Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ตามรอย พระพุทธเจ้า ในดินแดนอีสานบ้านเฮา
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
webmaster
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769
ตอบเมื่อ: 03 ม.ค. 2008, 9:53 am
พระธาตุพนม ศูนย์รวมความศรัทธาของชาวอีสาน
ตามรอย พระพุทธเจ้า ในดินแดนอีสานบ้านเฮา
แม้ต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนาจะอยู่ที่ประเทศอินเดีย และตัวขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองก็เชื่อว่าประทับอยู่ที่ประเทศอินเดีย แต่ก็มีเรื่องเล่าและตำนานเล่าขานกันมาว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาเยือนประเทศไทยในแถบภาคอีสาน และเมืองต่างๆ ในแถบลุ่มน้ำโขงนี้ อีกทั้งพระองค์ยังได้ทรงพยากรณ์ว่า ดินแดนในแถบนี้ต่อไปพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรือง
สำหรับในดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีตำนานเรื่องเล่าเก่าแก่ที่เรียกกันว่า
อุรังคนิทาน
บอกเล่าเรื่องราวที่เป็นตำนานเกี่ยวกับการเสด็จมาเยือนของพระพุทธเจ้าในบ้านเมืองต่างๆ แถบลุ่มแม่น้ำโขง เรื่องของการที่พระองค์เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาท
อีกทั้งยังเล่าถึงประวัติการสร้างก่อสร้างพระธาตุพนม ซึ่งเป็นพระธาตุที่บรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้าไว้อีกด้วย
เชื่อกันว่าใครได้มาไหว้พระธาตุพนมครบ 7 ครั้งจะได้กุศลแรงยิ่งนัก
การเดินทางมาเยือนภาคอีสาน จึงเป็นโอกาสดีสำหรับพุทธศาสนิกชนที่จะได้มาตามรอยพระพุทธเจ้า กราบสักการบูชาพระธาตุและรอยพระพุทธบาท และยังได้เดินทางท่องเที่ยวไปในพุทธสถานที่สำคัญของทางภาคอีสานอีกด้วย
พระธาตุพนม ศูนย์รวมจิตใจคนสองฝั่งน้ำโขง
พระธาตุพนม
พระธาตุองค์สำคัญที่ประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุพนมวรวิหาร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในสองฝั่งลุ่มแม่น้ำโขง ในอุรังคนิทานนั้นได้กล่าวถึงความเป็นมาของพระธาตุพนมว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังหนองคันแทเสื้อน้ำ (เวียงจันทน์) และได้ทำนายว่าจะมีบ้านเมืองใหญ่เป็นที่ตั้งของพระพุทธศาสนาขึ้นที่นี่ จากนั้นก็ได้เสด็จไปยังที่ต่างๆ จนเดินทางมาถึงที่
ดอยกปณคีรี หรือภูกำพร้า
และพระพุทธองค์ก็ได้กล่าวว่า เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าในอดีตทั้ง 3 พระองค์ในภัทรกัลป์ที่ปรินิพพานไปแล้ว ย่อมนำเอาพระบรมธาตุมาบรรจุไว้ ณ ภูกำพร้า เมื่อเราปรินิพพานไปแล้ว พระมหากัสสปเถระผู้เป็นสาวก ก็จะนำเอาพระธาตุมาบรรจุเช่นเดียวกันดังนี้
ผอูบสำริดที่บรรจุพระอุรังคธาตุภายในพระธาตุพนม
และเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน พระมหากัสสปเถระได้มาเคารพพระบรมศพ เมื่อนั้นพระอุรังคธาตุก็เสด็จออกมาอยู่ในฝ่ามือของพระมหากัสสปะ และเปลวไฟก็ได้ลุกโชติเผาพระบรมสรีระของพระพุทธเจ้าเองอย่างน่าอัศจรรย์ หลังจากนั้นในราว พ.ศ.8 พระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์จึงได้นำเอาพระอุรังคธาตุมาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า และมีบรรดากษัตริย์ในเมืองใกล้เคียงมาช่วยสร้างพระธาตุเจดีย์ให้สมพระเกียรติ
หลังจากการสร้างครั้งแรก พระธาตุพนมก็ได้มีการบูรณะอีกหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็ได้มีการต่อเติมเสริมรูปแบบกันไปบ้าง แต่ครั้งที่พระธาตุพนมเปลี่ยนรูปแบบไปมากที่สุดก็คงเป็นเมื่อ พ.ศ.2518 องค์พระธาตุพนมได้พังทลายลงทั้งองค์เนื่องจากความเก่าแก่ สร้างความสะเทือนใจให้แก่พุทธศาสนิกชนผู้ที่เคารพศรัทธาเป็นจำนวนมาก
ในการพังทลายของพระธาตุพนมนั้น ทำให้ได้พบวัตถุสิ่งของมีค่ามากมายกว่า 14,700 ชิ้น โดยบางส่วนก็นำไปบรรจุไว้ในพระธาตุตามเดิม บางส่วนก็นำมาไว้ในพิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุพนมวรวิหาร นอกจากนั้นก็ยังได้พบพระอุรังคธาตุอยู่บนกองอิฐปูนที่พังลงมา โดยพระอุรังคธาตุนี้ได้บรรจุไว้อย่างซับซ้อนถึง 7 ชั้นด้วยกัน
พระพุทธบาทบัวบก ในจังหวัดอุดรธานี
และอีก 4 ปีต่อมา ใน พ.ศ.2522 การบูรณะก่อสร้างพระธาตุพนมองค์ปัจจุบันก็ได้สำเร็จลง ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ก็ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุขึ้นประดิษฐานไว้ในองค์พระธาตุ เพื่อให้เป็นที่สักการบูชาของประชาชนเหมือนเช่นเดิม
กราบรอย พระพุทธบาทบัวบก จ.อุดรธานี
ตามตำนานอุรังคนิทาน ได้กล่าวถึงการเสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าไว้ในสถานที่แต่ละแห่งในแถบสองฝั่งลุ่มแม่น้ำโขง โดยที่
พระพุทธบาทบัวบก
ณ วัดพระพุทธบาทบัวบก ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ก็เป็นแห่งหนึ่งที่พระพุทธองค์ได้เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทไว้
ตามตำนานของรอยพระพุทธบาทนี้เล่าแทรกไว้ในอุรังคนิทานว่า เทือกเขาแห่งนี้เดิมเป็นที่อยู่ของพญานาคชื่อว่า
มิลินทนาค และกุทโธปาปนาค
ซึ่งมีความดุร้ายต่อมนุษย์และสัตว์อื่นๆ อยู่เสมอ ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังบริเวณแคว้นศรีโคตรบูรณ์ หรือบริเวณแถบลุ่มน้ำโขงในปัจจุบัน พระองค์จึงเสด็จมาที่ภูพระบาท และทรงปราบพญานาคเหล่านี้ และทำให้พญานาคมีจิตใจเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และก่อนที่พระองค์จะเสด็จจากไปก็ทรงประทับรอยพระบาทไว้เพื่อให้บรรดานาคได้บูชาอีกด้วย
รอยพระพุทธบาทบัวบก
รอยพระพุทธบาทบัวบก (อีกมุมหนึ่ง)
สำหรับรอยพระพุทธบาทที่พระพุทธบาทบัวบกนี้ แต่เดิมได้มีสถูปเก่าแก่สร้างครอบไว้ เชื่อว่าสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.2300 ต่อมา
พระอาจารย์ศรีทัต สุวรรณมาโจ
ได้มาจำพรรษาที่นี่และได้พบสถูปร้าง จึงได้ชักชวนชาวบ้านญาติโยมมาบูรณะสถูปขึ้นใหม่เมื่อประมาณปี พ.ศ.2460 เมื่อรื้อสถูปเก่าออกจึงพบว่าภายในมีรอยพระพุทธบาทอยู่ จึงสร้างพระเจดีย์ครอบใหม่โดยสร้างตามรูปของแบบพระธาตุพนมองค์เดิม แต่พระเจดีย์องค์ปัจจุบันนี้ก็ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่อีกหลายครั้ง จนเป็นรูปทรงอย่างที่เห็น และปัจจุบันพระพุทธบาทบัวบกแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่มีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวลาวมากราบไหว้อยู่เสมอ
อีกทั้ง ในบริเวณใกล้เคียงกันก็ยังมี
ถ้ำพญานาค
ที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของพญานาคมิลินทนาค ซึ่งมีลักษณะเป็นโพรงขนาดใหญ่อยู่ใต้ชะง่อนหิน และเชื่อกันว่าในถ้ำพญานาคนี้สามารถทะลุไปออกยังแม่น้ำโขงได้ ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชนผู้ที่มาเยือนอุทยานภูพระบาทแห่งนี้ และได้มากราบรอยพระพุทธบาทแล้ว ก็อย่าลืมไปชมประติมากรรมหินซึ่งเป็นฝีมือของธรรมชาติ เช่น หอนางอุสา และถ้ำต่างๆ มากมาย
พระธาตุเชิงชุม ที่ชุมนุมรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์
พระธาตุเชิงชุม ชุมนุมรอยพระพุทธบาท
ในจังหวัดสกลนครนั้นมีพระธาตุสำคัญแห่งหนึ่งที่มีความน่าสนใจ นั่นก็คือ
พระธาตุเชิงชุม
ประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร วัดแห่งนี้เดิมเป็นวัดราษฎร์ แต่ต่อมาได้รับการยกเป็นพระอารามหลวง และถือเป็นวัดสำคัญในจังหวัดสกลนคร สำหรับพระธาตุเชิงชุมนั้น คำว่าเชิงหมายความถึงตีนหรือเท้า (เช่นคำว่าเชิงเขา) ส่วนคำว่าชุมนั้นก็หมายถึงการมาชุมนุม ดังนั้น คำว่าเชิงชุมในที่นี้จึงหมายความถึงการที่มีรอยพระพุทธบาทมาชุมนุมกันถึง 4 รอย
ประวัติของพระธาตุเชิงชุมในตำนานอุรังคนิทานนั้น ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังแคว้นศรีโคตรบูรณ์ ก็ได้เสด็จมายังภูกำพร้า หรือที่ตั้งของพระธาตุพนมในปัจจุบัน และได้เสด็จผ่านมายังเมืองหนองหารหลวง หรือสกลนครในปัจจุบัน เพื่อเสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทไว้ที่นี่ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ประทับรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าในอดีตมาแล้ว 3 พระองค์ และในอนาคตก็จะเป็นที่ประทับรอยพระพุทธบาทของพระศรีอริยเมตไตร ที่เชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัลป์ด้วยเช่นกัน
เชื่อกันว่าแผ่นหินที่พระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ได้มาประทับรอยพระพุทธบาทไว้นั้น
มีพญาสุวรรณนาค ซึ่งเป็นพญานาคเป็นผู้เก็บรักษาไว้ใต้น้ำ เพื่อรอพระศรีอริยเมตไตรมาประทับรอยพระพุทธบาทเป็นองค์สุดท้าย
และสำหรับพระธาตุเชิงชุมนี้
พระเจ้าสุวรรณภิงคาร กษัตริย์ที่ครองเมืองหนองหารหลวงในขณะนั้น
เป็นผู้สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นที่สักการบูชาของประชาชนทั่วไปอีกด้วย
ภายในพระธาตุเชิงชุม
การจะเข้าไปสักการะด้านในพระธาตุเชิงชุมนั้น สามารถเข้าไปได้ทางเดียวคือทางด้านหลังวิหารหลวงพ่อองค์แสนซึ่งอยู่ติดกับองค์พระธาตุ ซึ่งภายในพระธาตุนั้นจะมีลักษณะคล้ายถ้ำอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไว้หลายองค์ด้วยกัน เชื่อว่าภายในพระธาตุนี้เป็นส่วนหนึ่งของซากเทวสถานขอม โดยยังคงจะเห็นจารึกภาษาขอมอยู่ที่กรอบประตูทางเข้าองค์พระธาตุ
หลวงพ่อองค์แสนก็เป็นพระพุทธรูปสำคัญแห่งวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหารเช่นกัน โดยเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีพุทธลักษณะสวยงามมาก โดยเป็นการผสมผสานของหลายสกุลศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะเชียงแสน ศิลปะล้านช้าง และศิลปะสุโขทัย นอกจากนั้นภายในวัดก็ยังมีสิ่งสำคัญอย่าง
ภูน้ำลอด
ซึ่งเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีมาพร้อมกับพระธาตุเชิงชุม น้ำในบ่อแห่งนี้ไหลมาจากเทือกเขาภูพาน ถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นำไปใช้ในพิธีกรรมต่างๆ
สักการะสังเวชนียสถาน 4 ตำบลในอีสาน
นอกจากพระธาตุและรอยพระพุทธบาทแล้ว ในภาคอีสานก็ยังมีพุทธสถานที่สำคัญอย่าง
สังเวชนียสถานจำลอง
ให้ได้สักการะกันด้วย
เจดีย์สิริมหามายา ณ ลุมพินีวัน สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า (จำลอง)
สังเวชนียสถาน 4 ตำบลซึ่งอยู่ในประเทศอินเดีย อันเป็นสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
ถือเป็นสถานที่สำคัญที่พุทธศาสนิกชนต่างก็ต้องการจะไปกราบสักการะให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากในปรินิพพานสูตรได้มีการกล่าวไว้ว่า ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระอานนท์ได้กราบทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แต่กาลก่อนมาหลังจากออกพรรษาแล้ว มีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา มากราบไหว้พระพุทธองค์อย่างเนืองแน่น บัดนี้พระพุทธองค์จะปรินิพพานแล้ว จะให้พวกข้าพระองค์กราบไว้บูชาสิ่งใดพระเจ้าข้า
พระพุทธองค์ตอบพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ หลังจากเราตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกเธอมีความรำลึกถึงเรา เดินตามรอยแห่งเรา จงพากันกราบไหว้สถานที่ทั้ง 4 ของเรา คือ ลุมพินีวัน สถานที่เราประสูติหนึ่ง โพธิมณฑล สถานที่เราตรัสรู้หนึ่ง ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน สถานที่เราแสดงปฐมเทศนาหนึ่ง และกุสินารานคร สถานที่เราจะปรินิพพานนี่แหละอานนท์ เป็นสถานที่สักการบูชา เป็นเนื้อนาบุญของพวกเธอทั้งหลายสืบต่อไป
เจดีย์พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า (จำลอง)
พุทธศาสนิกชนชาวไทยที่มีความเลื่อมใสศรัทธาก็อาจไม่มีโอกาสเดินทางไกลไปแสวงบุญถึงประเทศอินเดียได้ แต่ก็สามารถมาสักการะสังเวชนียสถาน 4 ตำบลในประเทศไทย ณ
วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หรือวัดถ้ำพวง
ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร แทนได้ โดยสังเวชนียสถานจำลองนี้เกิดขึ้นจากแรงศรัทธาของ
พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร หรือ พระอาจารย์วัน อุตฺตโม
พระวิปัสสนากรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นผู้ริเริ่ม โดยใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 6 ปีเต็ม มีค่าใช้จ่ายกว่า 16 ล้านบาท
สังเวชนียสถานแห่งนี้ ได้จำลองเอาสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าที่ลุมพินีวัน โดยมี
เจดีย์สิริมหามายา
ที่ภายในมีรูปจำลองเหตุการณ์ที่พระนางสิริมหามายาทรงยืนเหนี่ยวกิ่งต้นสาละ และเจ้าชายสิทธัตถะที่เพิ่งประสูติจากครรภ์มารดาทรงยืนอยู่ที่พื้นและมีดอกบัวรองรับพระบาท พร้อมทั้งทรงเปล่งพระสุรเสียงว่า เรานี้ประเสริฐยิ่งในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแห่งเรา อีกทั้งด้านหน้าของเจดีย์ก็มีเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชจำลองเท่าของจริง
สารนาถ สถานที่แสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้า (จำลอง)
ถัดจากสถานที่ประสูติ ก็คือสถานที่ตรัสรู้ ซึ่งก็คือใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ที่เมืองอุรุเวลาเสนานิคมโดยที่วัดถ้ำพวงนี้ได้จำลองเอา
พระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์
หรือ
เจดีย์พุทธคยา
ที่สร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แต่ย่อส่วนลงมาจากองค์จริง ผู้ที่เข้ามาชมสามารถเดินขึ้นไปบนองค์พระเจดีย์และกราบสักการะพระพุทธรูปที่อยู่ด้านในได้
สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ก็ถือเป็นหนึ่งในสังเวชนียสถาน 4 ตำบล สำหรับของจริงที่ประเทศอินเดียนั้น จะเป็นพระเจดีย์ปิดไม่มีประตูหน้าต่าง แต่สำหรับพระเจดีย์ที่จำลองมานี้ได้ย่อส่วนให้เล็กลงและจัดทำให้มีช่องประตูหน้าต่างและมีพระพุทธรูปอยู่ด้านใน ผู้ที่มาสักการะสามารถเข้าไปกราบพระพุทธรูปภายในได้
กุสินารา สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า (จำลอง)
ส่วนสังเวชนียสถานแห่งสุดท้ายคือ
สถานที่ปรินิพพานที่เมืองกุสินารา
สังเวชนียสถานแห่งนี้ก่อสร้างจำลองจากประเทศอินเดียมาทุกประการ แต่ย่อส่วนให้เล็กลง ภายในเป็นห้องโถงใหญ่ มีพระพุทธรูปปางปรินิพพานประดิษฐานอยู่ พร้อมทั้งพระสาวกอีกสามองค์คือ พระอานนท์ พระอนิรุทธ และพระสุภัททะ นั่งอยู่เบื้องหน้า
พุทธสถานทั้ง 4 แห่งที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่มีความเป็นมาที่น่าสนใจ และเป็นเส้นทางตามรอยพระพุทธเจ้าที่พุทธศาสนิกชนสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวไปสักการะได้ตามศรัทธา
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางตามรอยพระพุทธเจ้าได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต 4 โทรศัพท์ 0-4251-3490
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 ธันวาคม 2550 14:54 น.
_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 10 ก.ค.2008, 4:19 pm
ขอบคุณมากครับ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th