Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พระอินทร์กับอสูร (ธรรมสภา) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2004, 5:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



177177.jpg


พระอินทร์กับอสูร
นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา



สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เดิมเป็นที่อยู่ของพวกอสูร ต่อมาเมื่อ มฆมาณพตายจากโลกมนุษย์ได้ไปเกิดเป็นพระอินทร์อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ด้วยเช่นกัน พระอินทร์และเทวดาบริวารอีก ๓๒ องค์ได้ร่วมมือกันขับไล่พวกอสูรให้ลงมาอยู่ที่เชิงเขาสุเมรุ พวกอสูรแค้นเคืองจึงยกทัพรบกับพระอินทร์ ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นพระอินทร์ เป็นใหญ่อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น และมีเทพบริวาร ๓๒ องค์เป็นผู้ช่วยเหลือ

สวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีเนื้อที่กว้างใหญ่ได้ ๑๖๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร มีเทพนคร (เมืองหลวง) ชื่อ “สุทัสสนะ” ตั้งอยู่รายรอบเขาพระสุเมรุ พวกอสูรได้อยู่ที่สวรรค์ชั้นนี้มาก่อน ต่อมามฆมาณพได้มาเกิดเป็นพระอินทร์อยู่ร่วมด้วย และได้ครองความเป็นใหญ่ร่วมกับพวกอสูร พระอินทร์ไม่ปรารถนาจะอยู่ร่วมกับพวกอสูร จึงปรึกษากับเทพบริวาร ๓๒ องค์

“จะทำอย่างไรกันดีจึงจะขับไล่เขาได้” พระอินทร์ปรึกษา “ไม่เห็นยากอะไร” เทพบริวารองค์หนึ่งเสนอแนะ “เราจัดให้มีงานเลี้ยงแล้วเอาเหล้าให้พวกเขากิน พอพวกเขาเมาเราก็จับเหวี่ยงลงไปเชิงเขาพระสุเมรุ แล้วทันใดนั้นเองที่เชิงเขาพระสุเมรุนั้นก็มีภพอสูรเกิดขึ้นเป็นที่รองรับพวกอสูร

ภพอสูรมีขนาดเท่ากับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และมีต้นไม้เป็นสัญลักษณ์เช่นกัน กล่าวคือ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีต้นปาริฉัตร (หรือปาริชาติ) เป็นสัญลักษณ์ ส่วนภพอสูรมีต้นจิตตปาฏลิเป็นสัญลักษณ์ เมื่อพวกอสูรอยู่ที่เชิงเขาพระสุเมรุได้ระยะหนึ่งก็ถึงฤดูดอกจิตตปาฏลิ (ดอกแคฝอย) บาน ทำให้นึกถึงดอกปาริฉัตรในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่ตนเคยอยู่มาก่อน จึงรู้สึกเสียดายสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และร่วมกันวางแผนจะยึดคืน

“จะรบกับพวกข้างบนยังไงดี” หัวหน้าอสูรปรึกษา

“เราก็จะยกทัพไต่เขาพระสุเมรุขึ้นไป” อสูรบริวารตัวหนึ่งเสนอแนะ

อสูรทั้งหมดเห็นด้วยที่จะทำอย่างนั้นเพราะไม่เห็นทางอื่นที่ดีกว่า ดังนั้นเมื่อได้เวลาเหมาะสม พวกอสูรจึงยกทัพไต่เขาพระสุเมรุขึ้นไป พระอินทร์มองลงมาเห็นพวกอสูรไต่ขึ้นเขากันยั้วเยี้ยเหมือนมดไต่เสาก็ทรงสงสัยจึงตรัสถามบริวาร

“พวกอสูรยกทัพมาพระเจ้าข้า” เทพบริวารองค์หนึ่งถวายรายงาน

พระอินทร์ได้ฟังดังนั้นแล้วก็คิดตัดไฟแต่ต้นลม จึงให้มาตลีขับรถเวชยันต์พาพระองค์มาปรากฏอยู่บนหลังมหาสมุทรใกล้กับภพอสูรแล้วเกิดสู้รบกัน ปรากฏว่าพระอินทร์สู้ไม่ได้เพราะมีกำลังน้อยกว่าจึงให้มาตลีขับรถหนีไปทางชายมหาสมุทรด้านทิศใต้ ชายมหาสมุทรด้านทิศใต้นั้นมีป่าไม้งิ้วขึ้นอยู่ พวกครุฑอาศัยอยู่ในป่านั้น มารตลีขับรถเวชยันต์ซึ่งเทียมด้วยม้าสินธพ ๑,๐๐๐ มาเร็วมากเข้าไปในป่าไม้งิ้วทำให้ไม้งิ้วหักระเนระนาด พวกลูกนกครุฑตกใจส่งเสียงร้องกันเซ็งแซ่ พระอินทร์ได้ยินเสียงเซ็งแซ่นั้นจึงตรัสถามมาตลี

“เสียงอะไรร้องน่าสงสารเหลือเกิน”

“ขอเดชะ เสียงลูกนกครุฑ ร้องเพราะตกใจกลัวตาย เนื่องจากข้าพระองค์ขับรถมาเร็วจนไม้งิ้วซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกมันหักระเนระนาด”

“อย่างนั้นหรือ” พระอินทร์อุทานพลางตรัสบอกมาตลีว่า

“พวกเราอย่าทำให้นกพวกนี้ต้องทุกข์ยากเลย เอาละกลับรถไปทางเก่าเถอะ”

“ไม่ได้ พระเจ้าข้า ขับรถกลับทางเก่าไม่ได้”

“ทำไมเล่า”

“พระองค์ไม่เห็นหรือ พวกอสูรกำลังไล่ตามมาติดๆ หากกลับรถไปก็ต้องสวนทางกับพวกอสูรและสู้รบกัน พระองค์ก็รู้อยู่ว่าสู้เขาไม่ได้เพราะเรามีพวกน้อย จึงเท่ากับว่ากลับไปตายลูกเดียว”

“มาตลี..... ฉันไม่เคยจะใช้ชีวิตของผู้อื่นมาเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตัวเองเลย เอาเถอะการกลับไปครั้งนี้ถ้าฉันจะต้องตายก็ให้มันตายไป แต่ฉันจะไม่ยอมให้สัตว์ผู้บริสุทธิ์อย่างลูกนกครุฑตายเป็นอันขาด”

เมื่อได้ฟังพระดำรัสที่เฉียบขาดเช่นนั้น มาตลีก็ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ เขากระตุกเชือกม้าให้หันกลับมาทางเก่าแล้วกระตุกเชือกเป็นสัญญาณให้เร่งฝีเท้าให้เต็มที่ ทันใดนั้นม้าก็พาเวชยันต์วิ่งเหมือนบินกลับมาทางเก่า แล้วบ่ายหน้าขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พวกอสูรกำลังไล่ติดตามมา เห็นรถเวชยันต์วิ่งกลับมาก็คิดว่าพระอินทร์ได้พวกมาช่วยจึงตกใจยกทัพหนีกลับเข้าภพอสูร

“ทำไมยกทัพกลับมาเล่าพระเจ้าข้า” อสูรบริวารตนหนึ่งถาม

“ไม่กลับได้ยังไง” หัวหน้าอสูรตอบ “พระอินทร์ยกพวกมากันเป็นฝูงๆ พวกเราขืนอยู่ก็แหลกเป็นผงนะซี”

ผลปรากฏว่า การสู้รบกันครั้งนี้พระอินทร์ไม่แพ้แต่ก็ไม่ชนะ ฝ่ายอสูรเองไม่แพ้แต่ก็ไม่ชนะเช่นกัน เลยทำให้เมืองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กับภพอสูรได้ชื่อใหม่ร่วมกันว่า “อยุชฌปุระ” (เมืองที่ไม่มีใครรบชนะได้)


ครั้นเสด็จกลับไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว พระอินทร์ก็จัดกำลังอารักขาไว้ ๕ จุดด้วยกันคือ ที่ระเบียงด้านนอกของเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นระเบียงชั้นที่ ๑ จัดให้พวกนาคอารักขาเพราะอยู่ใกล้น้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกนาค ถัดจากระเบียงชั้นที่ ๑ เข้าไปเป็นระเบียงชั้นที่ ๒ จัดให้พวกครุฑอารักขา ถัดระเบียง ๒ เข้าไปเป็นชั้นที่ ๓ เข้าไปเป็นระเบียงชั้นที่ ๔ เข้าไปเป็นระเบียงชั้นที่ ๕ ซึ่งเป็นชั้นใกล้เขตแดนของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จัดให้ท้าวมหาราชทั้ง ๔ อารักขา ท้าวมหาราช ยักษ์ กุมภัณฑ์ ครุฑ และนาค ได้ถวายอารักขาพระอินทร์เต็มความสามารถ พวกอสูรได้ทราบว่ามีการอารักขาสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อย่างเข้มแข็งก็ไม่กล้ายกทัพมารุกรานอีก

ขณะที่พระอินทร์เสวยความสุขในทิพยสมบัติอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น นางทั้ง ๔ ซึ่งเคยเป็นภรรยาเองครั้งเกิดเป็นมฆมาณพในหมู่บ้านมจละเองราชคฤห์แคว้นมคธ ก็ได้ตายมาเกิดเป็นชายาอีกในชาตินี้

นางสุธัมมา
เกิดมาเป็นเทวสภาชื่อ สุธัมมา เป็นสมบัติเทวสภาแห่งนี้กว้างใหญ่ได้ ๕๐๐ โยชน์ ตรงกลางมีบัลลังก์ทองตั้งอยู่ภายใต้ทิพยเศวตฉัตร พระอินทร์ขึ้นประทับนั่งสั่งการบนบัลลังก์

นางจิตตา เกิดมามีอุทยานชื่อ จิตรลดาวัน เป็นสมบัติ เพราะอานิสงส์ที่ได้สร้างสวนจิตรลดาวันไว้ครั้งเกิดเป็นมนุษย์

นางนันทา เกิดมามีสระโบกขรณีชื่อ นันทา เป็นสมบัติ เพราะอานิสงส์ที่สร้างสระน้ำใหญ่ไว้ครั้งเกิดเป็นมนุษย์

ฝ่าย นางสุชาดา ไปเกิดเป็นนกยางก่อนโทษฐานที่ไม่สนใจในการให้ทานรักษาศีล สนใจแต่เรื่องแต่งกายเย้ายวนใจสามี ต่อมาพระอินทร์เสด็จไปโปรดแนะนำให้รักษาศีล นางทำตาม ตายจากชาตินั้นก็ไปเกิดเป็นลูกสาวของเวปจิตติอสูร และได้ทราบว่าบัดนี้บิดากำลังทำพิธีให้นางเลือกคู่ตามใจชอบของนางเอง จึงแปลงตัวเป็นอสูรมาแทรกอยู่ท่ามกลางพวกอสูร

ฝ่ายเวปจิตติอสูร เมื่อเห็นว่าอสูรหนุ่มทั้งหลายมาพร้อมกันแล้วก็เชิญลูกสาวออกมาเลือกคู่ นางสุชาดาออกมายืนอย่างสง่าอยู่ท่ามกลางอสูรหนุ่มแล้วสอดส่องสายตาไปรอบๆ พลันก็เหลือบไปเห็นพระอินทร์ในร่างอสูรแก่

“นี่ไงผู้ที่จะมาเป็นสามีเรา” นางคิดพลางโยนพวงมาลัยไปคล้องคอพระอินทร์ด้วยความรักที่สืบสานมาแต่อดีตชาติ

“โอย..... ประหลาดจัง” อสูรหนุ่มทั้งหลายอุทานด้วยความหัวเสีย “เจ้านายเราแทนที่จะได้ลูกเขยหนุ่มอย่างพวกเรา แต่นี่กลับมาได้ลูกเขยแก่คราวปู่”

ว่าพลาง อสูรก็แยกย้ายกับกลับวิมานของตน ฝ่ายเวปจิตติอสูรเมื่อลูกสาวตัดสินใจเลือกเช่นนั้นก็ไม่สามารถทัดทานได้ จำใจรับอสูรแก่ไว้เป็นลูกเขย ส่วนพระอินทร์เมื่อได้นางสุชาดาเป็นชายาแล้วก็แปลงร่างเป็นอย่างเดิม พาเหาะไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การยอมตายเพื่อให้ผู้อื่นอยู่ได้อย่างมีความสุขนั้นเป็นสมบัติของนักปราชญ์โดยแท้ เช่นเดียวกับพระอินทร์ยอมตายเพื่อให้ลูกนกครุฑอยู่รอดฉะนั้น



.............................. เอวัง ..............................


ผีเสื้อ ผีเสื้อ ผีเสื้อ
 

_________________
สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว

จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2006, 3:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สา...............ธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 05 ส.ค. 2006, 12:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สา......ธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
เด็กน้อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2006, 11:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 4:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ สาธุ
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง