ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
admin
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
|
ตอบเมื่อ:
15 มี.ค.2006, 10:59 pm |
  |
นิทานสาธก : กลัวจะกลับมา
คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
มีสุภาษิตไทยว่า "อยู่เขาก็ไว้ใจ ไปก็คิดถึง" หมายถึงผู้ที่ทำดี วางตัวดี มีมนุษยสัมพันธ์ เพื่อนร่วมงานก็รัก เมื่อถึงคราวที่คนคนนั้นต้องจากไป เพื่อนๆ ก็อดคิดถึงไม่ได้
บางคนก่อนจะไป เพื่อนๆ ก็เลี้ยงส่งให้ด้วยความอาลัย แต่ก็ไม่แน่ ประเพณีการเลี้ยงส่งผันแปรเป็นการเลี้ยงไล่ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาหน่วยงานใหญ่ๆ พอย้ายทีลูกน้องและเพื่อนร่วมสำนักงานจัดงานเลี้ยงส่งใหญ่โตมโหฬาร เล่นเอาเจ้าตัวปลื้มเสียไม่มี ภูมิใจเงียบๆ ว่าข้ามีความสำคัญใช่ย่อย หารู้ไม่ว่าเขาดีใจที่ไปเสียได้ !
วันนี้มีนิทานสาธกมาเล่าให้ฟังผ่อนคลายอารมณ์ สาเหตุมาจากพระเทวทัตถูกธรณีสูบ ประชาชนได้ทราบข่าวต่างแสดงความดีใจ ถามว่าทำไมประชาชนถึงแสดงความดีใจในการจากไปของพระเทวทัต ดังที่ทราบกันแล้ว พระเทวทัตเป็นขัตติยกุมารแห่งเทวทหนคร ลูกพี่ลูกน้องกับพระพุทธเจ้า ออกบวชกับขัตติยกุมารแห่งเมืองกบิลพัสดุ์ 6 องค์ รวมเป็น 7 กับอุบาลีภูษามาลา
หลังจากบวชแล้วก็เกิดความเบี่ยงเบน (ไม่ใช่ทางเพศ แต่เบี่ยงเบนด้านศรัทธา ความเลื่อมใส) ประชาชนที่ไปวัดมักจะถามหาพระเถระรูปอื่น เช่น พระสารีบุตรอยู่ที่ไหน พระอานนท์อยู่ที่ไหน น้อยรายจะถามหาพระเทวทัต
เธอก็เคืองสิครับ เราก็เป็นเจ้าชายออกบวชเหมือนคนอื่นๆ แต่ทำไมไม่มีใครเห็นความดีของเรา จึงหาช่องทางสร้างความสำคัญแก่ตน นึกถึงเจ้าชายอชาตศัตรูขึ้นมาได้ เจ้าชายยังเล็กนักประสบการณ์ยังน้อย คง "ล้างสมอง" ง่าย
วันหนึ่งขณะเจ้าชายทรงพระสำราญอยู่ในอุทยานตามลำพัง พระเทวทัตไม่รู้มาจากไหน มายืนต่อหน้า ยืนไม่ยืนเปล่า มีอสรพิษพันตามคอหลายตัว เจ้าชายก็ตกพระทัย พระเทวทัตกล่าวว่าไม่ต้องตกพระทัย บพิตร อาตมภาพคือพระเทวทัต จากนั้นก็ใช้วาทศิลป์กล่อมจนเจ้าชายน้อยเลื่อมใส ปวารณาพระองค์เป็นผู้อุปถัมภ์
ถูกพระเทวทัตล้างสมอง เห็นผิดเป็นชอบ จับพระเจ้าพิมพิสารพระราชบิดาขังคุก ให้อดพระกระยาหารหวังให้สิ้นพระชนม์ ด้วยความช่วยเหลือจากพระมเหสีซึ่งก็คือพระราชมารดาของอชาตศัตรูเอง แอบนำพระกระยาหารไปให้ พระราชาจึงยังชีพอยู่ได้ ตอนหลังพระนางถูกจับได้ ได้รับคำสั่งห้ามเยี่ยม ห้ามประกัน แต่พระเจ้าพิมพิสารก็ยังไม่สิ้นพระชนม์ ยังคงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ได้ด้วยปีติ
สถานที่ขังพระเจ้าพิมพิสารอยู่เชิงเขาคิชฌกูฏ ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ทุกเช้าขณะพระองค์เสด็จลงจากเขาไปบิณฑบาตในเมือง พระเจ้าพิมพิสารก็ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธเจ้าทางช่องหน้าต่างคุก ก็เจริญพุทธานุสสติ ด้วยความปลื้มปีตินี้ จึงทรงยังชีพอยู่ได้
พอพระเจ้าอชาตศัตรูทรงทราบ จึงสั่งให้ทหารเอามีดโกนไปเฉือนพระบาทเสด็จพ่อ จนเลือดไหลไม่หยุด ท้ายที่สุดพระเจ้าพิมพิสารก็สิ้นพระชนม์ด้วยทุกขเวทนา
ฝ่ายพระเทวทัตวางแผนให้อชาตศัตรูยึดราชสมบัติของเสด็จพ่อสำเร็จ ตนเองก็หวังจะยึดอำนาจการปกครองสงฆ์ วางแผนปลงพระชนม์พระพุทธองค์ แต่ละแผนก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ท้ายที่สุดก็อาพาธ รู้ตัวว่าผิดมากอยากจะขอขมาพระพุทธองค์ ให้ศิษย์หามไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ไม่ทันถึงพระเชตวัน ก็ถูกแผ่นดินสูบจมหายไปต่อหน้าต่อตาลูกน้อง
ประชาชนรู้ว่าพระเทวทัตสิ้นชีพ ต่างก็แสดงอาการดีใจ พระสงฆ์ทราบเรื่องนั้นก็นำความกราบบังคมทูลพระพุทธเจ้าให้ทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า มิใช่แต่บัดนี้ ประชาชนแสดงความดีใจที่เทวทัตตาย ในชาติปางก่อนก็เช่นเดียวกัน แล้วก็ทรงนำนิทานมาสาธกดังต่อไปนี้
ในอดีตกาลมีพระเจ้าตาเหลือง ที่เรียกว่าตาเหลืองเพราะพระองค์มีใบหน้าสี่เหลี่ยมน่าเกรงขาม ตาโต และเหลือง เวลาจ้องหน้าใคร ใครคนนั้นมีอันตัวร้อนวูบวาบด้วยความกลัวสุดขีด เพราะฉะนั้นเหล่าเสนามาตย์ทั้งหลายจึงระมัดระวังตนเป็นพิเศษ ไม่พยายามให้พระเจ้าตาเหลืองท่านทรงพิโรธ เพราะเวลาพิโรธทีไร ด่าพ่อล่อแม่คนไปหมด กระทั่งปุโรหิตมนตรีก็ไม่เว้น
ข้าราชบริพารจึงต้องให้ความสำคัญแก่การบริหารอารมณ์ของท่านผู้นำเป็นพิเศษ เพราะว่าถ้าเผลอทำให้ท่านพิโรธขึ้นมาจะเดือดร้อนไปหมด
ขอร่ายเป็นกลอนประตูดีกว่านะครับ ดังนี้
เล่าเรื่องแต่เบื้องหลัง ครั้งพระเจ้าตาเหลือกเหลือง
ผีส่งให้มากินเมือง ยุคเฟื่องเสนียดจัญไร
ครองภาราสาวัตถี ระยำอัปรีย์กันยุคใหญ่
ถือว่าทรงอำนาจอธิปไตย เบียดเบียนข้าไทระส่ำระสาย
(เซ็นเซอร์)........................................................................................
ต่อมาฟ้าลงโทษ ปฐพีทานความโหดไม่ไหว
พระเจ้าตาเหลืองแพ้ภัย รากเลือดลงแดงตายไปเองแล
ชาวเมืองปราโมทย์นัก ข่าวราชาใจยักษ์ตายแน่
กระโดดโลดร้องอยู่เซ็งแซ่ แห่แหนเฉลิมฉลองก้องเมือง
นี่แหละสังสารวัฏวังวน ทุกคนใช่จะอยู่คู่ล้านปี
พระเจ้าตาเหลืองไม่มีดี มีแต่บัดสีบัดเถลิงใจ
โกงไว้กี่โกฏิกี่โกฏิ โคตรพ่อโคตรแม่ก็ช่วยไม่ได้
เขาเขียนชื่อติดกำแพงไว้ ให้แช่งชักหักกระดูกถึงลูกหลาน
ประหลาดนายประตูวัง นั่งสะอื้นร่ำไห้น่าสงสาร
โลกทั้งโลกเขาสาธุการ ที่จอมอันธพาลวอดวาย
เขาถามหาสาเหตุ ว่านี่วิปริตอาเพศหรือสหาย
ไยเจ้ามานั่งเสียดาย จอมฉิบหายตายเหม็นเช่นนั้น
นายทวารว่าข้าร้องไห้ มิได้อาวรณ์อาลัยมันอาสัญ
ข้าสาปแช่งมันทุกวัน เมื่อมันยังไม่ตายโหงตายห่า
ก่อนเข้าออกนอกวัง ทุกครั้งมันเขกศีรษะข้า
ขากถุยเสลดเขฬา ใส่หน้าข้าหัวร่อพอพระทัย
ชั่วช้าสกปรก มันต้องลงนรกต่ำใต้
แต่สหายเอ๋ยข้ากลัวใจ มันจักก่อวุ่นวายในอเวจี
เขกหัวยมบาล ผลาญนรกท่านป่นปี้
โค่นไม้งิ้วฉิมพลี ทำฟืนต้มดีกรีกินครื้นเครง
ยมบาลท่านจะหน่าย จอมวายร้ายรังแกข่มเหง
นิรยบาลสะท้านหวั่นเกรง อลวนอลเวงเพราะคนพาล
จะเกลี้ยกล่อมสัตว์นรก ยกพวกปฏิวัติรัฐประหาร
ข้าไม่เสียดายที่มันวายปราณ ข้ากลัวยมบาลส่งกลับคืน (ฮา)
ที่มา : นสพ.มติชนรายวัน หน้า 6
คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
วันที่ 05 มีนาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10221 |
|
_________________ -- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 02 ก.ค.2006, 2:24 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
    |
 |
สายลม
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2006, 7:25 pm |
  |
สาธุด้วยครับ
 |
|
_________________ "อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ" |
|
    |
 |
^^
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
02 มิ.ย.2006, 7:47 am |
  |
|
|
 |
suvitjak
บัวบาน

เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
|
ตอบเมื่อ:
07 ก.ค.2008, 12:10 pm |
  |
ขออนุโมธนาด้วยครับ  |
|
_________________ ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน |
|
  |
 |
|