Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
กระบวนการเกิดใหม่
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 03 ก.พ.2006, 3:46 pm
กระบวนการเกิดใหม่
เทศนาโดยพระเมธีธรรมาภรณ์
บุญกุศลใดที่พึงบังเกิดจากการพิมพ์ธรรมทานบทนี้เผยแผ่ ขอจงเป็นบุญกุศลแด่พระเมธีธรรมาภรณ์และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในธรรมทานนี้ทุกท่านด้วยเทอญ
คำถามคือ เมื่อเราไปเกิดใหม่ในภพภูมิต่อไปนั้น อะไรในตัวเราไปเกิดใหม่ คำตอบก็คือจิตหรือวิญญาณเกิดใหม่ เราต้องเข้าใจว่า จิตหรือวิญญาณที่ดับในภพภูมิก่อนกับจิตหรือวิญญาณที่ไปเกิดใหม่ไม่ใช่ดวงเดียวกัน คนที่เชื่อว่าพอคนเราตายลง วิญญาณหรือกายทิพย์จะออกจากร่างไปหาภพภูมิเกิดใหม่ พบที่เหมาะๆเมื่อใดก็ปฏิสนธิเกิดใหม่ เมื่อนั้นประหนึ่งว่าวิญญาณมีความคงที่เที่ยงแท้ตลอดกาล ความเชื่อนั้นผิดจากคำสอนในพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพราะพระพุทธศาสนาเน้นเรื่องไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา การที่บอกวิญญาณเที่ยงแท้ (นิจจัง) และมีตัวตน(อัตตา)ถาวรจึงขัดกับคำสอนเรื่องไตรลักษณ์
คำสอนที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนาก็คือ เมื่อเราตายลงเขาจะเกิดใหม่ทันทีในภพภูมิใดก็ได้ที่เหมาะสมกับกรรมที่เขาระลึกถึงก่อนดับจิต จิตที่ดับในทันทีในภพภูมิก่อนกับจิตที่เกิดใหม่ในภพภูมิต่อมาไม่ใช่จิตดวงเดียวกัน จิตในชาติก่อนกับจิตที่เกิดใหม่ในชาติต่อมา จะเป็นจิตเดียวกันก็ไม่ใช่จะต่างกันก็ไม่เชิง ขออธิบายเรื่องนี้เพิ่มเติมดังนี้
ในขณะที่คนเรามีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน จิตของเราเกิด-ดับทุกขณะจิต เกิดดับ๑ขณะเรียกว่าจิตหนึ่งดวง จิตแต่ละดวงมี๓ขณะย่อยคือเกิดขึ้น(อุปปาทะ) ตั้งอยู่(ฐิติ) ดับไป(ภังคะ) จิตแต่ละดวงเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะดำรงอยู่ชั่วเวลาสั้นมากแล้วก็ดับไป(ภังคะ) จิตได้ส่งผลกรรมที่เก็บสะสมไว้ไปเป็นปัจจัยให้จิตดวงใหม่เกิดขึ้น(อุปปาทะ) ดังนั้นจิตดวงใหม่เกิดขึ้นเพราะอาศัยพลังกรรมของดวงจิตก่อนหน้าที่เพิ่งดับไป และจิตดวงที่เกิดตามมานี้ก็ตั้งอยู่ชั่วขณะแล้วดับไปก่อนจะดับจิตนี้ก็ส่งปัจจัยต่อเนื่องให้จิตดวงใหม่เกิดขึ้นอีก จิตเกิดดับต่อเนื่องเป็นสายโซ่อย่างนี้ท่านเรียกว่ากระแสจิต
ภาวะที่จิตเกิดสืบต่อกันเป็นกระแส ท่านเรียกว่าสันตติ
แม้จิตจะเกิดดับทุกขณะ แต่ผลกรรมก็ไม่สูญหายไปพร้อมกับการดับของจิตแต่ละดวง เพราะจิตจะส่งทอดผลกรรมให้จิตดวงใหม่เก็บรักษาต่อไปก่อนที่ตัวเองจะดับลง จิตดวงใหม่จึงเป็นทายาทรับมรดกกรรมของดวงจิตที่เพิ่งดับ
ไป ความจำและประสบการณ์ก็ถูกส่งทอดต่อเนื่องกันไปอย่างนี้ จิตดวงเก่าที่เพิ่งดับไปกับจิตดวงใหม่ที่เกิดตามมา จะเป็นอันเดียวกันก็ไม่ใช่จะแตกต่างกันก็ไม่เชิง ที่ว่าไม่ใช่สิ่งเดียวกันเพราะจิตดวงเก่าได้ดับไปแล้ว และมีจิตดวงใหม่เกิดขึ้นแทนที่ ที่ว่าไม่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็เพราะจิตดวงใหม่รับผลกรรมและประสบการณ์เป็นมรดกทั้งหมดมาจากจิตดวงก่อน และจิตดวงใหม่ที่เกิดขึ้นมานั้นก็ส่งมรดกให้จิตดวงต่อมารับไปเช่นกัน จิตนับล้านๆดวงในกระแสจิตของชีวิตหนึ่งเกิดดับติดต่อสืบเนื่องกันไปอย่างนี้
ชั่วชีวิตหนึ่งจิตเกิดดับนับครั้งไม่ถ้วน และคนเราก็เกิดและตายนับครั้งไม่ถ้วนในชั่วชีวิตเดียวนี้แหละ จิตเกิดหนึ่งขณะก็เท่ากับเราเกิดหนึ่งครั้ง จิตดับ๑ขณะก็เท่ากับเราตาย๑ครั้ง เนื่องจากจิตของเราเกิดดับทุกขณะ คนเราจึงชื่อว่าเกิดและตายตามจำนวนครั้งของการเกิดดับของจิต ความตายชั่วขณะนี้ท่านเรียกว่า ขณิกมรณะ ทุกวันที่ผ่านไปเราเกิดตายแบบขณิกมรณะนี้หลายครั้ง เราเกิดแล้วก็ตาย และตายแล้วก็เกิด สลับกันไปทุกขณะ
จิตตายแล้วก็เกิดเพียงชั่วขณะเดียวด้วยวิธีการเช่นใด จิตตายแล้วเกิดใหม่แบบข้ามภพข้ามชาติด้วยวิธีการเช่นนั้น อันที่จริงสภาวะที่จิตตายแล้วเกิดใหม่แบบข้ามภพข้ามชาติ ก็มีลักษณะการเช่นเดียวกับสภาวะที่จิตเกิดดับในชั่วชีวิตเดียว ความแตกต่างประการเดียวอยู่ตรงที่ว่า
การตายแล้วเกิดแบบขณิกมรณะจำกัดอาณาบริเวณอยู่ในร่างกายเดียว แต่การตายแล้วเกิดใหม่แบบข้ามภพข้ามชาติเป็นการทิ้งร่างกายในภพภูมินี้ แล้วถือกำเนิดในร่างกายของภพภูมิหน้า
ที่กล่าวว่าสภาวะที่ตายแล้ว เกิดใหม่แบบข้ามภพข้ามชาติ มีกระบวนการไม่ต่างจากการเกิดของจิตในชีวิตประจำวันของเรานั้น หมายความว่าจิตดวงสุดท้ายในชาตินี้ เรียกว่าจุติจิตเพราะเป็นจิตที่เคลื่อนย้ายภพ(จุติ) ออกจากร่างกายที่ปราศจากลมหายใจ ขณะที่จุติจิตดับลงมันได้ส่งพลังกรรมและผลรวมของประสบการณ์ในชาตินี้ ไปก่อให้เกิดจิตดวงใหม่ขึ้นในร่างกายใหม่ของชาติหน้า จิตที่เกิดใหม่ในร่างกายใหม่เรียกว่าปฏิสนธิจิต หมายถึงจิตที่เชื่อมโยง(ปฏิสนธิ) ระหว่างชาตินี้กับชาติหน้า ในกรณีนี้ จุติจิตที่ดับในชาตินี้กับปฏิสนธิจิตที่เกิดใหม่ในชาติหน้า จึงไม่ใช่จิตดวงเดียวกัน เพราะจุติจิตดับไปแล้ว เหลือแต่เพียงพลังกรรมที่ถูกส่งทอดไปเป็นมรดกที่ปฏิสนธิจิตเก็บรักษาต่อไป แต่จุติจิตกับปฏิสนธิจิตก็ไม่แตกต่างชนิดแยกขาดจากกัน ทั้งนี้เพราะปฏิสนธิจิตรับมรดกกรรมทุกอย่างมาจากจุติจิต และเก็บรักษาไว้เป็นอนุสัยสันดานสืบต่อไป ปฏิสนธิจิตกับจุติจิตจึงเป็นอันเดียวกันก็ไม่ใช่ จะแตกต่างกันก็ไม่เชิง
I am
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 06 ก.พ.2006, 8:22 am
สาธุ...ครับ
หายไปนานนะครับ
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 06 ก.พ.2006, 12:24 pm
ขอให้เจริญในธรรมค่ะคุณ I am
สายลม
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
ตอบเมื่อ: 09 ก.พ.2006, 2:00 pm
สาธุ ๆ ๆ ครับคุณ poivang
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 14 ก.พ.2006, 1:22 pm
เจริญในธรรมค่ะคุณสายลม
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th