Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ส้ม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 เม.ย.2006, 5:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การที่คนเราทำอะไรโดยไม่มีเจตนา แล้วจะได้รับผลของกรรมจริงหรือไม่ ? สงสัย สงสัย
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 22 เม.ย.2006, 7:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ได้รับผลแน่นอน ไม่มีใคร หนีพ้น
 
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 22 เม.ย.2006, 9:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้า บุคคล ทำบาปอกุศลด้วยเจตนา วิบากคือผลกรรมย่อมมีกำลังแรง กว่า ทำโดยไม่เจตนา
เป็นธรรมดา ถ้าหากเราทำปาปอกุศลโดยไม่เจตนา หาก สัตว์ นั้นจองเวรแก่เรา ผูกอาฆาตเรา
เราก็ย่อมได้รับผล กรรมในส่วนที่สัตว์นั้นจองเวร ด้วย ยกเว้น แต่เป็น อโหสิกรรมไป
พระพุทธเจ้าจึง สอนให้เราทำอะไรด้วย ความมี สติ ไม่ประมาท จะ ทำ จะพูดจะ คิด ให้พิจารณาก่อน การที่กรรมที่ทำโดยไม่เจตนานั้นให้ผล เป็นการสอน ให้เราให้ระวังเวลาทำสิ่งใดก็ตาม
หากว่ากรรมที่ทำโดยไม่เจตนาไม่มีผลแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย คงประมาท ทำอะไรไม่ระวัง ทั้งกาย วาจา ใจ เป็นแน่
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 22 เม.ย.2006, 10:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กฎของกรรมเป็นสัจจธรรมที่สำคัญยิ่งซึ่งนักศึกษาและปฏิบัติธรรมจะมองข้ามไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด ผู้ใดกระทำกรรมดีเป็นบุญกุศล ผู้นั้นย่อมจะได้รับแต่ความสุข สดชื่น มีความเจริญก้าวหน้าประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่พึงปรารถนา ผู้ใดกระทำแต่กรรมชั่วเป็นบาปเป็นอกุศลกรรม ผู้นั้นย่อมจะได้รับแต่ความทุกข์ทั้งกาย และใจ มีความร้อนรนกระวนกระวาย จะประกอบกิจใดก็ประสบแต่ความล้มเหลว ความหนักเบาในการส่งผลของกรรมแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรม (ผลบุญ) หรือ อกุศลกรรม (ผลบาป) ก็ตาม พระอรรถาจารย์ได้จำแนกความหนักเบาไว้ ๔ ระดับ คือ

๑. “ครุกกรรม” ได้แก่ กรรมหนักที่ส่งผลรุนแรงที่สุด ในฝ่ายดี ได้แก่ การปฏิบัติสมาธิจนได้
บรรลุ ฌาณสมาบัติในระดับต่างๆ ในฝ่ายชั่ว ได้แก่ อนันตริยกรรม ได้แก่ การฆ่าบิดามารดา เป็นต้น กรรมนี้ย่อมส่งผลก่อน และครอบงำกรรมอื่นๆ เสีย เปรียบเสมือนกระแสน้ำมากที่ไหลหลากรุนแรงบ่ามาท่วมทับน้ำน้อยในคูคลอง ช่วยกวาดล้างเศษขยะ สวะ สิ่งสกปรกโสโครก ที่ลอย และตกตะกอนอยู่ให้ผ่านพ้นออกไปจากคูคลองนั้น

๒. “พหุลกรรม หรือ อาจิณณกรรม” ได้แก่ กรรมดี หรือกรรมชั่ว ที่ประพฤติมาก หรือทำบ่อยๆ สั่งสมเคยชินเป็นนิสัย เช่น เป็นคนมีศีลดี หรือเป็นทุศีล เป็นต้น กรรมไหนทำบ่อยทำมากจนเคยชิน
ก็มีกำลังกว่า ก็ให้ผลได้ก่อน เปรียบเสมือนนักมวยปล้ำลงสู้กัน คนไหนแข็งแรงกว่า ก็ชนะไป กรรมนี้มีความรุนแรงรองลงมาจากครุกกรรม และจะส่งผลได้ต่อเมื่อไม่มีครุกกรรม

๓. “อาสันนกรรม” ได้แก่ กรรมที่จิตได้รับรู้เป็นอารมณ์เมื่อใกล้จะตาย กรรมนี้จะส่งผลให้ไป
ปฏิสนธิ หรือเกิดทันที เปรียบเสมือนโคที่ถูกขังแออัดอยู่ในคอก เมื่อคนเลี้ยงโคเปิดประตูคอก โคที่อยู่ริมประตูคอก แม้เป็นโคที่แก่ อ่อนแอ ก็สามารถออกจากคอกได้ก่อนโคอื่น กรรมนี้มีความรุนแรงรองลงมาจากอาจิณณกรรม และจะส่งผลก็ต่อเมื่อไม่มีกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดในสองข้อข้างต้นอยู่

๔. “กตัตตากรรม” ได้แก่ กรรมที่ได้กระทำโดยเจตนาอันอ่อน ไม่เจตนา กรรมนี้มีความรุนแรง
น้อยที่สุด เสมือนกับคำวินิจฉัยของศาลที่พิพากษาให้ลงทัณฑ์จำเลยสถานเบา เนื่องจากจำเลยได้กระทำความผิดโดยไม่เจตนา และจะส่งผลก็ต่อเมื่อไม่มีกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดในสามข้อข้างต้นอยู่


http://web.schq.mi.th/~suriyon/suri_a6.htm
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
อิคิว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 เม.ย.2006, 8:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องของกรรมนั้นคนเรามักจะไม่เชื่อ แต่จะเชื่อเรื่องของกามมากกว่า(กามคุณ 5) เรียกว่าเป็นพวกลัทธิบูชากามอะไรประมาณนั้น
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 24 เม.ย.2006, 2:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)




[6] กามคุณ 5 (ส่วนที่น่าใคร่น่าปรารถนา, ส่วนที่ดีหรือส่วนอร่อยของกาม - sensual pleasures; sensual objects)
1. รูปะ (รูป - form; visible object)
2. สัททะ (เสียง - sound)
3. คันธะ (กลิ่น - smell; odor)
4. รสะ (รส - taste)
5. โผฏฐัพพะ (สัมผัสทางกาย - touch; tangible object)

ห้าอย่างนี้ เฉพาะส่วนที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ (agreeable, delightful, pleasurable) เรียกว่า กามคุณ



ในมัขฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ภาค 1 มหาทุกขักขันธสูตร มีข้อความว่า สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่พระวิหารเชตวัน เขตพระนครสาวัตถีพระผู้มีพระภาคตรัสกะพระภิกษุทั้งหลายว่า

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นคุณของกามทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย กามคุณ 5 ประการนี้ 5 ประการเป็นไฉน คือ รูปที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เสียงที่พึงรู้แจ้งด้วยโสต ... กลิ่นที่พึงรู้แจ้งด้วยฆานะ .... รสที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหา .... โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยด้วยกาย น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกามเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ดูกรภิกษุทั้งหลาย กามคุณ 5 ประการเหล่านี้แล ความสุข ความโสมนัสใดเล่า อาศัยกามคุณ 5 เหล่านี้เกิดขึ้น นี้เป็นคุณของกามทั้งหลายฯ"

ในมัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มหาทุกขักขันธสูตร พระผู้มีพระภาคตรัสกะพระภิกษุเรื่องโทษของกามคุณ 5 ว่า

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นโทษของกามทั้งหลาย กุลบุตรในโลกนี้เลี้ยงชีวิตด้วยความขยัน ประกอบศิลปะใด... ต้องตรากตรำต่อความหนาว ต้องตรากตรำต่อความร้อน งุ่นง่านอยู่ด้วยสัมผัสแต่เหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลาน ต้องตายด้วยความหิวกระหาย .... ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นโทษของกามทั้งหลาย

....ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อกุลบุตรนั้นขยัน สืบต่อพยายามอยู่อย่างนี้ โภคะเหล่านั้นก็ไม่สำเร็จผล เขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก รำพัน ตีอก คร่ำครวญ ถึงความหลงเลือนว่าความขยันของเราเป็นโมฆะหนอ ความพยายามของเราไม่มีผลหนอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้นี้เล่าก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายทั้งนั้นฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง มีกามเป็นเหตุ ... แม้พระราชาทั้งหลายก็วิวาทกันกับพวกพระราชา แม้พวกกษัตริย์ก็วิวาทกันกับกษัตริย์ แม้พวกพราหมณ์ก็วิวาทกันกับพวกพราหมณ์ แม้คฤหบดีก็วิวาทกันกับพวกคฤหบดี แม้มารดาก็วิวาทกับบุตร แม้บุตรก็วิวาทกับบิดา แม้พี่ชายน้องชายก็วิวาทกับพี่ชายน้องชาย แม้พี่ชายก็วิวาทกับน้องสาว แม้น้องสาวก็วิวาทกับพี่ชาย แม้สหายก็วิวาทกับสหาย ชนเหล่านั้นต่างถึงการทะเลาะ แก่งแย่ง วิวาทกัน ในที่นั้น ๆ ทำร้ายซึ่งกันและกัน ด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศาสตราบ้าง ถึงความตายไปตรงนั้นบ้าง ถึงทุกข์ปางตายบ้าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้นี้เล่าก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย .... เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายทั้งนั้นฯ"

ต่อจากนั้นมีข้อความเรื่องโทษของกามคุณ 5 และผลร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และพระผู้มีพระภาคยังได้ทรงแสดงคุณและโทษของรูปว่า

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นคุณของรูปทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่านางสาวเผ่ากษัตริย์ เผ่าพราหมณ์ หรือเผ่าคฤหบดี มีอายุระบุได้ว่า 15 ปี หรือ 16 ปี ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป ไม่ผอมเกินไป ไม่อ้วนเกินไป ไม่ดำเกินไป ไม่ขาวเกินไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยนั้น นางคนนั้นงดงามเปล่งปลั่งเป็นอย่างยิ่ง ใช่หรือไม่เล่า"

"เป็นเช่นนั้นพระเจ้าข้า"

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสุขความโสมนัสอันใดแลที่บังเกิดขึ้น เพราะอาศัยความงามเปล่งปลั่ง นี้เป็นคุณของรูปทั้งหลาย

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นโทษของรูปทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลพึงเห็นนางสาวคนนั้นแหละในโลกนี้ โดยสมัยเมื่อมีอายุ 80-90 หรือ 100 ปี โดยกำเนิด เป็นยายแก่ มีซี่โครงคดดังกลอนเรือน ร่างขดงอ ถือไม้เท้ากระงกกระเงิ่น เดินไป กระสับกระส่าย ผ่านวัยเยาว์ไปแล้ว มีฟันหลุด ผมหงอก ผมโกร๋น ศีรษะล้าน เนื้อเหี่ยว มีตัวตกกระ .......

.......ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง บุคคลพึงเห็นนางสาวคนนั้นแหละเป็นซากศพ ถูกทิ้งไว้ในป่าช้า ตายได้ 1 วันก็ดี ตายได้ 2 วันก็ดี ตายได้ 3 วันก็ดี เป็นซากศพขึ้งพองก็ดี มีสีเขียวก็ดี เกิดหนอนไชก็ดี ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญข้อนั้นอย่างไร ความงดงาม ความเปล่งปลั่ง ที่มีในก่อนนั้นหายไปแล้ว โทษปรากฏแล้วมิใช่หรือฯ"

"เป็นเช่นนั้นพระเจ้าข้า"

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ข้อนี้เล่า ก็เป็นโทษของรูปทั้งหลายฯ"



http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=6

http://www.dharma-gateway.com/ubasika/nina/abhidham-05.htm

พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 24 เม.ย.2006, 8:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

--------------------------------------------------------------------------------
การที่คนเราทำอะไรโดยไม่มีเจตนา แล้วจะได้รับผลของกรรมจริงหรือไม่

การกระทำใดไร้เจตนา ก็ย่อมไม่มีผลตามกรรมนิยาม คือไม่เป็นไปตามกฎแห่งกรรม
 
ใจ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 เม.ย.2006, 11:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม ได้รับผลแน่นอนไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ และมันก็ขึ้นอยู่กับเจตนาน้ำหนักของเจตนา
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2006, 11:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ค่อยยังชั่ว เจ๋ง
ขอบคุณคุณใจ และทุกท่านค่ะ

ยังเชื่อว่ากรรมมีอำนาจยิ่งใหญ่ซื่อสัตย์ยุติธรรมให้ผลสมควรแก่เหตุเสมอ
ซื้อไม่ได้ ติดสินบนก็ไม่ได้ด้วย ว๊า ...
 
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 26 เม.ย.2006, 10:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุครับ สาธุ
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง