Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน...หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ค.2006, 4:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
ถ้าพูดตามสมัยใหม่เขานิยมเรียกว่า มาพัฒนาจิต
มาพัฒนาคุณธรรม ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องเก่า
เป็นเรื่องตั้งแต่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่โน้น
ทรงชี้แจงต่อพุทธศาสนิก ให้บำเพ็ญจิตภาวนา
พัฒนาจิตให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชีวิต
โดยใช้สติปัญญาเป็นอาภรณ์ประดับจิตนั่นเอง

วิธีปฏิบัติในสติปัฏฐานสี่
ที่เรียกว่า ทางสายเอกของพระพุทธเจ้านั้นเอง
เรียกว่าการเจริญวิปัสสนา
เป็นธุระหน้าที่ที่เราจะต้องดำเนินวิถีชีวิต
โดยใช้สติปัญญาเป็นอาวุธ
เพื่อไม่ให้พลาดผิดในการทำงานทุกอย่าง
เพราะหน้าที่และการงานเป็นผลงานของชีวิต
ที่เราต้องทำโดยใช้สติปัญญาตลอดเวลา
แต่การทำงานที่ประกอบไปด้วยปัญญานั้น
ถ้าเราไม่ฝึก เราไม่อบรม
ด้วยความอดทนอย่างยิ่งแล้ว
เราจะไม่พบความจริงดังที่กล่าวแล้ว…

ขอให้นักปฏิบัติเดินให้มาก ๆ
ถ้าท่านผู้ใดเดินไม่ได้เพราะขาไม่ดี
ปวดแข้งปวดขา เดินไม่ได้เลยก็ไม่เป็นไรนะ
เราก็นั่ง เราก็นอนได้ ทุกวิถีทางอิริยาบถ ๔
ทำได้ทุกอิริยาบถ แต่ถ้าเราอินทรีย์พร้อมมูลบริบูรณ์ดี
ก็ยืนเดินนั่งนอนได้ ก็ทำให้เราทำได้ไว
ทำให้ติดต่อกัน ไปได้ไวมากโดยไม่ขาดสาย

แต่พระพุทธเจ้าทรงชี้แจงแสดงไว้ว่า
การปฏิบัตินี้จะยืนก็ได้ จะเดินก็ได้
จะนั่งก็ได้ จะนอนก็ได้ ในอิริยาบถ ๔
ด้วยกาย เวทนา จิต ธรรม
ในภาคกาย ในภาคเวทนาต้องครบ
เพราะทุกคนต้องมีเวทนาด้วยกันไม่พลาดแน่
ไม่ใช่นั่งสบาย ไม่มีเวทนาเลย
นี่แหละ อริยสัจ ๔ ก็ครบในอิริยาบถ
นี่เหมือนกันโดยกาย เวทนา จิต ธรรม
มันก็อยู่ตรงนี้ทั้งนั้น
ต้องมีภาคกาย ภาคเวทนา
ปวดเมื่อยทุกข์กาย ทุกข์ใจ
สุขกาย สุขใจ
และก็เป็นแบบเรียนเป็นบทเรียนให้เรา
ที่เราจะต้องใช้เป็นตำราอยู่ในเวทนาครบ
สติก็ดีขึ้นในเวทนา
ด้วยวิธีฝึกกำหนดเวทนาเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
แล้วอนิจจังไม่เที่ยงเป็นทุกข์
ก็แก้ไขได้โดยอนิจจังคือความไม่เที่ยง
มันเป็นทุกข์อย่างนี้แหละหนอ
แล้วอนัตตาก็แสดงให้เราเห็น
เป็นพระไตรลักษณ์เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
สูญไปไม่มีอะไรติดตัว
เดี๋ยวก็วนมาอีกเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
ก็เรียกว่าอนัตตา
มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติของมันเองโดยเฉพาะ
เรียกตามศัพท์ภาษาธรรมะก็เรียกว่าพระไตรลักษณ์
เกิดขึ้นแก่เราในขณะนั้น
ปัญญาถึงจะเกิดต่อภายหลัง
จึงเรียกว่า วิปัสสนาตอนนั้น ตอนต้นก็เรียกว่าอุปาทาน
ยังมีขันธ์ในอุปาทาน ยังยึดขันธ์อยู่
เช่นรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์
สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
มันมีขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่เราครบ

ปรารภกำหนดก็มีอยู่ ๒ ประการ มีรูปกับนามเท่านั้น
อย่างอื่นหาได้มีไม่ เลยก็ไม่มีตัวไม่มีตน
ไม่มีเราไม่มีเขา แล้วจะมีทิฐิมานะต่อกันอย่างไรเล่า
อันนี้ภาวะมันจะบอกเองโดยเฉพาะอีกประการหนึ่ง

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.ค.2006, 10:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ คุณลูกโป่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง