Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำไมถึงทำไม่ได้สักที อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ไม่เคยชนะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2006, 8:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รู้สึกว่าตัวเราเองนี้มันแย่ ทำไมถึงทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักที บางครั้งทั้งที่ตั้งใจมาก ๆ พอทำไปได้ระยะหนึ่งก็มอดม้วยมรณา ทุกครั้งไป ไม่รู้จะหาวิธีอะไรจูงใจให้ตั้งใจจริงให้ได้สักที อย่างสวดมนต์นั่งสมาธิ ทำไปได้นานสุดไม่เคยเกินเดือนก็ขี้เกียจอีกแล้ว ก็เริ่มต้นใหม่แต่ก็เป็นอีก รู้สึกตัวเองแย่มาก ๆ ท้อแท้ คงก็คงพยายามไปพยายามไปพยายามไป .... ปรบมือ (ระบาย ระบาย สบาย สบาย ธรรมดา ธรรมดา)
 
สู้ ครับ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2006, 9:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมก็เป็นครับ ล้มแล้วลุก ล้มอีกก็ลุกอีก ..................
ผมยังยืนไม่ได้เลยครับ แต่พยายามอยู่ตลอด ช่างมันจะล้ม แต่ผมจะลุกขึ้นอีก ใครจะว่าไงก้ไม่สน
แม้จะล้มอยู่ตลอดมาก็ช่างมัน แต่ผมจะไม่ยอมเลิกความคิดที่จะยืนเด็ดขาด
 
ภูเขาไฟ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2006, 9:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ เรากะเคยทำไป ๆ ชักขี้เกียจ แล้วก้อ กลับมาทำใหม่ อาจจะเป้น เพราะ เราตั้งใจมากไป หรือไม่ก้อ วางแผนตารางปฏิบัต ไว้ล่วงหน้า แล้วก้อ ผลัดวัน ไปทุกครั้งที่ เวลาได้เลยไปจากที่เรากำหนดไว้ แล้วกะ ตั้งใจใหม่ว่า พรุ่งจะจทำให้ได้ สุดท้ายกะไม่ได้ปฏิบัติ เศร้า เราเป้นแบบนี้ทุกที

ยิ้มเห็นฟัน เราเลยคิดใหม่ทำใหม่ คือ เลิกกำหนดว่าจะทำเมื่อไร ระลึกสติได้ตอนไหน ก้อทำตอนนั้นเลย ยิ้มเห็นฟัน

สาธุ
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 01 เม.ย.2006, 3:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณไม่เคยชนะ

ทำไม่สำเร็จ ทำไม่ดีสักที ก็เพราะทำบ้างไม่ทำบ้าง ก็ต้องปรับปรุงว่าต้องทำสม่ำเสมอ เหมือนถึงเวลาทานข้าวก็ต้องทาน ทำให้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ทีนี้บอกว่าทำไม่ได้สักทีนี่ก็ยังไงๆ เพราะปกติก็สูดอากาศอยู่ หายใจอยู่ ลมหายใจมันก็วิ่งเข้าวิ่งออกเป็นรอกๆอยู่แล้ว ก็ตามดู ตามรู้ลมหายใจไปอย่างปกติก็เท่านั้น หรือท้อแท้แม้กระทั่งจะหายใจเข้าออก

ขี้เกียจสวดมนต์ก็หาเทปบทสวดมนต์ยาวๆมาเปิดฟัง ใส่หูฟังเลยแล้วเข้าสมาธิระลึกตามบทสวดที่ได้ยินนั้น นั่งไม่ได้นานก็ฝึกเดินจงกรม หรือแย่มากๆก็เข้าห้องแชทสนทนาธรรมกับกัลยาณมิตรเพื่อกระตุ้นเตือนตนเองไม่ให้เกิดความท้อแท้ อย่าดำรงชีวิตอยู่เพียงหายใจเข้าออกทิ้งไปวันๆ เมื่อใดที่ความทุกข์และผลกรรมชั่วต่างๆมาเผาผลาญ กว่าจะฉุกคิดได้ก็สายเกินไป ไม่มีใครมาช่วยเหลือหรือบรรเทาแบ่งปันความทุกข์ให้เบาบางลงได้ดีเท่ากับตัวของตนเอง

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา
พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ความเห็นที่ยาวไปหน่อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 เม.ย.2006, 5:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอร่วมแสดงความเห็นให้กำลังใจด้วยคนครับ การปฏิบัติไม่ได้ต่อเนื่องไม่แปลกสำหรับผู้เริ่มใหม่หรอกครับ ผมคิดว่าหากให้เทียบความสำเร็จระหว่างคนไม่เคยปฏิบัติแล้วมาปฏิบัติแบบถาวรได้ น่าจะเป็นก้าวสำคัญที่สุดและคงยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าความสำเร็จของผู้ได้สำเร็จขั้นนึงแล้วแล้วได้ขั้นที่สูงขึ้นอีก เพราะผู้ที่ปฏิบัติได้แล้วจิตก็มีกำลังคอยรักษาการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาจะมากบ้างน้อยบ้างยังไงก็มีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติอยู่เผลอเผลอแม้นไม่สำเร็จขั้นสูงอะไรในชาตินี้แต่เกิดกี่ชาติกี่ชาติก็กลับมาปฏิบัติต่อเนื่องเองอัติโนมัติเลยก็ได้ เหมือนบางคนที่อาจทำได้เองเลยในปัจจุบันในเมื่อจิตยึดมั่นปฏิบัติธรรมข้ามภพข้ามชาติได้ขนาดนี้ไม่ถึงขั้นสูงสุดก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ในขณะที่ผู้เริ่มใหม่ไม่มีอะไรมาเป็นกำลังผลักดันได้นานนานเลย จึงใช้ความศรัทธา ความมุมานะพยายามมากจริงจริง พอผ่านไปได้จุดนึงก็จะติดเป็นนิสัยกลายเป็นไม่อยากหยุดทำแทน คิดว่าบางคนอาจรักษาการปฏิบัติในชีวิตประจำวันทุกวัน จนหนึ่งปี บางคน อาจจะ หกเดือนหรือสามเดือนกระมังจึงจะรู้สึกว่าปฏิบัติได้อย่างถาวรคงขึ้นกับจิตแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน ของตนเองเริ่มง่ายง่ายเพียงสวดมนต์ก่อนนอนยาวประมาณสิบห้านาทีเท่านั้น ใช้ท่องจำเลยและสวดบนที่นอนไม่ติดว่าต้องสวดหน้าหิ้งพระเพราะเกิดไปนอนเต้นท์นอกบ้านหรือไม่มีไฟมองไม่เห็นหนังสือสวดก็คงไม่ได้ทำไปแล้วแรกแรกอายเพื่อนนอนคลุมโปงพนมมือสวดในใจก็มี พอทำได้ปีนึงก็มั่นใจว่าไม่มีอะไรหยุดได้แล้ว พอสองสามปีอยู่อยู่ก็มาเอานั่งสมาธิก่อนนอนด้วยแต่พอคืนนึงรู้สึกง่วงก็เลยเปลี่ยนเป็นทุกหลังอาบน้ำตื่นนอน ก็ทำได้ทุกวันไม่แพ้สวดมนต์จนยิ่งอายุมากก็ยิ่งรู้สึกสบายใจทั้งที่ไม่มีทรัพย์สมบัติมรดกกับเขาเท่าไหร่เลย แต่ก็คงยังไม่ถึงที่สุดของการปฏิบัติเพราะคิดว่าเมื่อถึงจุดนึงอาจจะบั้นปลายของชีวิตควรพัฒนารักษาสติให้ได้ต่อเนื่องตั้งแต่ลืมตาจนถึงณเวลาที่ตัวเองต้องการนานนานทุกวันเลย
แต่การรักษาการปฏิบัติได้แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจอโลภโกรธหลงและความทุกข์หรอกครับ เพียงแต่จิตเราไม่เถรไถลไปไหนไกลนอกเส้นทางนานมากเท่านั้นอย่างดีก็ไม่เกินหนึ่งวัน เพราะถึงเวลาปฏิบัติธรรมก็ถูกดึงกลับเข้ามามากบ้างน้อยบ้างวันละนิดก็กลับเข้าสู่เส้นทางสู่หนทางธรรมตามเดิม และกิเลสบางอย่างจะไม่มากเท่าคนทั่วไปด้วย ส่วนอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์สมัยปฏิบัติไม่ได้อยากเห็นน่าดู แต่พอปฏิบัติถาวรได้กลับไม่สนใจบางครั้งก็เคยรู้สึกว่ามันอาจจะเกิดขึ้นเพราะเห็นกับตาแต่ก็ไม่รู้สึกว่าจะสำคัญอะไร ผมเชื่อว่าผู้ปฏิบัติบางท่านได้ประสบแบบชัดเจนมากมากก็มีแต่ด้วยธรรมที่ท่านเหล่านั้นบรรลุทำให้ท่านไม่ได้ใส่ใจเพื่อจดจำนำมาเล่าบางครั้งอาจไม่คิดว่าเกิดขึ้นด้วยซ้ำเพราะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรทุกอย่างล้วนเป็นสัจธรรมทั้งสิ้น
คิดว่าจะเริ่มปฏิบัติให้ได้ถาวรอาจต้องใช้อุบายเพื่อให้การปฏิบัติเข้ากับจริตตัวเองด้วยครับเพราะจิตยังไม่ได้รับการฝึกมาก่อน อย่างเช่น บางคนรู้ว่าตัวเองง่วงได้บางครั้งก่อนเข้านอนหากทำถาวรอาจไม่สำเร็จก็เปลี่ยนเป็นก่อนอาบน้ำหรือหลังอาบน้ำเป็นต้น (แต่ใครไม่ได้อาบน้ำทุกวันก็คงนำไปใช้ไม่ได้ยิ้มเห็นฟัน ) อาจเริ่มจากทำสั้นสั้นแบบขอให้ทำได้ทุกวันไปก่อน พอมั่นใจว่าปรับให้เข้ากับชีวิตประจำวันได้แล้วก็เพิ่มเวลาหรือเพิ่มการปฏิบัติทีละนิด จนลงตัว ลองมองย้อนกลับไปดูก็ได้ครับทุกคนย่อมมีเหตผลเท็จจริงของตัวเองว่าทำไมวันนั้นเราถึงเลิกทำ เพราะเวลานอนไม่แน่นอน เพราะวันนั้นเหนื่อยอารมณ์เสีย ร้องไห้ ก็มองต่อออกไปว่าเพราะอะไรหากเพราะการดำรงค์ชีวิตช่วงกลางวันกับเย็นของเรามีโอกาสจิตตกได้ง่ายก็วางแผนไปทำตอนหลังตื่นนอนบ้าง หากขี้เกียจอีกก็เอาไปไว้หลังแปรงฟันเป็นต้น พยายามเอาไปผูกติดกับชีวิตประจำวันให้ได้จะได้รู้สึกว่ามันเข้ากับชีวิตเราได้สมบูรณ์โดยอาจปรับเปลี่ยนบ้างภายหลัง บางทีไม่สะดวกเพราะบ้านอยู่กันหลายคนหรืออยู่บ้านพักกับเพื่อนที่ยังติดสนุกกับทางโลก ก็อาจให้การปฏิบัติธรรมของตนให้คนทั้งบ้านรับรู้ไปเลย เราจะทำช่วงเวลาไหนของวันสั้นสั้นเท่านั้นโดยไม่รบกวนชีวิตประจำปกติของเขา แรกแรกอาจรู้สึกเขินเขินบ้างหรือเขาอาจจะล้อเราบ้าง เพราะเราก็ยังสนุกทางโลกสัมมะเลเทเมาไปกับพวกเขาอยู่แต่พอเราทำได้ไปตลอดการปฏิบัติธรรมก็จะปรับเข้ากับการดำรงค์ชีวิตของพวกเขาได้เอง แม้นบางวันเสียงดังก็หาทางเลี่ยงได้ จะใช้ที่อุดหูหรือเปลี่ยนไปทำเวลาคนหลับนอนก็ได้ ทุกอย่างหากมองเตรียมการไว้ก่อนก็จะไม่มีอะไรหยุดการปฏิบัติของเราได้ครับ
คงเป็นเพียงอีกแนวทางเท่านั้นคงต้องค้นคว้ากันไปเรื่อยครับเพราะจิตเราเอง มีเราเองเท่านั้นที่สามารถเข้าใจมันได้ดีที่สุดว่าทำอย่างไรมันถึงจะไปในทางที่เราตั้งใจได้ ไม่อยากให้ผูกติดยึดมั่นโดยฝากความก้าวหน้าของจิตเราไว้กับสิ่งบอกกล่าวภายนอกอย่างเดียวว่าต้องให้เหมือนตรงกันทุกประการแม้นกระทั่งที่กระผมเล่ายาวยาวนี้นี้ จะเป็นการปิดกั้นโอกาสในการพัฒนาความก้าวหน้าได้ครับ ขอให้เจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมทุกท่านครับ สาธุ
 
ภูเขาไฟ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 เม.ย.2006, 9:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ อนุโมทนา
 
เคล็ดลับในตำนาน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 เม.ย.2006, 12:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

7 วันเห็นผล

1. 15 / 15
2. 30 / 30
3.45 / 45
4. 50 / 50
5. 60 / 60
6. 90 / 90
7. 120 / 120

เดิน 1 / นั้ง 1 = 1 บังลังค์

ปล. ถ้าวันไหน ทำไม่ได้ ให้กลับไป เริ่มที่ 15 / 15
เดิน ให้ดู การถ่ายน้ำหนัก จะเดินได้ครับ / นั้ง ให้กำหนดที่ท้อง(ลิ้นปี่ คิด เมื่อไหร่ ให้กำหนดรู้หนอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จน กว่าความคิดจะหาย กำหนด ให้ผ่อนคลายอย่า เกร็ง พอใจให้บ่อยก็ครบ แน่คับ ลองดูนะ ขำๆ ยิ้มแก้มปริ
 
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2006, 2:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พละ 5 ได้แก่ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
สัมมัปปธาน 4 ได้แก่ 1.เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น 2.เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว 3.เพียรทำกุศลให้เกิดขึ้น 4.เพียรทำกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งขึ้น
พิจารณาดูว่าเราทำทานได้พอสมควรไหม รักษาศีลได้บริสุทธิดีไหม ทานและศีลจะเป็นเหตุให้การภาวนาได้ผลดียิ่งขึ้น
 
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2006, 5:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อบุคคลพึงทำบุญ ควรทำบุญนั้นบ่อยๆ พึงทำความพอใจในบุญนั้น
เพราะการสั่งสมซึ่งบุญนำความสุขมาให้ จากพระพุทธพจน์
เป็นกำลังใจให้กับการทำกุศลครับ สาธุ
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
ไม่เคยชนะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 เม.ย.2006, 4:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วันนี้ได้กลับมาอ่านกระทู้เดิมที่ตนได้ตั้งไว้ รู้สึกประหลาดใจระคนกับความดีใจด้วยวันที่ตั้งกระทู้ไม่ได้คิดว่าจะมีผู้ใดมาให้กำลังใจหรือแนะนำสิ่งใด ๆ ให้ แต่ระบายความท้อแท้ด้วยใจจริง เพราะเห็นบางกระทู้ก็ไม่มีผู้ตอบเลย จึงเชื่อแล้วว่าสิ่งใด หากทำด้วยใจจริงแล้วมักจะสื่อถึงกันได้จริงกับกัลยาณมิตร ขอบคุณทุก ๆ คำแนะนำที่มีค่า ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใด เมื่อได้อ่านคำตอบในกระทู้จากทุก ๆ ท่าน แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา (จับอารมณ์ไม่ถูก พยายามลองนึกย้อนว่าน้ำตาที่ไหลคืออารมณ์ใด ก็นึกไม่ออกจริง ๆ) แต่ดีใจแล้ว เมื่อคืนได้เริ่มต้นปฏิบัติใหม่หลังจากที่หยุดไปนานเป็นเดือน รู้สึกเหมือนได้กลับมาบ้าน รู้สึกอบอุ่น ปนความเศร้า ที่เศร้าเพราะช่วงนี้ตกงาน พอได้ปฏิบัติความรู้สึกสับสนหายไป รู้สึกอารมณ์นิ่งขึ้น เอาล่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เราก็จะพาใจกลับบ้านทุกวัน เพราะในบ้านไม่มีใครทำอะไรเราได้เลย......

ขอบคุณด้วยใจจริงกับทุก ๆ ท่าน ผู้ออกเดินทางเพื่อกลับบ้าน ทั้งที่ถึงแล้ว และนำหน้าไปไกลแล้ว ทุกท่าน สาธุ
 
1111
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 เม.ย.2006, 5:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

:b1:

ทานข้าวได้ ถ่ายสะดวก นอนหลับ หายใจไม่ติดขัด
ชีวิตนี่มีความสุขดีแล้ว เป้าหมายชีวิต ลดลงบ้างก็ดี
ตั้งเป้าหมายชีวิตใหม่ดีกว่านะ


ขอให้จิต พบแต่ "อนิจจัง ทุกขังอนัตตา" เถิด
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2006, 11:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคล็ดลับในตำนาน พิมพ์ว่า:
7 วันเห็นผล

1. 15 / 15
2. 30 / 30
3.45 / 45
4. 50 / 50
5. 60 / 60
6. 90 / 90
7. 120 / 120

เดิน 1 / นั้ง 1 = 1 บังลังค์

ปล. ถ้าวันไหน ทำไม่ได้ ให้กลับไป เริ่มที่ 15 / 15
เดิน ให้ดู การถ่ายน้ำหนัก จะเดินได้ครับ / นั้ง ให้กำหนดที่ท้อง(ลิ้นปี่ คิด เมื่อไหร่ ให้กำหนดรู้หนอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จน กว่าความคิดจะหาย กำหนด ให้ผ่อนคลายอย่า เกร็ง พอใจให้บ่อยก็ครบ แน่คับ ลองดูนะ ขำๆ ยิ้มแก้มปริ
 
พิชิต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 เม.ย.2006, 1:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกอย่างสำคัญที่ใจ ลองนึกดูถึงกิจกรรมที่คุณชอบคุณจะพยายามทำมันโดยไม่ต้องมีใครมาชักชวน หากคุณตระหนักถึงผลดีของการปฏิบัติธรรมคุณก็จะอยากทำโดยไม่มีการบังคับฝืนใจ ลองบดูตัวอย่างของคนที่นั่งสมาธิเป็นประจำเพราะเขามีความสุขที่ได้นั่งๆแล้วจิตใจปลอดโปร่งโล่งเบาถึงไม่มีใครมาสั่งเขาก็นั่งสม่ำเสมออยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งคือทุกคนจะทำทุกอย่างตามความเคยชินสังเกตดูตอนไปห้างถ้าคนไหนชอบเข้าร้านหนังสือเวลาไปห้างเขาก็จะนึกถึงร้านหนังสือเป็นอันดับต้นๆ ที่คุณปฏิบัติได้ไม่สม่ำเสมอเพราะคุณยังไม่ได้อยากทำมันนั่นเอง
 
ไม่เคยชนะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 เม.ย.2006, 11:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง