Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การไม่มีคู่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ภัทรภร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2006, 8:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

1.หญิงหรือชายที่ไม่ได้แต่งงานมีสาเหตุมาจากผลของกรรมใด
2.ผู้ที่แต่งงานหลายๆครั้ง(แต่งครั้งเดียว)รายต่อๆไปอยู่ด้วยความพอใจและก็เลิกไปแย่งเขามา
3. คนจำพวกนี้จะไปเกิดในนรกขุมใดและจะได้เจอกับเราอีกมั๊ย ซึ้ง
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2006, 9:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัย ข้อ 1 กับ ข้อ 2 เป้นเพราะสัญญากรรม จ้า
ยิ้ม ข้อ 3 นี่ คงตอบไม่ได้ มันก้อขึ้นอยู่ว่า เวลาที่เขาตาย เขาตายด้วย สติ
หรือ ด้วยกิเลส

สาธุ

ปล. ข้อ1 เพราะไม่มีสัญญากรรม กับใคร เลยทำให้ไม่มีคุ่ แต่งงาน ยิ้มเห็นฟัน
 
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2006, 4:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่มีใครหรอกครับที่ไม่เคยมี สัญญากรรมเก่า กับใคร ในอดีตชาติ เพราะในสังสารวัฎ คือ การเวียนเกิด เวียนตายไม่มีที่สุด ทุกๆคน ล้วนแต่มีสัญญากรรม เก่ามาแล้วทั้งนั้น
การที่ชาติ นี้ไม่มีคู่ อดีตชาติ อาจจะเคยไป อธิษฐาน จิต ที่จะติดตามคู่ในอดีต เมื่อ คู่ในอดีต
ไปเวียนว่าย ตายเกิด ในภพภูมิ ที่ไม่ใช่ภพเดียวกับเรา ทำให้เราไม่เจอ
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2006, 11:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ความทุกข์โดยเฉพาะของสตรี ( มาตุคาม ) ๕ อย่างเหล่านี้ ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ คือ :-

๑. สตรีเมื่อเป็นสาว ไปสู่สกุลแห่งสามี ย่อมพลัดพรากจากญาติทั้งหลาย นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะของสตรีข้อแรก ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ

๒. สตรีย่อมมีระดู ( ประจำเดือน ) นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะของสตรีข้อที่สองซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ

๓. สตรีย่อมมีครรภ์ ( ตั้งครรภ์) นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะของสตรีข้อที่สามซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ

๔. สตรีย่อมคลอดบุตร นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะของสตรีข้อที่สี่ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ

๕. สตรีย่อมทำหน้าที่บำเรอบุรุษ นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะของสตรีข้อที่ห้าซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ความทุกข์โดยเฉพาะของสตรี ๕ อย่างเหล่านี้แล ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ "


สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ๑๘/๒๙๗

มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง เผ่าพันธุ์หนึ่ง ที่มีความแตกต่างกันเหมือนสัตว์ในตระกูลอื่น แม้แต่ความสุขหรือความทุกข์ที่เกิดจากความแตกต่างก็ไม่ต่างกัน เช่น. สัตว์ใหญ่รังแกสัตว์เล็ก สัตว์ที่แข็งแรงกว่าก็รังแกสัตว์ที่อ่อนแอกว่า สัตว์ที่ฉลาดกว่าก้มักได้เปรียบสัตว์ที่โง่กว่า มนุษย์เองก็ไม่ต่างจากนี้ คนที่แข็งแรงกว่าก็กดขีบีฑา บังคับเอากับคนที่อ่อนแอกว่า คนที่ฉลาดกว่าก็เอาเปรียบคนที่โง่กว่า
มนุษย์มีเพศผู้และเพศเมียเหมือนกับสัตว์ในตระกูลอื่นๆ ในสังคมที่ยังไม่เจริญทางการศึกษา มนุษย์เพศผู้ที่แข็งแรงกว่าก็วางกฏวางระเบียบให้เพศเมียซึ่งอ่อนแอกว่าต้องทำอะไรที่เพศผู้ต้องการ นอกจากบางที่บางถิ่น ผู้หญิงเป็นใหญ่ก็มีปรากกบ้าง แต่น้อยเหลือเกิน ส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่เพศหญิงอยู่ในกรอบของผู้ชาย
พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสถึงความทุกข์ของผู้หญิง ที่ผู้ชายจะไม่ได้รับ เป็นความทุกข์ของผู้หญิงเท่านั้น โดยเป็นมุมมองจากสังคมในยุคนั้น ซึ่งบางเรื่องก็ไม่เป็นอย่างที่ท่านว่าเสมอไปในปัจจุบัน ซึ่งท่านได้กล่าวเอาไว้ห้าประการด้วยกันคือ

๑. ทุกข์เพราะมีประจำเดือนหรือระดู
๒. ทุกข์เพราะต้องทำหน้าที่ปรนนิบัติ บำเรอผู้ชาย
๓. ทุกข์เพราะต้องออกจากบ้านตัวเองไปอยู่กที่บ้านสามี
๔. ทุกข์เพราะตั้งท้อง
๕. ทุกข์เพราะออกลูก


ทุกข์ที่กล่าวถึงทั้งห้าประการนั้น อาจแบ่งเป็น ทุกข์ที่ผู้หญิงทั้งโลกต้องเผชิญคือข้อที่ ๑ คือการมีประจำเดือน ส่วนข้อที่ ๒ ในบางสังคมก็ไม่มี จะมีแต่ในสังคมที่ชายเป็นใหญ่และเป็นผู้ออกกฏระเบียบ เป็นผู้ปกครอง แต่ในประเทศที่ไม่ได้บังคับหรือไม่ได้กำหนดเอาไว้ในระเบียบประเพณีก็ตาม แม้แต่ในประเทศที่ชายและหญิงเท่าเทียมกัน ก็ยังมีผู้หญิงที่ทำหน้าที่บำเรอหรือปรนนิบัติผู้ชาย เพราะมันเป็นสัญชาติญาณมาแต่กำเหนิดของผู้หญิงที่มีความสุขกับการเอาใจใส่เลี้ยงดูและทำอะไรให้ผู้ชาย เพราะว่าธรรมชาติของผู้หญิงต้องการความรัก ความเอาใขใส่ ความสนใจ จากผู้ชาย สิ่งนี้จึงกลายเป็นหน้าที่ที่เต็มใจทำไปเสียก็มาก

ในข้อที่ ๓ นั้น ในหลายๆที่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นตายตัว ผู้ชายไปอยู่บ้านผู้หญิงก็มี แต่ก้ไม่ทุกข์เท่ากับที่ผู้หญิงต้องไปอยู่บ้านผู้ชาย เพราะถูกญาติฝ่ายชายรังแกได้มากกว่า โดยเฉพาะเรื่องแม่ผัวกับลุกสะไภ้ สงครามแย่งผู้ชายที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล ผู้หญิงต้อแงจากพี่จากน้อง จากพ่อแม่ไปอยุ่กับคนอื่น เป็นความทุกข์อีกอย่างหนึ่ง

ข้อที่ ๔ และ ๕ นั้นต่อเนื่องกัน หากไม่มีทุกข์ข้อที่สี่ ก็คงไม่มีทุกข์ข้อที่ ๕ และทุกข์ชนิดนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ ด้วยการอยู่เป็นโสด ไม่มีคู่ ไม่แต่งงาน แต่ถ้าหลงเข้าไปติดกับชีวิตเสียแล้ว ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงทุกข์สองข้อสุดท้าย ที่ตลกประการหนึ่งคือ ผู้หญิงมักไม่มองว่ามันเป็นทุกข์ กลับมองว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเป็น เป็นของดี แทนที่จะหยุดยั้ง จะวิ่งหนี กลับพยายามวิ่งเข้าหา แล้วพอรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว ต้องมีชีวิตระทมขมขื่น ตกกระไดพลอยโจนไป อย่างที่มีให้เห็นกันดาษดื่นนั่นแล
ผีเสื้อ

http://chaobaan.com/bhud/t112hist.asp?GID=14
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
1111
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 เม.ย.2006, 9:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สรรพสิ่ง เกิดจากจิต
ทำจิตให้หมด กิเลศ ตัณหา มีปัญญารู้ สรรพสิ่ง อนัตตา
ก็ไม่มีอะไรให้ต้อง รัก โลภ โกรธ หลง แล้วหนอ
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2006, 7:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีเพื่อนผู้หญิงสาวโสดคนหนึ่ง ตลอดชีวิตไม่มีเรื่องเพศตรงข้าม เข้ามาเกี่ยวข้องรบกวนให้ขุ่นใจเลย พวกเราเห็นเขามีความสุขสบายดี ไม่เหมือนว่าเป็นคนมีเคราะห์มีกรรมอะไร เพื่อนผู้ชายอีกคนพูดกระเซ้าถึงเพื่อนผู้หญิงคนนี้ว่า เขาเป็นคนมีบุญ คงเป็นนางฟ้ามาเกิด จึงไม่ต้องมีทุกข์จากเรื่องหญิงๆชายๆมากมายอย่างเราท่าน สู้ สู้
 
nnn
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2006, 3:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การไม่มีสามีเป็นลาภอันประเสริฐ
การไม่มีภรรยาเป็นลาภอันประเสริฐ
ไปคว้าดูได้
 
อ.สุรวัจน์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2006, 12:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธเจ้าสอนให้เชื่อเรื่องกรรม แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าในอดีตที่ผ่านมาเราได้ทำกรรมไว้อย่างไร แต่เท่าที่ผมได้ศึกษาวิชา เลขศาสตร์ ชื่อและนามสกุล ที่เราใช้อยู่นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถจะบอกกรรม บางส่วนของเราได้ และเมื่อรู้แล้วก็หาทางแก้ไข ดีกว่าปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ขอเชิญเข้าไปดูรายละเอียดได้ ใน www.surawat191.com อาจจะทำให้ดวงตาหรือดวงจิตสว่างขึ้นได้ครับ
 
อนุสรณ์ คงชาติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 เม.ย.2006, 7:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อานิสงค์ของการตั้งใจรักษาศีล(ข้อ 3) สำหรับชาวบ้านทั่วไป
3.1 ได้บุญ อาจจะมากกว่าทำทาน พิสูจน์ให้ไม่ได้ ขึ้นสวรรค์เองแล้วค่อยเห็น
3.2 ใจมีความสุขจากการรักษาศีลเกิดขึ้นจริง เพราะไม่มีเรื่องให้ใจทุกข์ พิสูจน์ทดลองเองได้บนโลก
3.3 พฤติกรรมของใจระยะยาวเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น พิสูจน์ทดลองเองได้บนโลก
3.4 ทำบ่อยๆ จะ เลิกมีปัญหาเรื่องพวกนี้ไปเลย พิสูจน์ทดลองเองได้บนโลก

ตั้งใจว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับต้นเหตุแห่งการผิดศีลข้อ3 สัก 1 วัน 2 วัน 7 วัน ...ตลอดในช่วงนี้
ทำเป็นระยะๆ ก็ยิ่งดี ทำบ่อยๆไม่มีใครว่า แต่ตั้งใจแล้วอย่าผิดเลยในช่วงที่กำหนด จะไม่เห็นผล ไม่ happy จริง เสียเวลาเริ่มรอบใหม่ ตั้งใจแล้วต้องปฏิบัติให้ได้ถูกในเวลา ใจอึดหน่อยนึง

สาธุ
พระสูตร
อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ มหาวรรค
เกสปุตตสูตร (กาลามสูตร)
ว่าด้วย ข้อห้ามมิให้เชื่อโดยอาการ ๑๐ อย่าง
พระไตรปีฎกภาษาไทย ฉบับหลวง พ.ศ. ๒๕๒๕
เล่ม ๒๐ ข้อ ๕๐๕ หน้า ๑๗๙ - ๑๘๔

ท่านทั้งหลายอย่าได้เชื่อถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคำสืบๆ กันมา อย่าได้เชื่อถือ โดยตื่นข่าวว่าได้ยินอย่างนี้ {น.๑๘๐}อย่าได้เชื่อถือ โดยอ้างตำรา อย่าได้เชื่อถือโดยเดาเอาเอง อย่าได้เชื่อถือโดยคาดคะเน อย่าได้เชื่อถือโดยความตรึกตามอาการ อย่าได้เชื่อถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฏฐิของตัว อย่าได้เชื่อถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ อย่าได้เชื่อถือ โดย ความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใดท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ผู้รู้ติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้ บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ เมื่อนั้นท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย

ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา.....อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา เมื่อใดท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้ บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข เมื่อนั้นท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่

 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง