Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยค่ะ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
นานา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 พ.ค.2006, 2:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณ คุณ ดด มากค่ะที่ได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้น
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=5239

และเรียนถามท่านผู้รู้ด้วยนะคะ

หลังจากที่ดิฉันได้ส่งบุญ ตามวิธีปฏิบัติในกระทู้ข้างต้น
โดยการเบิกบุญจากสวรรค์ ตามที่พระอาจารย์ท่านแนะนำ
โดยคิดคำขึ้นเอง อายหน้าแดง ว่า....

ข้าพเจ้า........ขอบารมีคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงค์ พระบรมโพธิสัตว์
พระมหาเทพมหาเทวีทุกพระองค์ และเทวดานางฟ้าทั้ง 16 ชั้นฟ้าและ 15 ชั้นดินโปรดเป็นพยาน ข้าพเจ้าขอเบิกบุญกุศลทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมบุญบารมีมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่......(เหล่าเทพ นายนิรยบาลฯ ....เปรต.... อสุรกาย.... ปีศาจ........ วิญญาณต่างๆ....บิดา มารดา................ฯ ประมาณนี้ค่ะ)..........จนกระทั่งถึงเจ้ากรรมนายเวร ดิฉันก็กล่าวนำว่า .....
ลูก........ขอขมาทุกท่านที่ลูกได้บังอาจล่วงเกิด ไม่ว่าจะทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เนื่องด้วยเพราะลูกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือหากรู้ก็เพราะตกอยู่ในอวิชชา ยังโง่เขลาอยู่ จึงประพฤติปฏิบัติตนล่วงเกินทุกท่าน วันนี้ลูกรับรู้ทุกอย่างแล้ว ลูกจึงอยากขอขมาทุกท่าน ถึงแม้จะเป็นกุศลเพียงเล็กน้อย ไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งที่ลูกได้ล่วงเกินทุกท่านไป ขอทุกท่านโปรดอโหสิกรรมให้แก่ลูกด้วย กุศลใด ๆ ที่ลูกได้สั่งสมมาลูกขอยกให้ทุกท่านทั้งหมด โปรดอนุโมทนาบุญรับกุศลของลูกด้วย (จริง ๆ ยาวกว่านี้นะคะ แต่จำไม่ได้) อายหน้าแดง รู้แต่เพียงว่าตอนที่กล่าวออกมานั้น (ไม่ได้คิดค่ะ พูดเอา) รู้สึกสำนึกผิดในบาปที่ตนได้กระทำไปจริง ๆ จนเหมือนจะร้องไห้ ซึ้ง

อยู่ ๆ ก็มีอาการเย็นไปตามขาทั้ง 2 ข้างค่ะ เหมือนจะขนลุกแต่ก็ไม่ขนลุก เหมือนมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ที่ตรงนี้ค่ะ (คือ...เวลานั่งสมาธิมักจะปวดที่ขามาก ๆ ค่ะ) อยากจะถามท่านผู้รู้ค่ะว่า

1. อาการเช่นนี้ แสดงว่า......เจ้ากรรมนายเวรของดิฉัน ท่านได้รับกุศลของดิฉันแล้วใช่หรือไม่คะ
2. ถือว่าท่านได้อโหสิกรรมให้ดิฉันหรือยังคะ หรือว่ากุศลที่แผ่ออกไปยังน้อยเกินไป ดิฉันจะได้ไปปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ ท่านจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมาน และมีภพภูมิที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ
3. กุศลนี้จะถึงแด่เจ้ากรรมนายเวรแบบ....1 ท่าน...หรือว่าทุกท่าน.... แบบแบ่งเป็นสัดส่วนคะ

ขอรบกวนท่านผู้รู้ และขอขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยค่ะ
สาธุ
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 01 พ.ค.2006, 3:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณนานา

บุญนี่ กุศลนี่ มันไม่ต้องไปเบิกจากสวรรค์ชั้นฟ้า หรือมหาเทพเทวีที่ไหน ติดอยู่กับเรื่องเทพ เรื่องเทวดา เรื่องนรก เรื่องสวรรค์ ก็วนเวียนสร้างแต่ความหวาดกลัวให้กับตนเองอยู่ร่ำไป แก้ไขอะไรไม่ได้ ปฏิบัติติดขัดก็โทษเจ้ากรรมนายเวร ผีสางนางไม้ไปซะงั้น ลองพิจารณาดูซิว่า การปฏิบัติของตนเองถูกต้องตามแนวทางแห่งองค์บรมศาสดาตรัสสั่งสอนไว้หรือไม่ แวะหาวัตถุ เครื่องลาง ผู้วิเศษตามข้างทางอยู่อีกหรือไม่ เหล่านี้ล้วนขวางกั้นความเจริญแห่งการปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น

ตอบคำถามข้อ1-3 ฝึกปฏิบัติธรรมให้เป็นปกติ ฝึกแผ่เมตตาทุกครั้งเมื่อจิตสงบก่อนถอยออกจากสมาธิ ไม่ควรหวังว่าผลจะเป็นอย่างไร ฝึกแผ่ออกมาจากจิตจากใจที่สงบ บริสุทธิ์ก็หาขอบเขตแห่งประมาณมิได้แห่งเมตตาที่บริสุทธิ์ ความบริสุทธิ์แห่งจิตใจที่เปี่ยมด้วยมหาเมตตา มหากรุณาไม่มีสัดส่วนแบ่งแยก

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา
ผีเสื้อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 01 พ.ค.2006, 8:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เวลานั่งสมาธิรู้สึกปวดขา ก็ให้กำหนดตรงที่ปวด ว่าปวดหนอๆ กำหนดจนหายปวด
การกำหนดเป็นเวทนานุปัสสาอย่างหนึ่ง อาการปวดขาทั้งสองข้างจากการนั่งสมาธิ
เป็นการใช้กรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งคนที่เจริญภาวนามักจะได้รับ แต่ถ้าเกิด เรา กำหนดจนหาย
ปวดแล้วเกิดอาการเย็นแทน แสดงว่าแสดงว่ากรรมนั้นเราได้ใช้แล้ว สาธุ สาธุ สาธุ
คนเราทำกรรมมาไม่เหมือนกัน ทุกขเวทนาอันเกิดจากการภาวนาก็ไม่เหมือนกัน ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2006, 4:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

[
 
นานา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ค.2006, 11:38 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ขอบคุณทุก ๆ ท่านมากค่ะ ที่ชี้แนะทางสว่างให้

จะกลับไปตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติมากขึ้นค่ะ ยิ้มแก้มปริ
 
อิคิว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ค.2006, 1:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สมถะภาวนา คือการเจริญสมาธิเพื่อทำใจให้สงบ
วิปัสสนาภาวนา คือการเจริญสมาธิเพื่อเรืองปัญญา
ให้เจริญวิปัสสนาภาวนาควบคู่กันไป จะเจริญได้ทั้งปัญญาและความสงบ
สมถะภาวนา เจริญขณะที่ว่างจากภาระกิจทั้งหลาย
วิปัสสนาภาวนา เจริญขณะทำกิจประจำวันหรือช่วงพักกลางวันอ่านหนังสือธรรมะ
ฟังธรรม เป็นต้น
 
นานา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ค.2006, 1:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ขอบคุณ คุณอีคิวมากค่ะ
มาครั้งนี้ได้ข้อคิดมากมาย

ขอบคุณค่ะ ขำ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง