Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำบุญด้วยปัญญา...หลวงปู่พุทธอิสระ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 11:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมะจากหลวงปู่…หลวงปู่พุทธะอิสระ

ทำบุญด้วยปัญญา



คัดลอกจาก...
http://www.dhamma-isara.org/dhamchap_4_1.html

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 11:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทำบุญด้วยปัญญา

จะทำยังไงก็แล้วแต่เถอะ
อยากจะบอกเอาไว้ว่า
อย่าทำจนกระทั่งเราคิดว่า เราเดือดร้อน
การทำบุญ ก็คือ ต้องทำด้วยความเต็มใจ
ขณะทำตั้งใจ กำลังทำเต็มใจ
และทำแล้วสบายใจ
ถ้า 3 กาลนี้ ครบเมื่อไหร่ ถือว่านั่นเป็นบุญ
แต่ถ้าหากว่าขณะที่ทำ ไม่ตั้งใจ
กำลังทำก็ไม่เต็มใจ แต่ทำแล้วยิ่งลำบากใจ
ถือว่าการทำบุญอันนั้นไม่เป็นบุญ
บุญนั้นเป็นหมัน ไม่มีผลตอบสนองหรือตอบแทน
เพราะฉะนั้น ถ้าเราเดือดร้อน ก็อย่าคิดว่าต้องทำบุญ
แม้แต่พระศาสดายังทรงสั่งสอนว่า
การจะแสดงธรรม ก็จงอย่าแสดงธรรมต่อคนหิว
คนกำลังมีเวทนากล้า เพราะคนที่หิว
เป็นคนที่ขาดสติ มีความเดือดร้อนกายเป็นปกติ
คนที่มีเวทนากล้า คือ คนที่มีความทรมานทางกาย
เกิดจากอาการ เจ็บป่วยอย่างหนักจนไร้สติ
แล้วก็คนเมา แสดงให้เห็นว่า
พระองค์ทรงสอนให้เรา
ทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องเต็มไปด้วยความรู้สึก
ที่ได้ประโยชน์อย่างยิ่ง อย่าทำแบบสุ่ม 4 สุ่ม 5
อย่าตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

ถึงแม้ว่าชั่วชีวิตหลวงปู่ จะไม่ชอบเป็นคนขี้ขอ
และก็ไม่อยากจะเป็นคนสอนให้คนอื่นเป็นคนขี้ขอ
แต่ ในขณะเดียวกัน หลวงปู่ก็เป็นคนชอบที่จะให้
แต่ถ้าเมื่อใดที่จะมานั่งรับอยู่ฝ่ายเดียว
จะรู้สึกลำบากใจ
ถ้าเราผู้รับสบาย แต่ผู้ให้ลำบาก
มันก็คงจะรับได้ไม่ดี รับได้ไม่เต็มที่
หรือไม่ก็รับได้ด้วยความรู้สึกกังวลใจ
หลวงปู่ไม่อยากกังวลใจ
เรื่องที่ผู้ให้แล้วลำบาก
ต้องแน่ใจแล้วว่า เราให้แล้วเราไม่ลำบาก
ให้แล้วเราสบาย ให้แล้วเราไม่เดือดร้อนกาย วาจาหรือใจ
ไม่มีความเดือดเนื้อร้อนอะไร ใดๆ
ถือว่าเป็นการให้ที่สมบูรณ์
แต่ถ้าให้แล้วเรายังลำบาก
แต่เพราะความอยากให้
นั่นคนละเรื่อง มันเป็นเรื่องราวของพระโพธิสัตว์
เป็นเรื่องราวของคนที่ไม่หวังอะไร
เป็นเรื่องราวของคนที่ มีศรัทธาเสียจนเปี่ยมล้นหัวใจ
กล้าที่จะให้ได้แม้กระทั่งชีวิตวิญญาณ
เลือดเนื้อและจิตใจ
แต่ถ้าเรายังทำไม่ถึงตรงนั้น ก็ต้องบอกว่า
เอาตัวเองให้รอดก่อน
เมื่อตัวเรารอดแล้ว ค่อยทำให้คนอื่นรอดตาม

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 11:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คนทีมีจิตใจสูงส่ง ชนิดที่คิดจะ
เฉือนเลือดเนื้อชีวิตวิญญาณให้แก่คนอื่นได้
หาไม่ได้ง่ายนัก ถ้าเผอิญมี โลก สังคมและศาสนานี้
เขาขนานนามท่านผู้นั้นว่า พระโพธิสัตว์
ผู้ที่มีโพธิจิตอยู่ในหัวใจ คือ มีความเอื้ออาทร
และเมตตา การุณ เปรียบประดุจดังพื้นปฐพี
และก็ลุ่มลึกดั่งมหาสมุทร ทั้ง 4
มีแสงสว่าง ประดุจดังพระอาทิตย์ ยามเที่ยงวัน

พวกเราหาน้อยที่จะมีดวงใจเป็นอย่างนั้น
เพราะว่าไม่ได้ฝึกปรือมาแต่อดีต
ไม่ได้สั่งสม อบรมมาแต่อดีต
หรือว่าสั่งสมอบรมและฝึกปรือมาน้อย
มีมาน้อย ทำมาน้อย จิตใจที่กล้า ที่จะให้
แม้กระทั่งชีวิตของตนคง

จะไม่ค่อยมี หรือมีก็น้อยมาก
เพราะฉะนั้น จะทำบุญอะไรก็ต้องบอกตัวเองว่า
การทำบุญก็คือการทำลายความตระหนี่
ความเห็นแก่ตัว ความโลภมาก จิตใจคับแคบ
และความอิจฉา ริษยาให้ลดน้อยถดถอยลงไปเท่านั้น
แต่ถ้าหากมันจะทำลายความสุขส่วนตัว
ซึ่งอันจะพึงได้จากการ ใช้ทรัพย์เลี้ยงดูชีวิต
ให้อยู่รอดปลอดภัยจากความอดอยากลำบากแล้วละก็
ถือว่าบุญอันนั้นไม่ใช่บุญ

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 11:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รวมความแล้วก็คือ อยากจะเตือนว่า
อย่าทำให้หลวงปู่ลำบากใจกับการทำบุญของพวกท่าน
ถ้าท่าน ลำบากแล้วมาทำบุญกับเรา
ที่นี่ไม่สบายใจ แต่ถ้าพวกท่านเป็นบุคคลที่สบาย
มีกินมีใช้ ไม่เดือดเนื้อ ร้อนใจ
ก็แล้วแต่เจตนาและความปรารถนา ที่ท่านจะทำได้เถอะ
แต่ถ้าพวกท่านยังลำบากอยู่
ก็ทำแต่พอกำลังอย่าถึงขนาดต้องทุ่มต้องเท
แน่นอนถึงแม้ว่าหลวงปู่จะต้องการ
หรือว่าคนที่นี่เขาอยากได้ หรือปรารถนา
เพราะเราไม่มีขัดสน
แต่ความต้องการความปรารถนาและ ความขัดสนอันนั้น
มันก็มีขีด จำกัดอยู่ในวงแคบๆ
ที่จะต้องบอกว่าคนอื่นมาทำบุญแก่เรา
ต่อเมื่อเขาศรัทธาต่อเรา ผู้อื่นมาบบริจาคให้เรา
ก็ต่อเมื่อเขาเห็นความจำเป็น
ที่เราต้องการ และก็เชื่อมั่นในสิ่งที่เขาทำ
และอีกประเภทหนึ่ง ก็คือ
ผู้อื่นมาให้แก่เราก็ต่อเมื่อเขามุ่งหวังว่า
เขาพึงจะได้อะไรตอบแทนหรือตอบสนอง
แม้แต่คำว่าบุญ ก็เป็น การตอบสนองและตอบแทนได้

เพราะฉะนั้น ถ้าคิดจะทำบุญแบบประเภททั้ง 3 อย่าง
ที่กล่าวมาแล้ว ก็ต้องแน่ใจว่า เราไม่เดือดร้อนอะไร

แล้วหลวงปู่ก็คงจะรับได้อย่างไม่เต็มที่นัก
ถ้าพวกเราเดือดร้อน คงจะรู้สึกอึดอัดและลำบากอย่างยิ่ง

เพราะเท่าที่จำความได้ เกิดมาชั่วชีวิต
ไม่เคยคิดทำให้คนอื่นลำบากเพราะการกระทำ
และความปรารถนาของตน
ถ้าเผอิญเห็นคนอื่นลำบาก เพราะการกระทำ
และ ความปรารถนาของตน
ก็ถือว่า เราเป็นบาปอย่างยิ่ง ไม่เหมาะสม
ไม่ควรที่จะเป็นเยี่ยงและอย่างที่ไม่ดี
และเลวทรามปานนั้น

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 11:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถือเสียว่า การทำบุญก็คือการทำลาย
สิ่งที่เป็นเรื่องเลวๆ ร้ายๆ ที่อยู่ในตัวเอง
แต่อย่าถึงขนาดต้องทำลายความสุข
อันพึงจะได้จากการจับจ่ายใช้ทรัพย์ที่มีอันน้อยนิด
อย่าถึงขนาดที่จะทำลายความสุข
อันพึงจะได้จากการอยู่ร่วมกันระหว่างพ่อ แม่ ลูก
ครอบครัว และความอบอุ่น ในสถาบันของครอบครัว
การทำบุญ จะต้องไม่ทำลายสถานภาพของครอบครัว
และเป็นตัวของตัวเอง
การทำบุญจะต้องไม่ทำลายความยึดมั่นถือมั่น
และเชื่อในสิ่งที่เป็นเรื่องจริง
นั่นคือ ยึดมั่นถือมั่นในความเป็นจริง
ต้องไม่ทำลายการทำบุญของเรา
จะต้องไม่ทำให้เรากลายเป็นบุคคลที่โง่เขลา
ศรัทธาแบบขาดปัญญาวิจารณ์
พิจารณา การทำบุญของเรา
จะต้องไม่ทำให้ตัวเรากลายเป็นทาส
ของความศรัทธาที่ไร้ปัญญา
ในการวิเคราะห์ใคร่ครวญ
จนกระทั่งถึงขนาดยอมทุ่มเท ทุกอย่างที่มี
โดยอ้างคำว่าบุญ สวรรค์ และนิพพาน เฉยๆ
โดยที่เราไม่รู้ว่าทั้งสวรรค์และนิพพาน
ตัวบุญหน้าตามันเป็นอย่างไร
ถ้าทำแบบนั้นถือว่า
เป็นการกระทำแบบชนิดตาบอดคลำช้าง
เรามองไม่เป็นช้าง ไม่เคยรู้จักช้าง ไม่เคยดูช้าง
แต่เราก็พยายาม บอกว่า ช้างรูปร่างอย่างนั้นอย่างนี้
ให้แก่คนอื่นฟัง แล้วเราก็พยายามจะคิดและเนรมิต
รูปร่างช้างให้ มันเหมือนอยู่ที่เราต้องการเห็น
ในความรู้สึกนึกคิดเท่านั้น แต่คนอื่นเขาอาจจะไม่เห็น
ร่วมรวมกับเรา ด้วยก็ได้

เพราะฉะนั้น จงทำบุญด้วยปัญญา
จงใช้ปัญญาในการวิจารณ์ พินิจ พิจารณา

ว่าสิ่งที่เราทำ นั้นต้องไม่เดือดร้อน
ต้องไม่เบียดเบียนตน
และไม่ทำให้คนอื่นต้องได้รับการกระทบ
จากการกระทำของเรา นั่นถือว่าเป็นบุญอันบริสุทธิ์
เป็นบุญอันประเสริฐ เป็นบุญอันบุรุษและสมาธิ
พึงทำได้ตามกาล ตามสมัย
ที่มีลมหายใจและชีวิตตามหน้าที่
ตามภาระธุระที่เราเป็นพุทธบริษัท
แต่ถ้าทำแล้วมันเบียด เบียนตน
และทำให้ผู้อื่นรับผลกระทบในทางเดือดร้อน
นั่นไม่ใช่บุญของพระศาสนานี้
เป็นบุญของมาร ของบุคคลที่เห็นแก่ตัว
และพึงหวังจะได้อย่างเดียว
เป็นบุญของคนที่กอบโกย
เป็นบุญของคนที่โฆษณา ชวนเชื่อ
และหลอกล่อเขาด้วยของอันพึงยังเชื่อได้
หรือหวังว่าจะได้ บุญประเภทนั้น
ไม่ใช่บุญของอริยชน ไม่ใช่บุญของคนที่มีปัญญา
มันเป็นบุญของปุถุชน ของคนที่ขาดปัญญาญาณ
ในการวิจารณ์พิจารณา
บุญเป็นพลังอนันต์ที่ส่งเสริมสนับสนุน
ให้สัตว์เป็นคน จากคนได้เป็นมนุษย์
และจากมนุษย์ได้เป็น อริยเจ้า
บุญทำให้สามัญชนเป็นสามัญอริยสัตว์
เข้าใจถึงอริยสัตว์ทั้งหลาย
ที่เป็นความจริงของโลกได้
บุญทำให้มนุษย์ปุถุชนธรรมดาๆ
ได้กลับกลายเป็นพระพุทธเจ้าที่น่าศรัทธา
ของชาวโลกและจักรวาลได้
บุญทำให้พวกเราทั้งหลาย มีหู มีตา มีแขน ขา
ครบอาการ 32 บุญทำให้เราสื่อภาษากันด้วยความรู้สึก
ของคนได้รู้เรื่องและเข้าใจ
บุญทำให้เราได้มีโอกาสได้พบพากันเข้าใจกัน
รู้จักกันและพูดภาษาเดียวกัน รู้เรื่อง
เราเจอหน้าเข้าใจรู้จัก อยู่ร่วมกันได้
ก็เพราะว่าบุญ และใจ

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 11:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขณะเดียวกันเรากลับกลายเป็นศัตรู
เป็นบุคคลที่ไม่พอใจ เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
ก็เพราะว่าเราทำบาป

เรามีหัวใจที่เป็นอกุศล คือความโง่เขลา
และไม่เข้าใจในความเป็นจริงของการมีชีวิต

เพราะฉะนั้น อย่าว่าแต่พวกเราชอบคำว่าบุญ
แม้แต่หลวงปู่เองก็ชอบคำว่าบุญ
แต่จงเป็นบุญของคนที่ใช้ปัญญา
จงเป็นบุญของคนที่ต้องวิเคราะห์ได้แล้วว่า
สิ่งนี้ วัตถุนี้ ลักษณะนี้ จังหวะนี้ คนๆ นี้
อาการเช่นนี้ ทำแล้วเราไม่เดือดร้อน
นั่นถือว่า เป็นบุญของสัตบุรุษ
บุรุษผู้เป็นสัตว์อันประเสริฐ เป็นบุญของอริยชน
คือชนที่เป็นอริยเจ้า แต่ถ้าหากทำแล้ว
สิ่งนี้ ประเภทนี้ คนๆ นี้ ลักษณะเช่นนี้
เราเดือดร้อน ก็ถือว่าเป็นบุญของสัตว์สามัญๆธรรมดา
ที่ยังขาดปัญญาญาณ และยิ่งเป็นคนบ้าบุญ
โดยการไม่รู้จักคิด แยกแยะดีชั่วทุ่มเท
ทุกอย่างให้กับคำว่าบุญ
โดยไม่คำนึงนึกถึงความถูกต้อง ชั่วดี ถี่ห่าง
โดยไม่รู้ว่าบุคคลที่รับบุญของเรา
เป็นบุคคลประเภทใดเช่นไร
ลักษณะไหน ก็คือว่า
เป็นการทำบุญของสามัญสัตว์ชั้นต่ำที่โง่เขลา
และไร้ปัญญาญาณในการวิจารณ์พิจารณา

เพราะฉะนั้น จงทำบุญโดยการวินิจวิเคราะห์
ใคร่ครวญและพิจารณาให้ละเอียดถ่องแท้
แล้วบุญของพระพุทธเจ้า
ไม่ใช่มีเพียงแค่การบริจาค หรือการให้ทานเฉยๆ
แม้แต่การสวดมนต์ภาวนา ก็เป็นวิธีหนึ่ง

ในการทำบุญ 10 อย่างได้เหมือนกัน
การทำหน้าที่ของพ่อที่ดีที่มีต่อลูก ผัวที่ดี
ที่มีต่อเมียก็เป็นการทำบุญ

การทำหน้า ที่ของลูก ที่ดีที่ให้ต่อพ่อและแม่
มีความโอบอ้อมอารี มีน้ำใจ อ่อนน้อมถ่อมตน
ยอมรับเชื่อถ้อยฟังคำ ผู้ใหญ่
ถือว่าเป็นการทำบุญ 1 ใน 10 อย่างได้เหมือนกัน
การทำความเห็นในการทำบุญ

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 11:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การภาวนา การมีชีวิตวิญญาณของตนให้ถูกต้อง
ตรงต่อกฎหมายของบ้านเมือง สังคม และกติกา
ของจักรวาล ก็ ถือว่าเป็นการทำบุญได้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นบุญไม่ได้มีขีดจำกัดเพียงแค่การบริจาค
และการแบ่งปัน บุญกว้างขวางใหญ่โตมโหฬาร
ถึงขนาดเราทำชีวิตวิญญาณให้บริสุทธิ์และประเสริฐ
ก็ถือว่าเป็นการทำ บุญได้ด้วย
เราอย่าจำกัดความและให้ความหมายของคำว่าบุญ
อยู่ในวงแคบๆ เพียงแค่ว่า การให้ และบริจาคเฉยๆ
บุญมีความกว้างขวาง
บรรจุพลังงานไว้เท่ากับสากลจักรวาลมากมาย
ถึงขนาด จะดลบันดาล ให้เรามีชีวิตวิญญาณ
ให้พ้นจากขุมนรก บุญมีพลังงานอนันต์
ที่ส่งบุคคลสามัญ ให้กลาย เป็นพระพุทธเจ้า
เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นอริยชน รู้จักอริยสัตว์
และก็เพราะบุญอีกเหมือนกัน
ที่ทำให้ขอทานธรรมดาๆ
ให้กลายเป็นพระราชาในวันข้างหน้าได้
ก็แสดงว่า บุญไม่ได้มาจากการบริจาคอย่างเดียว
แต่บุญมันจะต้องมีวิถีทางที่จะได้ทำ
และทำให้ถึงคำว่าบุญได้มากกว่าตรงที่เราคิด แ
ละวิถีทางของการทำบุญ ที่คิดว่ามากกว่าการบริจาค
และการให้ที่พระศาสดาทรงบัญญัติ มันมีตั้ง 10 ประการ
และก็ 1 ใน 10 ประการเราก็พึ่งจะทำมันผ่านพ้นไป
เมื่อครู่นี้เอง ก็คือการสวดมนต์ ภาวนา การทำจิต
ของตนให้พ้นจากอกุศลกรรม เลวร้ายทั้งปวง
ด้วยการสาธยายบทพระพุทธมนต์ทั้งหลาย
ก็ถือว่าเป็นวิถีทางในการทำบุญเหมือนกัน
ทำเรื่องบุญอย่างนี้ ทำบุญเช่นนี้
เป็นการทำบุญที่เราแทบไม่ต้องลงทุนและไม่เดือดร้อน
ขอเพียงเราพยายามอดกลั้นอารมณ์
และสงบจิตใจ และมีความหมั่น มั่นหมายขยัน
หมั่นเพียร ที่จะทำมันให้ได้
ก็ถือว่าเป็นการทำบุญที่เราทำแล้ว
และค่อยๆ จะขยายวิธีทำบุญให้มันครบ
หมด 10 อย่าง ด้วยวิถีทางแห่งความถูกต้อง
และฉลาดรอบรู้ในการกระทำ ถือว่านั่นเป็นหน้าที่
และ วิถีทางในการทำบุญ

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 11:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่จำเป็นว่าหลวงปู่จะต้องมีต้องดีต้องได้
และเราก็ต้องขวนขวายหามาให้
ไม่มีสิ่งนี้ชีวิตนี้ ก็ยังอยู่ได้

ไม่มีสิ่งนี้หลวงปู่ก็อยู่ได้มาตั้งนานแล้ว
และก็ไม่เกิดสิ่งนู้น
คนที่นี่เขาก็ยังมีชีวิตอย่างมีความสุข
เพียงแต่สิ่งที่พวกท่านมาช่วยกันทำ
ก็เพื่อจะให้สิ่งที่มันสุข
เป็นความสุขที่มีชีวิตวิญญาณมากขึ้นเท่านั้นเอง
เป็นความสุขที่ปรากฏแสงสีเสียง
กลิ่นไอของความสะดวกสบาย
และเทคโนโลยีไฮเทคมากขึ้นเท่านั้นเอง
ซึ่งเป็นความสุขที่เราเอื้ออาทรกันได้ตามกาลตามสมัย
เป็นความสุขที่เราให้กันได้ด้วยวิถีทางของผู้เจริญ
ในการพัฒนาในเทคโนโลยี
แต่ความสุขที่เราควรจะปลูกฝัง
และทำให้เกิดขึ้นในกมลสันดาน
และจิตใจก็คือ
ความสุขที่เกิดจากกระบวนการของการสลัดหลุด
และปล่อยวางให้เกิดสันติสุขภายในจิตวิญญาณ
ความสุขชนิดนี้ควรจะต้องแบ่งปัน
และเรียกขานชี้นำให้เข้าไปถึงมัน
อย่างถ่องแท้และถี่ ถ้วน
และจงปลูกให้มันเกิดในชีวิตวิญญาณของเราทุกครั้ง
ทุกลมหายใจ และทุกคนได้
ถือว่านั่นเป็น บุญอันประเสริฐ

สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ
การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง

ผู้ใดเห็น ธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต
ผู้ใดปฏิบัติธรรม ผู้นั้นปฏิบัติตถาคต

พวกเราอยากจะได้บุญอันประเสริฐ
จงเร่งปฏิบัติธรรม และก็เจริญในธรรมที่อบรมแล้ว
ถือว่าเราทำบุญอันประเสริฐแล้วละ
แล้วเมื่อใดที่ เรามีจิตใจที่เอื้ออาทร คิดจะแบ่งปัน
นั่นอีกคนละเรื่องกับคำว่าบุญ

ในจิตวิญญาณ สำหรับหลวงปู่ แล้ว
การทำบุญมี 2 ประการ
คือบุญด้วยร่างกายกับบุญภายในจิตวิญญาณ

บุญภายใจจิตวิญญาณ
เป็นบุญที่มากไปด้วยคุณธรรม
เป็นบุญที่แฝงในไขกระดูกและชีวิตวิญญาณ
โดยไม่มีใครสามารถจะมา ปล้นสดมภ์
และแย่งชิงเอาไปได้
แต่บุญที่เกิดจากกาย วาจา และกิริยาที่ปรากฏ
และกระทำได้ นั่นยัง เป็นบุญที่คนอื่นอาจจะดูแคลน
เป็นบุญที่คนอื่นอาจจะดูถูกเหยียดย่ำ
และทำร้ายทำลายได้
แต่สำหรับ บุญที่เกิดในกมลสันดานและจิตวิญญาณ
ที่เป็นบุญที่ประสมประเสกับคุณธรรม
และชีวิตแห่งความฉลาด รอบรู้
ถือว่าเป็นบุญที่ประเสริฐสุด เป็นบุญของอริยชน
เป็นบุญของพระโพธิสัตว์
เป็นบุญของพระพุทธ เจ้าทั้งหลาย

รวมความแล้วถ้าเราคิดจะทำบุญ
จงสร้างตนให้เป็นคนมีบุญเสียก่อน
โดยการมีคุณธรรม
และอบรมจิตวิญญาณของตนให้เป็นคนรู้ธรรม
ปฏิบัติธรรม และสร้างสมให้ตนมีคุณธรรม
เจริญในธรรม ที่เป็นคุณ เป็นประโยชน์
นั่นถือว่าเป็นการทำบุญแห่งพระโพธิสัตว์
และเป็นบุญของพระพุทธเจ้าท่านทำ

*************************************

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
poivang
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2006, 8:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาในธรรมค่ะ หลวงปู่ท่านมีปัญญาสูง ชอบฟังท่านเทศน์ท่านสอน เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง