Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ธรรมชาติบันดาลใจ (พระไพศาล วิสาโล)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2007, 1:54 pm
เมื่อไปท่องทะเล เที่ยวป่า หรือปีนเขา
สิ่งที่เราปรารถนาจะเห็น คือ ความตื่นตาตื่นใจจากธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นเวิ้งฟ้าอันไร้ขอบเขต
ลูกไฟดวงใหญ่ที่กำลังพ้นจากผืนน้ำ หมู่ปะการังอันสวยสด
ดอกไม้นานาพรรณริมธารใส
ม่านน้ำที่ตกลงมาจากผาสูงดังสนั่น หรือทะเลเมฆยามอรุณรุ่ง
เราหวังจะได้พบกับ ทิวทัศน์อันงดงาม แปลกตา และโอฬาร
ซึ่งเร้าใจให้ตื่นตลึงจนต้องอุทานออกมา
และอดไม่ได้ที่จะคว้ากล้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
หลายคนแม้ไม่หวังจะได้สัมผัสกับความตระการตาของธรรมชาติ
แต่ก็ไปท่องป่าเที่ยวทะเล เพื่อหาความสนุกสนานกับเพื่อนฝูง
ในบรรยากาศที่แปลกใหม่ ตั้งวงสนทนาฮาเฮ เล่นดนตรี
หรือกินเหล้าโดยมีป่าหรือทะเลเป็นฉากหลัง
บ้างก็หวังสนุกกับการดำว่ายและโต้คลื่น
ขณะที่ บางคนก็เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ฟังเพลงเท่านั้น
ไปไหนมาไหนจึงมีแต่เครื่องเล่น MP3
กรอกหูทั้งสองข้างอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเที่ยวธรรมชาติด้วยอาการอย่างไร
ผู้คนส่วนใหญ่ปรารถนาจะได้สัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
หรือเร้าจิตกระตุ้นใจให้ตื่นเต้น ชวนหลงใหล
จะว่าไปก็ไม่ต่างจากการไปกินอาหารเมนูเด็ดตามภัตตาคารชื่อดัง
เป็นแต่ว่าแทนที่จะไปรับรู้ด้วยลิ้น
ก็ไปสัมผัสทางตา หู จมูก หรือกาย เป็นสำคัญ
ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ รสชาติที่เอร็ดอร่อย
เสียงเพลงที่เร้าจิตกระตุ้นใจ หรือกิจกรรมที่สนุกสนาน
สิ่งเหล่านี้ให้ความรู้สึกที่น่าพึงพอใจชวนหลงใหลก็จริง
แต่ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นาน
และถ้าเร้าจิตกระตุ้นใจมากเกินไป
ก็ทำให้เหนื่อยทั้งกายและใจได้
(เสียงเพลงที่ดังสนั่นและหนังที่เต็มไปด้วยฉากบู๊ล้างผลาญ
ย่อมส่งผลต่อกายและใจยิ่งกว่าเวลาชื่นชมทะเลหมอกสุดสายตา)
ที่สำคัญก็คือ รสชาติเหล่านี้ถ้าได้เสพหรือสัมผัสบ่อยๆ
ความรู้สึกเพลิดเพลินใจจะจางคลายลง
จนกลายเป็นความปกติธรรมดาไป
ชาวบ้านที่อยู่ริมทะเลจึงไม่ค่อยรู้สึกว่า
ยามอรุณรุ่งนั้นท้องทะเลงดงามเพียงใด
อย่างไรก็ตาม นอกจากความตื่นตาตื่นใจ
หรือความสนุกสนานตื่นเต้นแล้ว
ธรรมชาติยังสามารถบันดาลความรู้สึกอีกชนิดหนึ่งให้แก่เราได้
เป็นความรู้สึกที่ประณีตลุ่มลึกกว่าความรู้สึกชนิดแรก
นั่นคือ ความสงบใจ
ในขณะที่ความรู้สึกชนิดแรกนั้น
เกิดจากการเร้าจิตกระตุ้นใจทางตา หู จมูก ลิ้น หรือกาย
ความสงบใจ กลับเกิดจากบรรยากาศที่วิเวกสงบงัน
และจากจิตที่เป็นสมาธิกับภาพหรือเสียงที่ปรากฏ
ธรรมชาติที่งดงามและยิ่งใหญ่นั้น
สามารถบันดาลให้เกิดความรู้สึกตื่นตาตื่นใจก็จริง
แต่ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถน้อมใจเราให้เกิดความสงบได้
ขอเพียงแต่เรามีจิตจดจ่ออยู่กับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า
หรือทำกายและจิตให้นิ่ง
ไม่นานความตื่นตาตื่นใจก็จะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสงบใจ
หรือพูดอีกอย่างก็ได้ว่า ความสงบใจ
จะบังเกิดขึ้นมาแทนที่ความตื่นตาตื่นใจ
หากจะกล่าวให้เห็นเป็นภาพ
ความสงบใจนั้นมาจากส่วนลึกของจิต
ส่วนความตื่นตาตื่นใจนั้น เป็นอาการที่เกิดกับเปลือกนอกของจิต
หรือจิตชั้นแรก ดังนั้นเมื่อมีสิ่งน่ายินดีมากระทบใจ
ความตื่นตาตื่นใจ รวมถึงความสนุกสนาน และความลิงโลดใจ
จึงเกิดขึ้นเป็นอันดับแรก
คนส่วนใหญ่รู้จักแต่ความรู้สึกชนิดนี้เท่านั้น
ส่วนความสงบใจ กลับแทบไม่เคยสัมผัสเลยก็ว่าได้
เพราะจิตใจถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าจากภายนอก
รวมทั้งวัตถุสิ่งเสพอยู่ตลอดเวลา จนไม่มีเวลาที่จะได้อยู่นิ่งๆ
การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับความสงบจากภายใน
แม้ว่าในเบื้องแรกปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นทิวทัศน์อันงดงามตระการตา
คือ ความตื่นตาตื่นใจ หรือความพิศวงในสีสรร
แต่หากให้เวลาแก่ตนเอง
อานุภาพของธรรมชาติจะค่อยๆ
ซึมซับลงไปสัมผัสกับส่วนลึกของจิตใจ
และบันดาลความสงบให้ผุดบังเกิดขึ้น
เป็นความสงบที่นำความสุขอย่างประณีตลึกซึ้งมาให้แก่เรา
ชนิดที่ความตื่นตาตื่นใจหรือความสนุกสนาน
กลายเป็นความรู้สึกอย่างหยาบไปทันที
แต่มีคนจำนวนไม่น้อย ทั้งๆ ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันตระการตา
กลับไม่สามารถสัมผัสกับความสงบใจ
เพราะมัวติดข้องกับความตื่นตาตื่นใจ
หรือพอใจเพียงแค่ความสนุกสนานเท่านั้น
หลายคนไม่อดทนพอที่จะอยู่นิ่งๆ
เอาแต่วิ่งหามุมถ่ายรูป พูดคุยหยอกล้อ หรือมัวฟังเพลง
เมื่อกายไม่สงบ แถมยังหาเรื่องคิดจนฟุ้งซ่าน
จึงได้แค่ความสนุก ทั้งๆ ที่ความงดงามของธรรมชาติเบื้องหน้า
สามารถตรึงใจให้เราสงบนิ่งได้ไม่ยาก
หากให้โอกาสธรรมชาติได้ทำงาน
อันที่จริง ไม่จำต้องอาศัยธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ตระการตา
เพียงแค่ป่าเขาลำเนาไพรธรรมดา
ท้องทุ่งยามเช้าและยามเย็น
หรือท้องฟ้าที่พร่างพราวด้วยดวงดาว
ก็สามารถน้อมใจให้เกิดความสงบได้ไม่ยาก
ในยามนั้นเองความทะยานอยากจะฝ่อตัว
ความโกรธจะบรรเทา ความหลงตนจะสิ้นพยศ
ขณะที่ ความสันโดษ ความปรารถนาดี
และความอ่อนน้อมถ่อมตน เข้ามาแทนที่
คุณธรรมหรือความใฝ่ดีที่แฝงเร้นอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
จะมีพลังและสามารถฝ่าเปลือกนอกของจิตออกมาให้เรารับรู้ได้
การมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
จึงเป็นการเติมพลังฝ่ายดีให้แก่ตนเอง
ช่วยให้เรามีกำลังที่จะทำคุณงามความดี
ชนิดที่ไม่ยอมแพ้ความเห็นแก่ตัว
หรืออุปสรรคทั้งจากภายในและภายนอก
อย่างไรก็ตามนอกจากความสงบใจแล้ว
ธรรมชาติยังสามารถให้ความสว่างแก่จิตใจของเราได้ด้วย
เป็นความสว่างที่เกิดจากความรู้ความเข้าใจ
ในความเป็นจริงของชีวิตและโลก
เราสามารถเรียนรู้สัจธรรมจากธรรมชาติได้อย่างไม่มีขอบเขต
ครูบาอาจารย์นับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน
ล้วนเปิดใจเรียนรู้สัจธรรมจากธรรมชาติ
พระอรหันต์บางท่านรู้แจ้งในมายาภาพของสังขาร
จนบรรลุธรรมเมื่อเห็นพยับแดด
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ไขปริศนาว่า
ท่านรู้ธรรมได้อย่างไรใน เมื่ออ่านตำรับตำราน้อยมาก
ท่านว่า สำหรับผู้มีปัญญา ธรรมะมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า
ส่วนท่านพุทธทาสภิกขุก็แนะให้คนที่มาเยือนสวนโมกข์
หัดฟัง เสียงต้นไม้พูด ก้อนหินสอนธรรมะ บ้าง
เพียงแค่ใบไม้ร่วง ดอกไม้โรย อาทิตย์อัสดง
ก็สอนถึงความไม่เที่ยงของชีวิต
ในขณะที่ขุนเขาอันมโหฬาร และท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต
ก็เตือนเราให้ตระหนักว่ามนุษย์นั้นช่างเล็กกระจิดริด
ไม่ต่างจากฝุ่นในจักรวาล หาได้ใหญ่โตคับโลกไม่
นอกจากสัจธรรมหรือความจริงของชีวิตแล้ว
จริยธรรมหรือบทเรียนสำหรับการดำเนินชีวิต
ก็มีให้เรียนรู้มากมายจากธรรมชาติ
ในขณะที่มดและผึ้งสอนเราเกี่ยวกับความขยันและความเสียสละ
นกซึ่งบินท่องเที่ยวอย่างเสรีโดยมีเพียงปีกสองข้างเท่านั้น
ก็สอนเราเกี่ยวกับอิสรภาพที่ไม่ต้องอิงวัตถุ
ส่วนต้นไม้ที่เปลี่ยนแดดให้เป็นร่มเงา
เปลี่ยนขยะให้กลายเป็นดอกไม้หอมและผลไม้หวาน
กำลังสอนเราใช่หรือไม่ว่า ควรรู้จักเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุข
และเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นความสำเร็จ
ภูเขา หมู่เมฆ ต้นน้ำ ลำธาร ทะเล และน้ำตก
สามารถเปิดใจของเราให้สว่างไสวด้วยปัญญาได้เสมอ
ขอเพียงแต่รู้จักมองหรือฟังให้เป็น
ด้วยใจที่สงบและว่างจากความคิดปรุงแต่ง
ใจที่สว่างด้วยปัญญานี้แหละ
ที่สามารถบรรลุถึงอิสรภาพจากความทุกข์ทั้งปวง
เพราะพ้นจากความยึดมั่นถือมั่น
ความผันผวนปรวนแปรหรือความพลัดพรากสูญเสีย
จึงทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป
ความสว่างและอิสรภาพภายในเป็นศักยภาพที่เรามีอยู่ด้วยกันทุกคน
จะเรียกว่าเป็นธรรมชาติส่วนลึกที่สุดของเราก็ว่าได้
หากแต่ถูกปิดกั้นเอาไว้จนไม่สามารถแสดงตัวออกมาได้
กระนั้นก็ตาม ธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรานั้น
สามารถที่จะเปิดใจ เพื่อให้ธรรมชาติส่วนลึกที่สุดนี้
ปรากฏแก่เราอย่างบริบูรณ์ได้
หากเราพร้อมที่จะเรียนรู้จากธรรมชาติภายนอก
ธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรานั้น สามารถให้อะไรเราได้หลายอย่าง
อย่าพอใจแต่เพียงความตื่นตาตื่นใจเท่านั้น
หากควรเข้าให้ถึงความสงบใจ และความสว่างใจ
โดยมีอิสรภาพภายในเป็นจุดหมายในที่สุด
คัดลอกจาก...
ธรรมชาติบันดาลใจ [มติชน 10-06-49]
http://www.budnet.info/webb0ard/view.php?category=textc&wb_id=27
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2007, 11:30 pm
สำหรับผู้มีปัญญา ธรรมะมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า
อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ คุณลูกโป่ง
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 13 ก.ย. 2007, 8:01 am
โมทนาครับ
สวัสดี คุณกุหลาบสีชาด้วยครับ
_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th