Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
มาร้าย - ไปดี (ท.เลียงพิบูลย์)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 12 เม.ย.2006, 3:22 pm
มาร้าย - ไปดี
โดย ท.เลียงพิบูลย์
จากหนังสือกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๔
มนุษย์เราเกิดมาในโลกนี้ เราจะเลือกเกิดเองตามชอบใจไม่ได้ ฉะนั้น จึงมีมนุษย์ถือกำเนิดเกิดมาในตระกูลที่สูงศักดิ์ อุดมสมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ และก็มีมนุษย์ที่เกิดมาในตระกูลยากจนเข็ญใจ ทั้งนี้ย่อมแล้วแต่กฎแห่งกรรมจะบันดาลให้เราเกิด ไม่มีใครเลือกเกิดได้ตามใจชอบ ต้องแล้วแต่บุญกุศลบารมีที่เราได้เคยสร้างสมเอาไว้
สิ่งใดที่เราได้กระทำไว้เราก็จะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอนหลีกเลี่ยงไม่พ้น ไม่ว่าจะเป็นชาติปัจจุบันหรือชาติข้างหน้าต่อไป จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ย่อมจะเป็นเงาติดตามเราไปทุกหนทุกแห่ง คอยโอกาสที่จะเกิดผลตอบแทนตามสนอง
สิ่งที่คนเราจะต้องประสบด้วยกันทุกรูปทุกนาม ไม่ว่าผู้นั้นจะเกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์ หรือเกิดมาในตระกูลต่ำต้อย สิ่งนั้นก็คือ
ความทุกข์
เมื่อได้บรรลุนิติภาวะแล้วย่อมจะมีปัญหาชีวิต ก็จะต้องคอยขบคิดแก้ไขยากบ้าง ง่ายบ้าง แล้วแต่เหตุการณ์ในชีวิตจะต้องเกิดขึ้น
เมื่อยังมีความรู้สึกในรูปรส กลิ่น เสียง และยังลุ่มหลงหมกมุ่นอยู่บนกองกิเลสตัณหา ยังมีความโลภ รัก โกรธ หลง ก็ย่อมจะวนเวียน ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตาย ตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงรู้แจ้งเห็นจริงตามธรรมชาติที่เกิดดับไม่รู้สิ้นสุด
ฉะนั้น องค์พระศาสดาจึงทรงชี้ทางดับทุกข์ พ้นจากความเวียนว่ายตายเกิด ให้สุดสิ้นลงจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยอาศัยอำนาจจิตที่มีศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะกำจัดทุกข์จากความรู้สึกให้สูญสิ้นไปจากใจ ไม่มีวันจะกลับคืนมาอีก
เมื่อมนุษย์เรารู้แล้วว่า เราเกิดมาต้องรับทุกข์ด้วยกันทุกคน ที่สุดก็ไม่มีผู้ใดหนีความแก่ ความเจ็บ ความตายไปได้ ทำไมเราจึงไม่ทำจิตใจให้มีความเมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ที่เกิดมาร่วมทุกข์ด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในเมื่อเรามีโอกาสสามารถจะช่วยเหลือได้ โดยไม่ทำให้เราได้รับความเดือดร้อนข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต
ระวังอย่าทำบุญได้บาป เพราะเคยมีบางท่านหลงงมงายในการทำบุญทำทาน โดยกู้หนี้ยืมสินแทนที่จะก่อสุขทางใจกลับเกิดทุกข์ เพราะกระทบกระเทือนครอบครัวในการครองชีพ ฉะนั้น พระพุทธองค์จึงทรงสั่งสอนให้ปฏิบัติสายกลางย่อมจะได้ผลดีกว่า
ฉะนั้น ผู้ซึ่งเกิดมาดี เมื่อเป็นคนแล้วก็ควรจะประกอบแต่กรรมดี เมื่อตายไปแล้วก็จะไปสู่ทางดี และผู้ที่เกิดมาไม่ดี แต่เมื่อเป็นคนที่อยู่ในโลกก็ประกอบแต่กรรมดี ความดีนั้นย่อมตามสนองโลกนี้และโลกหน้า เมื่อตายไปแล้วก็จะไปสู่ทางดี ผู้เกิดมาดีแต่เมื่อเป็นมนุษย์ก็ประกอบแต่กรรมชั่ว ย่อมจะได้รับกรรมตามสนองเช่นเดียวกัน
ได้เคยมีเรื่องมา ผู้สร้างความดีมีจิตใจเมตตาสงสารแล้วในอดีต ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย และก็ไม่เป็นสิ่งที่เก่าแก่ล้าสมัยเกินไป คล้ายเพชรมณีอันมีค่าแม้จะตกจมอยู่ในโคลนตมจะช้านานเพียงไร เมื่อมีมนุษย์ไปเห็นเข้าก็ย่อมมีคุณค่าไม่เสื่อมคลาย ย่อมจะนำเอามาเป็นเครื่องประดับกาย และเรื่องของผู้ประกอบกรรมดีประดับความรู้เช่นเดียวกัน
เรื่องที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นนับย้อนหลังจาก พ.ศ. ๒๕๐๐ ไปประมาณสี่สิบกว่าปี ครอบครัวผู้อันจะกินครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีมีคุณธรรมสูง ได้ขอพระราชทานบัตรทำเหมืองแร่พลอย แขวงเมืองกาญจนบุรี ซึ่งต่อมาเป็นกิ่งอำเภอบ่อพลอย ขึ้นกับอำเภอพนมทวน
เย็นวันหนึ่งมีคนเดินทางหมู่หนึ่งมาหยุดพักแถวเขตหน้าบ้าน เจ้าของบ้านเมื่อเห็นก็เกิดมีความสงสารเพราะเป็นคนมีเมตตาจิต เห็นผู้ใดได้รับความลำบากก็อดจะเกิดคิดที่จะช่วยเหลือไม่ได้ เมื่อเห็นว่าคนหมู่นั้นจะพักแรมในที่แจ้งเช่นนั้นกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะสมัยนั้นมีสัตว์ร้ายชุกชุมกลัวจะเป็นอันตราย จึงเรียกให้คนหมู่นั้นขึ้นมาพักบนบ้าน และได้สั่งให้คนในบ้านจัดหาอาหารมาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ และก็สนทนาด้วยความเห็นอกเห็นใจด้วยไมตรีจิตจากเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี และซ้ำยังเชิญแขกที่มาพักให้รับประทานอาหารเช้าเสียก่อน ค่อยออกเดินทางต่อไป
แต่พอรุ่งเข้าปรากฏว่า หมู่แขกที่มาพักได้ออกเดินทางไปแต่เช้าตรู่ ยังไม่ทันสว่างดี ทำให้พ่อบ้านสงสัยว่า ทำไมเมื่อวานรับปากว่าจะทานอาหารเช้าและจะไป จึงกลับหายตัวไปก่อนเช่นนี้ เมื่อเข้าไปในห้องที่ชายหมู่นั้นพัก ก็เห็นข้างฝาเป็นไม้กระดาน มีตัวหนังสือเขียนด้วยดินสอพอง มีใจความว่า
(มีต่อ ๑)
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 11:26 pm, ทั้งหมด 7 ครั้ง
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 12 เม.ย.2006, 3:34 pm
ข้าขอลาท่านผู้ใจดีไปก่อน ข้าจะจดจำความดีของท่านตลอดไป
เจ้าของบ้านเมื่อได้เห็นหนังสือแล้วก็งง จึงซักถามคนในบ้านว่า ตอนที่เขาจะไปนั้นเขาพูดว่าอะไรบ้าง แต่ไม่มีใครทราบ นอกจาก
ชายในบ้านผู้หนึ่งซึ่งนอนติดกับห้องของแขกแปลกหน้าที่มาพัก
กล่าวว่า ตอนดึกนอนไม่หลับได้ยินเสียงข้างห้องเขาปรึกษาพูดตอบกัน ได้ยินชัดเจนเพราะเป็นเวลาดึกสงัด นอกจากจะได้ยินเสียงสัตว์ป่าร้องอยู่ห่างไกล นานๆ เสียงจะรบกวนสักครั้งเท่านั้น
เสียงคนหนึ่งพูดว่า
พี่ เมื่อไหร่จะลงมือล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว ประเดี๋ยวจะสว่างเสียงานเสียการหมด
เสียงชายผู้ถูกเรียกพี่ ถอนหายใจอย่างให้ความคิดหนัก แล้วพูดออกมาว่า
เออ ข้ากลับใจเสียแล้ว ข้าจะไม่แตะต้องทำอะไรบ้านนี้เป็นอันขาด
อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า
อ้าว ทำไมล่ะพี่ มันไม่เสียเวลาเปล่าหรือ ก็ตกลงกันมาแล้ว พี่ว่าจะมาปล้น
เสียงชายถูกเรียกว่าพี่ถอนหายใจ แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า.....
นั่นข้าก่อนหน้านี้ แต่เดี๋ยวนี้ข้ากลับใจเสียแล้ว ข้าบอกตรง ๆ ว่า ข้าทำไม่ลง พวกเอ็งไม่เห็นหรือ บ้านนี้เข้าใจผิด เขาต้อนรับเลี้ยงดูพวกเราอย่างไร พวกเรารู้พวกเราเห็น ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้จักเราเลย ที่นี่เหมือนศาลาพักร้อนของคนเดินทางทั่วไป ข้าเป็นโจรก็จริง แต่ข้าจะไม่ทำลายคนดี ๆ อย่างนี้เป็นอันขาด
เสียงหนึ่งพูดขึ้นว่า
แล้วพวกเราจะมาหากินเป็นโจรทำไมล่ะ มัวแต่ใจอ่อนอย่างนี้ ข้าเคยเห็นพี่มีจิตใจเข้มแข็งตลอดมา ไม่เคยเห็นใจอ่อนอย่างนี้เลย
เสียงผู้ที่พูดอย่างขึงขังว่า.....
จริง ข้าเคยปล้นมามากแล้วไม่เคยย่อท้ออะไรเลย แต่พวกเอ็งอย่าลืมนะว่า พวกที่เราปล้นมาแล้วล้วนแต่คนชั่ว พวกรีดนาทาเร้นจากคนจน พวกทำนาบนหลังคน พวกเหล่านี้ก็เป็นคนชั่วเหมือนเรา จะทำลายมันก็ไม่บาปหนักอะไรมากนัก ชาวบ้านที่ถูกมันขูดรีดไถก็พากันสมน้ำหน้ามัน คนชั่วทำลายคนชั่วด้วยกันไม่แปลกอะไร มันสมน้ำสมเนื้อกัน
เสียงพูดขึ้นว่า
จริง พวกข้าคิดเหมือนอย่างพี่ แล้วถ้าเราทำลายคนดี ๆ เราคงตกนรกหนักทีเดียว
เสียงชายผู้ที่พูดว่า
ข้าคิดว่าบาปหนักเท่ากับทำลายพระอรหันต์ แล้วชาวบ้านปากเกลือปากปลาร้าก็คงจะแช่งเราให้ฉิบหายตายโหง ที่เรามาทำลายศาลาที่พักอาศัยของคนทั่วไปเช่นนี้ ต่อไปใครจะมากล้ารับคนแปลกหน้าอย่างเราอีกล่ะ เพราะเรามาทำลายความดีเสียหมดแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะเลือกปล้นคนมั่งมีขึ้นมาเพราะความชั่ว ยกเว้นผู้ประกอบกรรมดี
แล้วหลายเสียงก็ถามขึ้นว่า แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะพี่
เสียงชายผู้พี่บอกว่า เราก็ต้องรีบออกจากบ้านนี้เสียก่อนสว่าง
เสียงถามขึ้นว่า แล้วเราไม่ลาเจ้าของบ้านเขาเสียก่อนหรือ เพราะเช้าเขาคงหาอาหารมาเลี้ยงเราอีก
เสียงชายผู้เป็นพี่ว่า อย่ามัวห่วงกินเลยวะ ข้าจะเขียนหนังสือลาไว้ข้างฝา บอกเจ้าของบ้านไว้
ชายผู้อยู่ในบ้านเล่า แล้วก็บอกว่า แรกผมได้ยินก็ตกใจกลัว แต่เมื่อฟังดูเห็นผู้ถูกเรียกว่าพี่ คงจะเป็นนายโจรนั้นได้กลับใจเสียแล้ว ก็เบาใจ
ท่านผู้เป็นเจ้าของบ้านฟังแล้ว ก็มิได้พูดว่าอะไร นี่ก็เห็นได้ว่าความดีได้ประกอบขึ้นนั้น ได้ทำให้คนกลับใจจากชั่วเป็นคนดีได้ระยะหนึ่ง ทั้งที่ผู้ประกอบกรรมดีมิได้หวังสิ่งใดตอบแทน แต่ความดีก็แสดงผลเกิดขึ้นเอง และเรื่องนี้ข้าพเจ้าคิดว่ามาร้ายก็ตั้งใจจะปล้น แต่เมื่อกลับใจได้เกิดความดีขึ้นจากจิตใจ ทำให้รู้จักบุญบาปในระยะหนึ่ง หรืออาจรู้สึกผิดชอบชั่วดี ได้ประกอบสัมมาอาชีวะตลอดไปก็ได้ เพราะไม่มีผู้ใดได้ติดตามวิถีชีวิตของพวกนี้ต่อไป
และข้าพเจ้าคิดว่าในยุคปัจจุบัน คงจะหาโจรที่จิตใจกตัญญูเช่นนี้คงหายาก ในยุคนี้แม้แต่บุตรธิดาก็ยังหาความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาผู้มีพระคุณ และศิษย์ซึ่งเคารพบูชาอาจารย์ เช่นสมัยก่อนไม่ค่อยจะได้ แล้วจะเอาความดีอะไรกับโจรในยุคปัจจุบันนี้
.................... เอวัง ....................
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2006, 7:38 pm
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 05 ส.ค. 2006, 7:29 pm
ความดี ย่อม คุ้ม ครอง ผู้ประพฤติดี
สา.......ธุ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th