Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำบุญอย่างไรได้บุญมาก (ธัมมโชติ) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
-สายลม-
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 พ.ค.2004, 3:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ทำบุญอย่างไรได้บุญมาก
รวบรวมโดย ธัมมโชติ



การทำบุญในที่นี้จะกล่าวถึงการให้ทาน่เท่านั้น สำหรับการทำบุญประเภทอื่น สามารถอ่านได้ในหมวดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญประเภทนั้นๆ โดยตรง รวมทั้งในเรื่องเวลามสูตร ในหมวดธรรมทั่วไป ซึ่งเป็นสูตรที่สรุปเปรียบเทียบผลบุญที่ได้รับจากการทำบุญแทบจะทุกประเภท ว่าประเภทไหนให้ผลบุญมาก - น้อยกว่ากันอย่างไร

การให้ทานในที่นี้ จะป เน้นที่การสละวัตถุสิ่งของ หรือทรัพย์สมบัติให้แก่ผู้อื่นเป็นหลัก แต่ก็สามารถประยุกต์ใช้ได้กับการให้ทานอย่างอื่นๆ เช่น ธรรมทาน (การให้ธรรมเป็นทาน) อภัยทาน (การให้อภัยแก่ผู้อื่น) ได้เช่นกัน โดยการพิจารณาเปรียบเทียบกัน

การให้ทานแต่ละครั้งนั้น จะให้ผลบุญหรืออานิสงส์มากหรือน้อยอย่างไรนั้น ขึ้นกับปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกันญ ทั้งปัจจัยจากตัวผู้ให้ วัตถุสิ่งของที่ให้ และผู้รับทานนั้นด้วย ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงเอาไว้ในที่หลายๆ แห่ง ทางผู้ดำเนินการได้รวบรวมจากพระไตรปิฎกหลายๆ สูตร รวมทั้งแหล่งความรู้อื่นๆ สรุปได้ดังนี้คือ

การทำบุญให้ทานามนั้น เปรียบเสมือนการทำนาปลูกข้าว โดยที่ผู้รับเป็นเหมือนาวนาข้าวน ของที่ให้เหมือนเมล็ดพันธุ์ข้าว กิเลสุปของผู้รับและผู้ให้เหมือนเป็นวัชชพืชะในนาข้าวนั้น ความตั้งใจ้น ของผู้ให้เหมือนความตั้งใจในการหว่าน็นเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ตกลงในนา ไม่ให้กระจัดกระจายออกนอกนา ศรัทธาของผู้ให้เปรียบเหมือนงปุ๋ย ปิติที่เกิดขึ้นกับผู้ให้เปรียบเหมือนน้ำ ผลบุญที่ผู้ให้ได้รับเปรียบเสมือนผลผลิตจากการทำนานั้น ผู้รับจึงได้ชื่อว่าเป็นจาเนื้อนาบุญ

การทำนาปลูกข้าวั้น นั้น ถ้าใช้ข้าวพันธุ์ดี ปลูกในนาข้าวที่มีดินดี ในขณะหว่านก็ตั้งใจหว่านให้ข้าวตกลงในท้องนาอย่างพอดี ไม่กระจัดกระจายสูญหายไปนอกนา มีน้ำบริบูรณ์ มีปุ๋ยอุดมสมบูรณ์ ไม่มีวัชชพืชมาคอยแย่งอาหารต้นข้าว ผลผลิตที่ได้ย่อมมากมาย เต็มเม็ดเต็มหน่วยฉันใดจาย

การทำบุญด้วยวัตถุอันเลิศ ให้กับบุคคลอันเลิศ ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองใดๆ ทำไปด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่มั่นคง ประกอบด้วยศรัทธาอันดี ถึงพร้อมด้วยปิติเบิกบานใจ ผลบุญที่ได้ย่อมไพบูลย์ฉันนั้น


(มีต่อ 1)
 
-สายลม-
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 พ.ค.2004, 4:03 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณสมบัติของผู้ให้ทานที่จะได้บุญมาก

การที่ผู้ให้ทานจะได้รับผลบุญมากนั้น ตัวผู้ให้เองต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้

- ให้ทานนั้นโดยเคารพั้น ทำความนอบน้อมให้ (มีความเคารพด้วยใจที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เพียงร่างกาย)

- ให้ทานนั้นด้วยมือตนเอง (ถ้ายิ่งต้องใช้ความพยายามมากเท่าไร จิตก็จะยิ่งมีกำลังมากขึ้นเท่านั้น การทำบุญด้วยความรู้สึกที่หนักแน่นมากเท่าไร ก็จะส่งผลให้ได้บุญที่หนักแน่นมากเท่านั้น)

- เชื่อในกรรมและผลของกรรม (ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่หนักแน่นเช่นกัน ไม่ใช่ว่าสักแต่ให้ๆ ไปเท่านั้น)

- มีความเลื่อมใส ศรัทธาในผู้รับทานนั้น (เหตุผลเช่นเดียวกับข้อก่อน)

- เมื่อให้แล้วเกิดปิติโสมนัส จิตใจผ่องใส เบิกบาน

- ให้ทานเหมาะสมกับกาลเวลา คือให้ในสิ่งที่ผู้รับต้องการในเวลานั้นๆ

- ให้ทานโดยสละวัตถุทานนั้นอย่างแท้จริง ไม่มีใจยึดเหนี่ยว ห่วงใยวัตถุนั้นอีก ไม่ว่าผู้รับจะเอาสิ่งนั้นๆ ไปใช้ทำอะไรหรือเมื่อไหร่

- เป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทาน คือให้โดยหวังประโยชน์แก่ผู้รับจริงๆ ไม่ใช่หวังประโยชน์แก่ตัวผู้ให้เอง

- รู้สึกยินดีห์ในการให้ทานครั้งนั้นทั้ง 3 กาล คือทั้งก่อนให้ ขณะให้ และหลังจากให้ทานนั้นแล้วก็รู้สึกยินดี คือนึกถึงเมื่อใดก็ยินดีเมื่อนั้น ไม่ใช่ให้แล้วเสียใจในภายหลัง

- ให้ทานโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ไม่หวังแม้แต่บุญที่จะได้รับ คือให้เพื่อให้จริงๆ แล้วผลบุญก็จะตามมาเอง


(มีต่อ 2)
 
-สายลม-
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 พ.ค.2004, 4:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลักษณะของวัตถุสิ่งของที่ใช้ให้ทานแล้วได้บุญมาก

วัตถุทานที่ใช้ทำบุญให้ทาน แล้วจะส่งผลให้ผู้ให้ทานนั้นได้รับอานิสงส์ผลบุญมาก มีลักษณะดังนี้คือ

- ให้ของที่ไม่ใช่ของเหลือเดน คือไม่ใช่เป็นของที่แม้ผู้ให้เองก็ไม่ต้องการแล้ว

- ให้ของที่สะอาด จัดเตรียมอย่างประณีต

- ให้ของที่ได้มาโดยชอบธรรม และผู้ให้มีสิทธิในการเป็นเจ้าของของนั้นจริงๆ

- ให้โดยองไม่มีส่วนเหลือ คือให้ของนั้นทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้น ไม่ใช่ให้อย่างขยักขย่อน

- ถ้าของที่ให้นั้นกษณะมีความสำคัญ มีความหมาย มีคุณค่านสำหรับตัวัญ ผู้ให้เองัญ มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้บุญมากขึ้นเท่านั้น เพราะผู้ให้ต้องเสียสละมาก เช่น คนยากจนให้ทาน 10 บาท อาจได้บุญมากกว่าเศรษฐีให้ทาน 1,000 บาทก็ได้ เพราะเงิน 10 บาทนั้นมีค่ามากสำหรับคนยากจน ในขณะที่เงิน 1,000 บาทเป็นเพียงแค่เศษเงินของเศรษฐี

- การให้อวัยวะของตนเป็นทาน ได้บุญมากกว่าการให้ทรัพย์ภายนอกเป็นทาน

- การให้ชีวิตะของตนเป็นทาน ได้บุญมากกว่าการให้อวัยวะเป็นทานาย


(มีต่อ 3)
 
-สายลม-
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 พ.ค.2004, 4:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณสมบัติของผู้รับที่จะทำให้ผู้ให้ได้บุญมาก

ผู้รับทาน หรือเนื้อนาบุญที่ดี อันจะส่งผลให้ผู้ที่ทำบุญด้วยได้บุญมากนั้น มีคุณสมบัติดังนี้

- เป็นผู้ที่มีศีลมาก และถือศีลนั้นได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เป็นคนทุศีล หรือต่อหน้าเป็นอย่างหนึ่ง แต่พอลับหลังกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง

- เป็นผู้ที่มีจิตเป็นสมาธิ สงบ ผ่องใส ไม่ถูกนิวรณ์ทั้ง 5 ครอบงำ (ดูเรื่องนิวรณ์ 5 และวิธีแก้ไข ในหมวดสมถกรรมฐาน (สมาธิ) ประกอบ)

- เป็นผู้ที่ปราศจากกิเลส หรือมีกิเลสเบาบาง หรืออย่างน้อยก็เป็นผู้ที่ปฏิบัติเพื่อให้หมดกิเลส ซึ่งจะทำให้ผู้ให้ได้บุญลดหลั่นกันไปตามขั้น

- การทำบุญกับสงฆ์ (สังฆทาน - การทำบุญโดยไม่เจาะจงผู้รับว่าต้องเป็นภิกษุรูปนั้นรูปนี้) จะทำให้ผู้ให้ได้บุญมากกว่าปุคคลิกทาน (การให้โดยเจาะจงผู้รับ) ทั้งนี้ต้องเป็นสังฆทานด้วยใจที่แท้จริง

- ลำดับขั้นของผู้รับ ที่จะทำให้ผู้ให้ได้บุญมากหรือน้อยนั้น ขอให้ดูรายละเอียดในเรื่องเวลามสูตร ในหมวดธรรมทั่วไป ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงจำแนกแจกแจงไว้อย่างชัดเจน


(มีต่อ 4)
 
-สายลม-
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 พ.ค.2004, 4:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณสมบัติต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทั้งของผู้ให้ สิ่งของที่ให้ และผู้รับของนั้น ถ้ายิ่งมีมากและสมบูรณ์มากเท่าใด ผลบุญที่ได้รับก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคุณสมบัติดังกล่าวลดน้อยลงไปมากเท่าใด ผลบุญที่ได้ก็จะน้อยลงตามไปด้วย

หมายเหตุ

- ในส่วนของผู้รับทานนั้น ความปราศจากกิเลส หรือมีกิเลสเบาบาง (ผลจากการเจริญวิปัสสนา) มีผลให้ผู้รับได้บุญมาก มากกว่าสมาธิ

- สมาธิมีผลให้ผู้รับได้บุญมาก มากกว่าารศีลล

ทั้งนี้เพราะบวิปัสสนาทำให้กิเลสหมดไปได้อย่างถาวรส ทั้งกิเลสขั้นละเอียด่าง (อนุสัยกิเลส - กิเลสที่นอนเนื่องในขันธสันดาน หรือกิเลสในระดับจิตใต้สำนึก) กิเลสขั้นกลาง (กิเลสในระดับจิตสำนึก) กิเลสขั้นหยาบ (กิเลสที่ทำให้เกิดการแสดงออกทางกาย วาจา)

ในขณะที่สมาธิ่นั้นสามารถำข่มนกิเลสในส่วนของนิวรณ์ 5 ได้ในระดับของงกิเลสขั้นกลาง และกิเลสขั้นหยาบเท่านั้น ส่วนกิเลสขั้นละเอียดยังคงอยู่เหมือนเดิม และเมื่อสมาธิเสื่อมไปเมื่อใด กิเลสทั้งหลายก็กลับมาได้เหมือนเดิม

ส่วนศีลนั้นเป็นแค่เพียงแต่ข่มกิเลสขั้นหยาบเอาไว้เท่านั้นเอง


...............................................................

ผู้รวบรวม
ธัมมโชติ
28 พฤศจิกายน 2543
 
new
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532

ตอบตอบเมื่อ: 27 พ.ค.2004, 1:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สักกะ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 05 ก.ค. 2004
ตอบ: 15

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2004, 4:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
bilimbi
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ค.2005, 6:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ว่าแต่ บุญที่แท้แล้วคืออะไรคะ..................
 
Ae
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2005
ตอบ: 38

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2005, 12:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวงครับ ถ้าบุญนั้นมาจากการให้ธรรมะ บุญนี้น่าจะได้บุญมาก และถ้าบุยนั้นมาจากการปฏิบัติ (ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ) แล้ว น่าจะได้บุญมากที่สุดครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
นะโม_เย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2005, 12:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ....
 
จันทร์งาม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2005, 3:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

..... สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ .....
 
surakia@thaimail
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2005, 10:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รู้วิธีทำบุญที่ถูกต้องแล้วต้องละบาปทั้งปวงด้วยนะครับ
 
ผลฌาน
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2005
ตอบ: 8

ตอบตอบเมื่อ: 19 ธ.ค.2005, 10:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำว่า "บุญ" จัดว่าเป็นชื่อของความสุขชนิดหนึ่ง สุขนั้นเป็นสุขที่เกิดขึ้นทางจิตใจของผู้ให้ และผู้รับ หมายถึงผู้ที่ให้นั้น มีความปราถนาที่จะให้ผู้รับมีควาสุขกับสิ่งที่ได้มอบให้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือธรรมะก็ตาม เช่น เมื่อเรารู้ว่าน้ำเย็นมีรสชาติอย่างไร มีความอร่อยอย่งไรเมื่อเราได้ดื่ม แต่ถ้าเรานำน้ำนั้น ไปมอบให้บุคคลอื่นท่านได้ดื่มได้ใช้น้ำของเรา แล้วเขามีความสุข เราเองก็มีความสุขที่ได้เห็นของที่เราได้มอบให้เพื่อความปราถนาให้ผู้ที่ได้รับมีความสุขสมความตั้งใจ นั่นแหละครับ เรียกว่า "บุญ" อย่างหนึ่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ทิพ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 พ.ค.2006, 5:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
สาธุคะ โมทนาบุญนี้ด้วยคะ
เกิดชาติใด ใด ขอให้พบ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เถิด สาธุ
 
Retsuya
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 พ.ค.2006, 5:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีคุณสายลม
บุญจากการภาวนาได้มากที่สุด
 
อธิชาตินันท์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 19 พ.ค. 2006
ตอบ: 24
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 19 พ.ค.2006, 3:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากที่เคยเรียนมานะครับ
เรียงลำดับจากน้อยไปมากคือ
ทาน
ศีล
สามธิ
ปัญญา สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ค.2006, 4:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สัปปุริสทาน 5
1.ให้ทานด้วยศรัทธา (ความเชื่ออย่างมีเหตุผล) ผลแห่งทาน มีทรัพย์มาก
2.ให้ทานด้วยความเคารพ ผลแห่งทาน มีบริวารเชื่อฟัง
3.ให้ทานตามกาล ผลแห่งทานได้ตามความต้องการเกิดขึ้นตามกาลย่อมบริบูรณ์
4.ให้ทานด้วยมีจิตอนุเคราะห์ ผลแห่งทาน จิตจะน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ 5 อันโอฬาร
5.ให้ทานไม่กระทบตน ไม่กระทบผู้อื่น ผลแห่งทาน จะไม่มีความล่มจมแห่งโภคะของเขา

ย่อมาจาก"พระไตรปิฏกฉบับสำหรับประชาชน หน้า 65-66" ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย22/192
 
เด็กน้อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2006, 9:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนาบุญนี้ด้วย สาธุ
ขอให้จิตหลุดพ้นจากความเบื่อหน่าย เข้าถึงนิพพานโดยเร็ว
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2006, 1:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตามที่ฟังมา

ศีล สมาธิ และ ปัญญา เกื้อกูลสนับสนุนซึ่งกัน เหมือนเชือก 3 เกลียว
เส้นหนึ่งเส้นใดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน เชือกจะแข็งแรงได้อย่างไร

ง่ายๆนะ ถ้าไม่มีปัญญา จะคิดได้หรือว่าต้องรักษาศีล
ถ้าใจไม่สงบมีสมาธิ ใจจะเติบโตมีปัญญาหรือ

วนไปวนมา เจอกันทั้งศีล สมาธิ และ ปัญญา ขำ
 
ทิพ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2006, 1:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
ถูกต้องคราบบบบ สาธุ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง