Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
กรรมเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 8:28 pm
กรรมเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้
กรรม แปลว่า การกระทำ การกระทำแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ กรรมฝ่ายดี และกรรมฝ่ายชั่ว กรรมฝ่ายดีเรียกว่ากุศลกรรม ส่วนกรรมฝ่ายชั่วเรียกว่าอกุศลกรรม
เราสามารถพิสูจน์กรรมและผลกรรม ทำอะไรได้อย่างนั้น เช่นถ้าเราอยากสอบได้เราต้องอ่านหนังสือ ถ้าเราไม่อ่านหนังสือเราก็สอบไม่ได้ (อ่านคือกรรม) สอบได้คือผล (วิบาก) , ถ้าเราอยากได้ผลมะม่วงเราต้องปลูกมะม่วง และถ้าเราอยากได้ทุเรียนเราต้องปลูกทุเรียน แต่ถ้าเราอยากได้ทุเรียนแต่กลับไปปลูกตำแยเราจะได้ทุเรียนได้ไง เช่นเดียวกับการทำกรรมดีกรรมชั่ว เราอยากได้ผลกรรมดีแต่เราชอบทำกรรมชั่วแล้วผลแห่งกรรมดีจะเกิดขึ้นกับเราได้หรือ ผลที่จะได้รับย่อมเป็นผลของกรรมชั่ว
คนที่ไม่เข้าใจกรรมสำคัญผลกรรมผิด เช่น อยากปลูกมะม่วงไว้ในสวนเพราะต้องผลการมะม่วงไปรับประทานหรือไปขาย แต่ไม่รู้จักต้นมะม่วงเป็นอย่างไร เมื่อพบต้นตำแยจึงสำคัญว่าต้นตำแยเป็นต้นมะม่วงนำตำแยไปปลูกในสวน ถึงเวลาที่คิดว่าน่าจะเก็บเกี่ยวผลได้แล้ว แต่กลับไม่มีผลมะม่วงให้เก็บ มีแต่ใบตำแยเข้าไปใกล้ไปสัมผัสถูกเกิดอาการคันไปทั่ว ฉะนั้นอยากได้ผลมะม่วงก็ต้องนำต้นมะม่วงมาปลูก อยากได้ผลทุเรียนก็ต้องนำต้นทุเรียนมาปลูก ถ้านำต้นผิดมาปลูกก็จะไม่ได้ผลตามที่ต้องการ
เช่นเดียวกับคนที่สำคัญกรรมผิดไปค้ายาเสพติด, ยาบ้าเป็นต้น คิดว่าการค้าครั้งนี้ทำให้รวยง่ายและรวยเร็วได้เงินสบาย ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเหมือนงานสุจริตอย่างอื่นซึ่งเหน็ดเหนื่อยและรวยยาก และไม่สนใจว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทำลายคนในชาติคิดแต่ได้เพียงผู้เดียวไม่คิดถึงสังคม ผลสุดท้ายหนีไม่พ้นมือของตำรวจถูกจับจำคุกเพราะสิ่งที่ทำ นี่คือผลกรรม
บางคนเข้าในเรื่องกรรมผิด เช่นบางคนเข้าใจว่าการทำบุญให้ทานนั้นทำให้ตนต้องจนลงเสียเงินไปเปล่าๆฟรีๆ คนทำบุญทำทานเป็นคนโง่ คนงมงาย เป็นต้น ไม่อยากเป็นผู้ให้ไม่อยากเป็นผู้เสีย อะไรที่ได้ฟรีเอาเพราะมันได้ แต่อะไรที่ทำให้เสียไม่อยากเสียเพราะมันต้องเสีย ถ้าคนเราคิดแบบนี้กันหมดทุกคนภายในสังคมก็จะไม่เอื้ออาทรกัน ไม่ช่วยเหลือสงเคราะห์ สงสารกัน จะมีแต่ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ มีแต่ความละโมบขาดความเห็นใจผู้ที่ด้อยกว่าและผู้ที่เดือดร้อน
การทำบุญทำทานช่วยเหลือสังคมบำรุงศาสนานั้น มีอานิสงส์ที่เห็นได้ก่อนคือได้รู้จักเสียสละในสิ่งที่มีอยู่เพื่อผู้อื่น รู้สึกคลายความโลภไปบ้างไม่มากก็น้อย และมีอานิสงส์ในตัวที่ให้ผลต่างกาลต่างเวลาไปตามเหตุปัจจัยของกรรมแต่ละบุคคล บางคนเห็นผลของบุญทานส่งให้เร็ว บางคนผลของบุญทานส่งให้ช้าจนแทบนึกว่าบุญทานนั้นไม่มีผลจริง
เพราะผลบุญทานนั้นไม่สามารถแสดงให้เห็นผลทันทีทันใด ไม่สามารถเห็นผลในชาตินี้คืออาจไปมีผลส่งผลในชาติต่อไป เป็นต้น บางคนจึงไม่เชื่อว่ากรรมนั้นมีจริงและมีผลวิบากจริงๆ จึงเข้าใจว่ากรรมและผลของกรรมเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ พิสูจน์ไม่ได้ เป็นเรื่องของคนล้ายุคล้าสมัย ไม่ใช่เรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้เห็นผลทันทีทันใด
การส่งผลของบุญของทานนั้นจะช้าหรือเร็วเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่าง แต่ละคนมีเหตุปัจจัยแต่ละอย่างไม่เหมือนกันไม่เท่ากัน
เปรียบได้กับการปลูกต้นมะม่วงเพื่อให้ได้ผลมะม่วงรับประทานหรือสำหรับไปขาย โดยสมมติว่าการทำบุญคือการปลูกต้นมะม่วง พันธ์ของมะม่วงคือสิ่งที่เราเอาไปทำบุญทำทานเช่นสิ่งของต่างๆหรือเงิน เป็นต้น ดินที่ปลูกมะม่วงคือผู้ที่รับของที่เราให้ การดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืชและแมลงรบกวน เปรียบกับขณะที่ผู้ทำบุญนั้นมีจิตใจดีขณะที่ให้ทานหรือทำบุญ ผลของบุญเปรียบดั่งกับผลมะม่วง
เฉกเช่นเราคิดจะปลูกต้นมะม่วงในสวนของเรา เพื่อเก็บผลรับประทานหรือขายก็ตาม เราต้องเตรียมหาต้นมะม่วงตามพันธ์ที่เราต้องการเช่นต้องการปลูกมะม่วงพันธ์เขียวเสวย หรือพันธ์น้ำดอกไม้ หรืออาจจะเป็นมะม่วงพันธ์เปรี้ยวก็แล้วแต่ผู้ปลูก พันธ์ที่ดีก็ต้องลงทุนหาซื้อมาแพงหน่อย พันธ์ที่ถูกๆ รสชาติไม่อร่อยอาจมีคนให้มาฟรีๆหรือหาซื้อในราคาถูกๆ
เมื่อได้ต้นได้พันธ์แล้ว ก็มาลงมือปลูกในดินที่มีอยู่ เจ้าของที่ดินบางคนมีที่ดินดีปุ๋ยดีดินร่วน บางคนมีที่ดินเป็นดินเหนียว บางคนมีที่ดินเป็นดินทราย เป็นต้น เมื่อปลูกแล้วเจ้าของสวนบางคนดูแลรดน้ำต้นมะม่วง และใส่ปุ๋ยกำจัดวัชพืชและแมลงที่รบกวน เจ้าของสวนบางคนปลูกแล้วปล่อยปละละเลยตามเลยไม่สนใจดูแล ทีนี้ตอนถึงเวลามะม่วงออกดอกออกผล เจ้าของสวนที่มีปัจจัยต่างๆกันไม่ว่าจะพันธ์ของมะม่วง ดินที่ปลูก การดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยต้นมะม่วง การกำจัดวัชพืชและแมลงรบกวน ส่งผลให้มะม่วงออกดอกออกผลช้าเร็วต่างกัน ติดผลมากน้อยต่างกัน ผลเล็กผลใหญ่ต่างกันตามสายพันธ์และการดูแล รสชาติต่างกันหวานหรือเปรี้ยวตามสายพันธ์
ฉะนั้นกรรมของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน และผลของกรรมจึงส่งผลต่างกันต่างกาลต่างเวลา เพราะต่างเหตุต่างปัจจัยกัน เฉกเช่นการปลูกมะม่วงของแต่ละคน แล้วบางคนก็ไม่ได้ปลูกเพียงต้นมะม่วงอย่างเดียวปลูกพืชผสมผสาน อาจปลูกมะละกอไว้บ้าง ปลูกพริกขี้หนูด้วย ปลูกกระเพราบ้าง เป็นต้น กรรมดี ซึ่งกรรมแต่ละอย่างไม่เหมือนกันเหมือนปลูกต้นไม้แต่ละชนิด จะเป็นต้นไม้ยืนต้นหรือพืชล้มลุก ก็ตามแต่ละชนิด จะใช้เวลาให้ผลช้าเร็วไม่เท่ากัน เช่นปลูกมะม่วงใช้เวลานานหน่อยกว่าจะให้ผล ส่วนพริกจะใช้เวลาปลูกให้ผลเร็ว เป็นต้น
เช่นเดียวกับกรรมของการทำทาน กรรมของการรักษาศีล กรรมของการปฏิบัติกรรมฐาน เปรียบได้กับการปลูกพืชแต่ละชนิดเป็นกรรมต่างกันให้ผลต่างกัน (ถ้าปลูกแล้วเป็นอาหารเป็นยาก็เปรียบเป็นกรรมฝ่ายดี) บางคนอาจแอบปลูกกัญชา แอบปลูกฝิ่น มีหญ้าวัชพืช (กิเลสต่างๆ)แซมอยู่ในสวนด้วย (เปรียบเป็นกรรมฝ่ายไม่ดี) เราควรคอยถอนต้นหญ้าต้นวัชพืชต่างๆที่ไม่เป็นประโยชน์ (ละความชั่ว) เพื่อไม่เบียดเบียนแย่งน้ำแย่งอาหารแย่งปุ๋ยกับต้นไม้ที่ให้คุณให้แก่เรา ซึ่งเก็บผลทานได้ (ความดี) เราจึงจะได้รับผลของกรรมดีไม่มีผลของกรรมชั่วมาคอยเบียดเบียน
การทำบุญให้ทานนั้นมีเหตุปัจจัยที่ทำให้ผลบุญทานนั้นสมบูรณ์หรือบกพร่องต่างกัน ๓ เหตุปัจจัย
๑. ผู้ให้นั้นขณะที่ทำบุญให้ทานมีจิตใจดีบริสุทธิ์หรือไม่
๒. สิ่งของหรือปัจจัยต่างๆ ที่ทำบุญให้ทานนั้นได้มาโดยบริสุทธิ์ หรือไม่ (ยกตัวอย่างบางคนไปแอบสอยมะม่วงข้างบ้านมาทำบุญ นั่นคือทานที่ไม่บริสุทธิ์เป็นทานที่ได้มาจากการผิดศีลข้อ๒ ลักทรัพย์ เป็นต้น)
๓. ผู้รับมีศีลบริสุทธิ์ มีคุณธรรมหรือไม่ (เปรียบได้กับดิน, นา ถ้าหว่านเมล็ดพืชลงไป ดินดีนาดีย่อมทำให้พืชเจริญเติบโตเร็ว ถ้าได้ดินไม่ดีนาไม่ดีเมล็ดพืชที่หว่านลงไปย่อมไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร แคระแกนตามเหตุปัจจัย เป็นต้น)
เหตุปัจจัยแห่งกรรมเก่าในชาติก่อนมีผลมาให้เห็นในชาตินี้จริง อย่างน่าสนเท่ห์ เราสามารถดูได้จากคนรอบข้างคนภายในสังคมเดียวกันหรือสังคมภายนอกก็ตาม เราจะมองเห็นว่าบางคนทำไมเขาจึงมีฐานะดีมีบ้านสวยรถแพงๆ ได้เกิดกับพ่อแม่ที่ร่ำรวย ทำไมบ้างคนเกิดมาสวย,หล่ออย่างพระเอกนางเอก บางคนทำไมจึงแขนขาพิการ บางคนทำไมขี้ริ้วขี้เหร่ บางคนจนหาเช้าไม่พอกินถึงค่ำ เป็นต้น
สงสัยหรือไม่ว่าทำไมคนแต่ละคนจึงแตกต่างกัน บ้างต่างกันราวฟ้ากับดิน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของกรรมที่แต่ละคนทำมาในอดีตชาติ ส่งผลให้ปัจจุบันชาติมีวิถีชีวิต รูปร่างหน้าตา ความเป็นอยู่ต่างระดับกัน เรื่องกรรมจึงไม่ใช่เรื่องงมงาย ไร้สาระ และพิสูจน์ได้เห็นได้จริง ทำกรรมดีตั้งแต่วันนี้มีผลให้รับสิ่งที่ดีในวันหน้า แต่อย่าลืมละความชั่ว ถ้าทำกรรมดีผสมกรรมชั่วด้วยทำให้ส่งผลเดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุข ๓ เดือนสุข ๔ เดือนทุกข์ เป็นต้น คละเคล้ากันเพราะทำทั้งดีทั้งชั่วคละกัน
ตัวอย่างเรื่อง นายจอซื้อหวยบนดินถูกรางวัลที่๑ สามใบ ดีใจสุดชีวิต (ผลกรรมดีทำไว้ชาติก่อนเคยทำบุญใหญ่) จึงซื้อของเครื่องใช้เครื่องเสียง รถใหม่ราคาแพง ฯลฯ อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา มีหัวขโมย รู้ว่าบ้านนี้ถูกรางวัลที่ ๑ ซื้อของใช้มีเงินทองมากมายเก็บไว้ภายในบ้าน จึงงัดแงะเอาไป ทำให้นายจอเกือบหมดตัว (ผลกรรมชั่วทำไว้ชาติก่อนเคยเกิดเป็นโจรปล้นเขากิน แต่ก็ได้เอาเงินไปทำบุญใหญ่ด้วย แบบว่าโจรมีศรัทธาทำบุญ) ผลกรรมดีกรรมชั่วจึงส่งผลให้เป็นดังนี้ เป็นต้น
เรื่องอโหสิกรรมสำคัญมาก เนื่องจากการทำอกุศลกรรมคือกรรมฝ่ายไม่ดีกรรมชั่วนั่นเอง เช่นเราเคยไปทำร้ายเขา เขาเจ็บปวดเกิดความโกรธจึงแก้แค้นตามจ้องเล่นงานเอาคืนกับเรา เมื่อเขาทำเราเจ็บได้แล้ว เราก็โกรธเคืองแค้นหวังเล่นงานเอาคืนเช่นกัน โกรธกันไปโกรธกันมาทำร้ายกันไปทำร้ายกันมาจนตายกันไปข้างหนึ่ง ฝ่ายตายก็ผูกใจเจ็บก่อนตายว่าจะไปเอาคืนชาติหน้า ชาติต่อไปก็เกิดมาเจอกันก็จองเวรกันอีกไม่จบสิ้น ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพักรบ อโหสิกรรมให้ก่อนก็ยังจองเวรจองกรรมกันไปเรื่อยๆ หาจบสิ้นไม่
แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตระหนักถึงโทษของกรรมขออโหสิกรรม ฝ่ายตรงข้ามแม้จะยังมีโทสะแรงกล้าอยู่ก็ตามก็จะโอนอ่อนผ่อนไป (ตบมือข้างเดียวไม่ดัง) เป็นเหตุให้เว้นจากการเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 10:14 pm
อนุโมทนาบุญค่ะ...คุณ poivang
ขอทราบข้อมูลนี้ ว่าคัดลอกจากหนังสือเล่มไหนคะ...และขออนุญาตขอแบ่งปันต่อค่ะ
ขอบคุณค่ะ
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2006, 12:20 am
ขอทราบข้อมูลนี้ ว่าคัดลอกจากหนังสือเล่มไหนคะ
หลายเล่มค่ะ คัดมาลงเล่มละเล็กเล่มละน้อย นำมารวมกัน บทความนี้จึงรวมไว้หลายเล่ม พอดีมีหนังสือธรรมะหลายเล่มค่ะ ชอบซื้อชอบหา มีคนให้มาบ้าง
และขออนุญาตขอแบ่งปันต่อค่ะ (ยินดีค่ะ อนุโมทนาค่ะ)
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th