ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
tara
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 ธ.ค.2005, 1:43 pm |
  |
ผมสนใจในเรื่องสมาธิมานานแล้วครับ และมีอาการแปลกๆ คือตอนนี้ไม่ว่าจะเดิน จะนั่งสมาธิหรือทำอะไรก็ตาม เมื่อรวมจิตให้สงบขึ้นมาจะรู้สึกว่ามีก้อนหรือตึงๆ บริเวณหน้าผากบางที่จะตึงลงมาถึงตา อยากจะถามว่ามันเป็นอาการอะไรครับ และควรจะทำอย่างไรต่อครับเพื่อจะพัฒนามัน (เมื่อร่วมจิตได้เมื่อไร่ก็จะเกิดอาการนี้ ถึงแม้นว่าจะลืมตาก็ตาม) และอีกข้อหนึงครับ หลังจากทำสมาธิแล้วอุทิศให้ผู้ล่วงลับไปแล้วเขาจะได้ไหมครับ และมีวิธีใดที่อุทิศให้เขาจะได้รับอย่างเต็มที่ครับ ขอบคุณครับ
|
|
|
|
|
 |
วรากร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ธ.ค.2005, 10:32 am |
  |
ไม่ควรทำต่อ อันตราย
การทำสมาธิคือ การที่จิตไม่คิดทั้งดีและชั่ว ไม่ปรุ่งแต่งในความคิด อาจหมายถึงจิตที่สงบนั้นเอง การทำสมาธิสามารถทำใด้ทุกอริยาบท สมาธิไม่ติดในรูปแบบ
แต่ละคนอาจมีความชอบในอริยาบทไม่เหมือนกัน
อาการของสมาธิดูง่ายคือ เราจะไม่ถูกสิ่งเร้าภายนอกและภายในทำให้เราขั่วแขว
การทำสมาธิแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นสิ่งดี เหมือนคลื่นส่งที่ไม่มีอะไรมาข้างย่อมส่งได้ไกล
สาธุ |
|
|
|
|
 |
เขม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ธ.ค.2005, 11:00 am |
  |
ตอบเจ้าของกระทู้...
...อาการซึ่งปรากฏนั้น มันเป็นอาการของจิตซึ่งเป็นสมาธินั่นแหละ แต่มีผลโยงมาถึงกายด้วย ดังเช่นอาการที่คุณเจ้าของกระทู้กำลังประสบอยุ่นั่นแหละครับ
ดูตัวอย่างง่ายๆครับ เวลาเรากลัวอะไร มีกลัวผีเป็นต้น ขนลุกไปทั้งตัว หรือวันใด เราสู้สึกว่าสบายใจดี เนื้อตัวจะเบาๆ เคยสังเกตไหมครับ
เพราะอะไร ?
เพราะกายกับใจเข้าทำงานร่วมกัน ใจสบาย ๆ เนื้อตัวจะเบาๆ คล่องแคล่ว
วันไหนรู้สึกขึ้เกียจ เนื้อตัวจะอืดอาดหนักๆ เป็นต้นไม่กระฉับกระเฉง........
ก่อนพูดถึงคำว่าสมาธิ ดูตัวอย่างเปรียบดังนี้ก่อนครับ เพื่อความเข้าใจง่ายๆ
ท่อน้ำซึ่งรั่วอยู่หลายๆจุด น้ำจะไหลออกปลายท่อไม่แรงถูกต้องไหมครับ
ทีนี้ เมื่อเราต้องการจะให้น้ำออกปลายท่อแรง ๆ เรา ก็ต้องอุดท่อที่รั่วนั้น ฯลฯ
จิตที่ไม่เป็นสมาธิ เหมือนท่อที่รั่ว จึงไม่มีพลัง
จิตที่เป็นสมาธิ เหมือนท่อที่อุดรูรั่วนั้น ๆ แล้ว
วิธีทำให้จิตเป็นสมาธิก็มีมากมายหลายวิธี ที่สำคัญคือฝึกให้คิดเรื่องที่เราหาอารมณ์ที่เหมาะแก่จริตของเรา แล้วก็ให้มันคิดถึงอารมณ์นั้นเรื่อยๆไป หมายความว่าให้มันคิดอารมณ์เดียว
เมือมันคิดอามณ์เดียวนั้นได้นานๆ แปลว่า จิตเป็นสมาธิแล้วครับ
|
|
|
|
|
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
13 ธ.ค.2005, 1:40 pm |
  |
กราบสวัสดีคุณtara
ตั้งสติไว้ที่ 3 จุด คือที่ หน้าผาก ทรวงอก และที่ผัสสะ อย่าปล่อยจิตออกภายนอก ให้มีสติรู้ตัวอยู่ ระลึกอยู่ที่กาย กระแสจิตจะไหลย้อนเวียนกลับลงมาในกาย ทำให้เกิดปิติไหลอาบกายทำให้กายใจเอิบอิ่ม เมื่อเกิดสมาธิ ทำให้จิตสงบระงับ
อาการที่คุณเล่ามาก็ดังที่คุณเขมตอบคือ เป็นอาการของจิตที่เป็นสมาธิ คุณก็แผ่กระแสจิตนั้นให้เกิดความรัก ความปรารถนาดีต่อตนเองก่อน จากนั้นก็แผ่ไปให้กับคนที่เรารัก จากนั้นจึงแผ่กระแสจิตที่มีความรัก ความปรารถนาดีนั้นไปตลอดโลก ให้เป็นอัปปมัญญา คือไม่มีประมาณ
ทีนี้จิตคุณไปรวมอยู่ที่หน้าผากเองแล้ว ก็ปล่อยกระแสจิตนั้นให้ทะลุหน้าผาก เข้ากับอากาศ อากาศไปถึงที่ใด กระแสจิตและความรัก ความปรารถนาดีก็ไปสู่ที่นั่น เรียกว่าการแผ่เมตตาฌาน เสร็จแล้วให้ทำความรู้สึกตัวอยู่ให้เต็มหน้า แล้วดึงกระแสจิตที่แผ่เมตตาออกไปนั้นคืนกลับสู่ให้เต็มกาย หายใจเข้าในอกให้ลึกๆ แล้วประคองลมกำหนดจิตไว้ที่ใจให้นิ่งสงบ กำลังของกระแสจิตที่แผ่เมตตาออกไปนั้นจะกลับคืนมา ทำให้อิ่มกายอิ่มใจ ไม่เกิดอาการอ่อนเพลีย การแผ่เมตตาฌานจะมีกำลังอำนาจมากกว่าเมตตาจิต เพราะต้องอาศัยกำลังจิตซึ่งรวมเป็นเอกได้แล้วจึงจะแผ่กระแสออกไปได้ค่ะ
เจริญในธรรม
มณี ปัทมะ ตารา  |
|
|
|
   |
 |
|