภาค

(ถ้า) ไม่มีโลกียสัมมาทิฏฐิเป็นบุพภาคแล้ว การเห็นแจ้งในอริยสัจจ์เป็นไปไม่ได้ ......."
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2006, 6:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ

ทำกรรมเก่าให้เกิดประโยชน์
อยู่เพื่อพัฒนากรรม ไม่ใช่อยู่เพื่อใช้กรรม
โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6455

ไม่จำนนต่อกรรมเก่า
โดย พระไพศาล วิสาโล

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2594
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2006, 8:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนากับ คุณ สาวิกาน้อยด้วยครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรีนเดย์
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 01 ก.ค. 2006
ตอบ: 9

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2006, 4:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ ตรงประเด็นจริง ค่ะ ก็เคยๆ คิดสงสัยเรื่องแบบนี้เหมือนกัน
ขอบคุณมากค่ะ
 

_________________
ธรรมะทั้งปวง เป็นอนัตตา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2006, 5:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรีนเดย์ พิมพ์ว่า:
สาธุ สาธุ ตรงประเด็นจริง ค่ะ ก็เคยๆ คิดสงสัยเรื่องแบบนี้เหมือนกัน
ขอบคุณมากค่ะ



ยินดีครับ ยิ้ม ที่พอจะมีผู้ได้ประโยชน์บ้างจากข้อความ

แต่ชื่อ"ตรงประเด็น"นี้ เป็นชื่อที่ใช้มาหลายปีก่อนมากในเว็บอื่น แล้วไม่ได้เปลี่ยน..... ปกติ ไม่ค่อยจะตรงประเด็นเท่าไรหรอกครับ...... เขาถามอย่างหนึ่ง ผมตอบไปอีกอย่างหนึ่ง ตอบไปแล้วย้อนกลับไปอ่านดู อ้าว คนล่ะประเด็นกันเลย ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง