Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ห่างไกลพุทธ เข้าใกล้คริสต์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
อธิชาตินันท์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 19 พ.ค. 2006
ตอบ: 24
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 19 พ.ค.2006, 3:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปัจจุบันมีชาวพุทธจำนวนมากที่ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ที่พระพุทธองค์ทรงสอน
รู้จักศาสนาพุทธเพียงแค่ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
และห่างไกลวัดกันทุกที
นอกจากนี้ยังมีเยาชนจำนวนมากที่ได้รับสื่อทางคริสต์ศาสนา
ที่ทำวิธีการทางจิตวิทยาชักจูงให้โน้มเอียงไปเชื่อในสิ่งเหล่านั้น
ผมในฐานะคนที่รู้จักทั้งพุทธและคริสต์มากในระดับหนึ่ง
จึงมีความรู้สึกห่วงใยที่เรามีของดีอยู่แล้วแต่ไม่รักษาเอาไว้


มีการเปลี่ยนศาสนาปีละ100,000คน
จึงขอทราบความเห็นว่าจะทำอย่างไรให้ศาสนาของเรามั่นคงครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 19 พ.ค.2006, 8:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แล้วแต่ศรัทธา กับ ปัญญาของแต่ละคน การช่วยให้ความเข้าใจ
ตามเหตุและผล ในธรรมะทางพระพุทธศาสนา แก่บุคคลที่ยังปัญญาน้อย ศรัทธาอ่อน
เป็นเรื่องสำคัญ หากช่วยเหลือไม่ได้ก็ วางใจเป็นอุเบกขาเถอะครับ สาธุ
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ค.2006, 2:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณอภิชาตินันท์

จะมั่นคงได้ก็มีเหตุมาจากพุทธบริษัท ปฏิบัติได้ครบไตรสิกขา ซึ่งก็คือ กระบวนการฝึกฝนพัฒนามนุษย์ มีข้อปฏิบัติย่อย ๆ ที่ส่งผลต่อทอดกันคืบหน้าไปเรื่อยจนถึงจุดหมาย ถ้าไม่ถึงจุดหมายก็ไม่หยุด เท่ากับมีเกณฑ์ที่บอกว่า ข้อปฏิบัติ หรือ หลักธรรมทุกข้อ จะต้องชัดว่าส่งผลให้มีการก้าวหน้าไปในกระบวนการของไตรสิกขาอย่างไร คือจะต้องทำให้เราเดินหน้าและส่งผลต่อให้ข้ออื่นรับช่วงไปจนถึงจุดหมายสุดท้ายนั้น

ในหัวใจพระพุทธศาสนา โดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ท่านกล่าวไว้ว่า
"สังคมไทยบางทีศึกษาธรรมะไม่ตลอดกระบวนการ และไม่มีหลักในการวินิจฉัย คนไทยไม่น้อยเอาสมาธิมาใช้แค่หาความสุข สงบสบาย ซึ่งก็ใช้ได้ในระดับหนึ่ง ท่านไม่ได้ปฏิเสธ จะเอามาใช้เป็นเครื่องพักผ่อนจิตใจ หรือแก้ปัญหาความทุกข์ก็ได้ อย่างน้อยทำให้นอนหลับได้ ทำให้มีจิตใจสดชื่นขึ้น แต่ต้องมองต่อไปว่าประโยชน์ยังไม่จบแค่นั้น สมาธิช่วยให้เรามีความเข้มแข็งพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปด้วย จึงต้องมองต่อไปอีกว่าจะมีองค์ธรรมอะไรมารับผลจากสมาธิเพื่อจะก้าวต่อไป ก็จะเห็นหลักไตรสิกขา ว่าต้องส่งผลต่อให้ ปัญญามารับช่วงทำงานเดินหน้าต่อไป ประโยชน์ที่สำคัญของสมาธิ คือ ทำให้จิตเป็น “ กัมมนีย์ ” แปลว่า ควรแก่งาน หรือ เหมาะแก่งาน คือใช้เป็นที่ทำงาน ซึ่งปัญญาจะทำหน้าที่ได้ดี เช่น มองเห็นชัด สำรวจตรวจสอบได้เป็นลำดับ พิจารณาได้ลึกซึ้ง วิเคราะห์วิจัยได้ละเอียด จนเข้าถึง ความจริงแจ่มแจ้ง สมาธิที่ทำให้คนหยุดศึกษา แสดงว่าเป็นสมาธิที่ใช้ผิด"

ในบทความสัจธรรมประจำโลก ของมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ความตอนหนึ่งว่า "คำสอนที่เราฟังกันมาทั้งหมด บางท่านเรียนจบพระไตรปิฏก ความทรงจำทางปริยัติหรือทางสัญญาไม่มีใครสู้ นั่งถกเถียงกันตลอดวันก็ไม่มีจบสิ้น ถ้าพิจารณาดูกันอีกครั้งหนึ่ง การเผยแพร่ศาสนาในเมืองไทย หรือการสอนธรรมะในเมืองไทย คล้ายกับว่าคำสอนนั้นมันเฟ้อ เฟ้อเสียจนผู้ฟังไม่สามารถจะจับต้นชนปลายถูก เปรียบเสมือนสินค้าที่ล้นตลาด เข้าใจว่าผู้ฟังผู้ศึกษามีความรู้มากพอสมควร แต่สิ่งที่น่าคิดมากก็คือ เราจะเอาธรรมะคำสอนนั้นมาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันได้อย่างไร การเข้าถึงธรรมะ หรือการจะเอาธรรมะมาเป็นประโยชน์แก่ชีวิตประจำวันก็ไม่มีทางใดดียิ่งไปกว่าการภาวนา การภาวนาก็คือการเจริญกัมมัฏฐาน การเจริญสมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน "

ทีนี้ลองพิจารณาดูซิว่า ก่อนที่จะสอนคนอื่น สอนตนและลงมือปฏิบัติได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนาโดยไม่แวะชมดอกไม้แล้วหรือยัง

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา
ผีเสื้อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ค.2006, 11:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปัญหาน่าหนักใจ
ชาวพุทธโดยทะเบียนบ้านจำนวนมาก ศรัทธาอ่อน และขาดโอกาสในการเรียนรู้ทำความเข้าใจ
ยังมีปัจจัยจากเหลือบไรเข้ามาแฝงในวงพระศาสนา สร้างความเสื่อมทั้งในรูปแบบการกัดกร่อน
และการทำลายล้างตรงๆอย่างชัดเจน ที่พูดว่าเสื่อมหมายถึงคนเสื่อมไม่ได้หมายถึงศาสนาเสื่อม
และนอกจากมีการใช้จิตวิทยาชักจูงการเปลี่ยนแนวคิดทางจิตวิญญาณ ยังมีนโยบายจากองค์กรแม่
ทำการโจมตีเพื่อทำเป้าทางตัวเลข
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2006, 10:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ
ศาสนาจะสืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงได้ก็เพราะพวกเราทั้งหลาย
สู้ สู้
 
ชัยพร พอกพูล
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2006
ตอบ: 73
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2006, 10:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ เรื่องนี้นับว่าเป็นปัญหาอยู่พอสมควร อย่างเพื่อนของผมคนหนึ่งก็เข้ารีตเป็นคริสต์ไปคนหนึ่ง พอผมรู้เข้าก็สงสัยเลยถามว่าทำใมถึงเปลี่ยนศรัทธาซะล่ะ เขาก็เล่าว่าเขาเป็นเด็กวัดพอแม่ไม่ค่อยมีเงิน เลยฝากเขาไว้ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯให้อยู่ที่วัดนั้งในช่วงที่เรียนอยู่ในมหาลัย มีอยู่วันหนึ่งพวกเด็กวัดมาเล่นไพ่ในห้องของเขาแล้วเจ้าอาวาสมาเห็น แทนที่จะดุด่าเด็กพวกนั้น กลับมาดุด่าเขาที่ไม่ดูแล ปล่อยให้มีคนเข้ามาเล่นไพ่ที่ห้องของตนได้อย่างไร เขาเลยออกจากวัดนั้น จากนั้นไม่นานพวกพระพี่เลี้ยงที่มีสาขาในมหาวิทยาลัยที่ผมและเพื่อนคนนี้เรียนอยู่ก็ชวนเขาเข้ารีต จนสำเร็จ ภายหลังเขาก็มาชวนผมและเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มเข้ารีตด้วย แต่ผมและเพื่อนคนอื่นๆศรัทธาในพุทธศาสนา ศรัทธาตัวเอง(แบบคนญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้) และศรัทธาพุทธแค่ในทะเบียนบ้าน จากทีเล่ามาเลยพอสรุปได้ว่าเพื่อนของผมคนนี้เป็นคนที่มีศรัทธาอ่อนมากถึงแค่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ทำให้คนเข้ารีตคริสต์มากเพราะเหตุผล3ข้อ 1.ต้องการให้ลูกเรียนในโรงเรียนที่มีแต่พวกผู้ดีมีเงิน ซึ่งเป็นผลพวงจากHard Missionในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินต์ที่การเผยแพร่ศาสนาคริสต์จะเริ่มที่กลุ่มคนชั้นสูงในสังคมไทย 2.พวกหูเบา ความสามารถในการวิเคราะห์ต่ำ เพียงพระพี่เลี้ยงมาชักจูง ชี้ให้เห็นข้อดีของคำสอน (ซึ่งมีอยู่ไม่กี่เรื่อง) ก็หลงไหลไปตามน้ำคำของเขาเสียแล้ว 3.คนที่ขาดโอกาส(พวกชาวเขาและคนยากจน) คนที่ไม่มั่นใจในตัวเองและคนที่ไม่ได้รับการยอมรับในสังคมที่เขาอยู่ ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับเพื่อนของผมคนนี้นั่นเอง การต้องรับของเหล่าพี่น้องคริสตังนั้นน่าประทับใจมาก เต็มไปด้วยการให้โอกาสและดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความหวังเมื่ออยู่ร่วมกับคนกลุ่มนี้ ถึงแม้ว่าผมและเพื่อนคนนี้เราจะต่างศรัทธากันเสียแล้ว ถึงตอนนี้พวกเราก็ยังคบหาพูดคุยกันด้วยดีเสมอมา มีการนำเรื่องคำสอบของทั้ง2ศาสนามาถกเถียงกันเป็นครั้งคราว แต่สิ่งที่ผมย้ำกับเพื่อนผมคนนี้เสมอคือ จงตรวจสอบสิ่งที่นายศรัทธาให้ถ่องแท้ให้ดี ว่านายกำลังศรัทธาอะไร และเห็นว่าเป็นจริงเพียงใด ผมบอกเสมอว่าผมจะไม่ดึงเขากลับมา เพราะศรัทธาเป็นเรื่องส่วนตัว เขาต้องคิดเอง ตัดสินใจเอง ส่วนการทำให้พระพุทธศาสนาของเรามั่นคงนั้น โดยส่วนตัวผมเห็นว่าค่อนข้างยากครับ เป็นเรื่องของปัญญาในการเข้าถึงครับ ถ้าจะให้แนะนำผมเห็นว่าการเผยแพร่คำสอนโดยพระสงฆ์ของเราควรจะเข้าถึงง่ายกว่านี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททุกคนต้องช่วยกันกับพระสงฆ์ทุกรูปครับ สาธุ
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง