ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
พัทธ์ญาณ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 9:17 pm |
  |
จะเห็นได้ว่าคนในสังคมไทยสมัยนี้เต็มไปด้วยอบายมุข 5 เช่น แหล่งพนันบอล แหล่งซ่อง โสเภณี แหล่งเธค ร้านเหล้า บาร์ แหล่งสถานเริงรมย์ เป็นเหตุให้เจ้าของสถานที่ต่างๆต่อไปนี้ต้องตกนรก
ซึ่งวิธีที่ป้องกันไม่ให้คนพวกนี้ต้องตกนรก คือ กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทำหนังสือเรียนพระพุทธศาสนาระดับมัธยมศึกษาทุกระดับ มีหลักคำสอนเนื้อหาที่มีใจความดังต่อไปนี้ คือ มีใจความชี้โทษบอกขุมนรกว่าถ้าทำบาปต่อไปนี้จะตกนรก โดย ชี้โทษห้ามทำบาปต่างๆอาทิ เช่น ชิงสุกก่อนห่ามมักตกนรกสิมพลีนรก (ต้องบอกสาเหตุด้วยก็คือต้องแต่งงานกันก่อน หรือจดทะเบียน หรือขออนุญาติผู้ปกครองฝ่ายหญิงโดยการหมั้นก่อน)ส่วนคบชู้อย่างนี้ตกนรกอยู่แล้ว ส่วนกินเหล้า ถ้ากินเป็นยาบำรุงร่างกาย เช่น เพิ่มแรงดันร่างกายให้กระชุ่มกระชวย หรือหมอสั่งให้กินเพื่อจะได้ความดันโลหิตไม่ต่ำเป็นต้น ถ้ากินเพื่อเข้าสังคม หรือสนุกสนานอย่างนี้ลงนรกตาปโพทะ ส่วนเสพยา คอรับชั่น ขโมย ฆ่าสัตว์อย่างนี้บาปลงนรกอยู่แล้ว ส่วนถ้าพนันบอล พนันหวย เป็นอบายมุข พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าเป็นแหล่งมอมเมาให้เสียเงิน สุรุ่ยสุร่าย ห้ามเล่น เด็ดขาด ลงนรกยมโลกียนรก หรือมหานรกหรือถ้าเล่นทุกวันก็อเวจี ส่วนศีลห้าถ้าศีลขาดต้องขอขมาพระรัตนตรัยแล้วเริ่มรักษาศีลใหม่ และช่วยรณรงค์ให้คนทั้งชาติขยันสวดมนต์ทุกวัน และทุกโรงเรียน ทุกมหาวิทยาลัย ราชภัฏ ราชมงคล อาชีวะ เทคนิค กศน ควรให้นักศึกษาปฏิญาณตนก่อนเข้ามาเรียนว่าจะไม่ทำผิดศีลธรรม หรือทำผิดแล้วต้องขอขมาพระรัตนตรัย และสอนนักศึกษาทุกคนว่าจิตดับก่อนตายไม่ควรไปนึกถึงบาปก่อนเพราะจะตกนรกทันที นึกถึงห่วงหวงลูกเมีย สามี มักเป็นผี ห่วงสมบัติมักเป็นเปรต โกรธก่อนตายมักเป็นอสูรกาย ควรให้จิตดับก่อนตายนึกถึงบุญที่เคยทำ นึกถึงพระพุทธองค์ หลวงพ่อที่นับถือ นึกถึงสิ่งที่ดีๆงามบุญกุศลอยู่เสมอ ถ้านึกอย่างนี้จะไปสวรรค์ทันที หรือมีนโยบายให้ทุกบ้านให้เปิดบทสวดมนต์ฟังก่อนตาย หรือในส่วนของนักโทษในเรือนจำ ให้อนุศาสนาจารย์สอนหลักธรรมะจิตดับก่อนตายแก่นักโทษ ให้คิดแต่ถึงบุญ ถึงพระ ตัดความกังวลห่วงลูกเมีย สมบัติออกไป ในส่วนของคนไข้ในโรงพยาบาล ให้แจกแผ่นพับหลักธรรมะจิตดับก่อนตายแก่คนไข้ทุกคนใจความ โทษ ให้คิดแต่ถึงบุญ ถึงพระ ตัดความกังวลห่วงลูกเมีย สมบัติออกไป คิดเสียว่าแม้แต่เศรษฐีแสนล้านตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ควรละความเห็นแก่ตัวเอง เห็นประโยชน์ต่อสังคมประเทศชาติเป็นหลัก สำหรับผู้ที่จิตดับก่อนตายไม่นึกถึงบุญ บาป ไม่ห่วงลูกเมีย สมบัติ มักไปสำนักพิจารณาคดีหรือศาลพญายมราช จะมีการถามถึงบุญถ้าตอบได้ก็ไปสวรรค์ทันที(เฉพาะกรณีที่ขอขมาพระรัตนตรัยแล้วว่าจะไม่ทำบาปใดๆทั้งปวง)
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ทุกๆท่านทำแผ่นพับแจกคนสนิทของท่านใจความเรื่องจิตดับก่อนตายและขอขมาพระรัตนตรัยที่เคยทำบาปมาจิตก็จะเป็นกุศลทันที โมทนาสาธุกับทุกท่านครับ
|
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 11:41 pm |
  |
วิธีป้องกันไม่ให้ตกนรกนั้น ทำง่ายมาก มูลเหตุที่สำคัญคืออยู่ที่สันดานชั่วของเรา ตราบใดที่เรายังมีสันดานที่ไม่ดีอยู่ ถึงเราไม่ข้องแวะกับอบายมุขก็ตาม แต่ถ้าเรายังมีความโกรธ แล้วใช้ความโกรธไปทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับความบาดเจ็บก็ไม่อาจทำให้เราพ้นจากนรกแต่อย่างใด
สิ่งที่เจ้าของกระทู้บอกเกี่ยวกับการละสันดานที่ไม่ดี เช่นความเห็นแก่ตัว ความโกรธ ความโลภ แต่ต้องกระทำภายใต้อำนาจสมาธิเท่านั้นจึงจะได้ผล แล้วเมื่อจิตสงบ คือปราศจากสันดานที่ไม่ดีเป็นการชั่วคราวได้บ้าง ให้ทำการแผ่เมตตาอุทิศกุศลให้สรรพจิตสรรพวิญญาณ นี่จึงเป็นทางรอดจากนรกได้อย่างแน่นอน แล้วเมื่อจิตเริ่มขุ่นมัวเพราะมีสันดานที่ไม่ดีอีกให้ไปนึกสำรวจสันดานที่ไม่ดีแล้วขุดมันออกไปอีกรอบ ทำเช่นนี้เรื่อยไป จิตของเราจะค่อย ๆ เข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง หรือเรียกว่าจิตสงบนานขึ้น และนานขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั้งตั้งอยู่ได้นานตราบที่เราต้องการ นั่นคือการเข้าสู่สภาวะนิพพาน หรือการบรรลุอรหัตผลนั่นเอง |
|
|
|
    |
 |
ภัทรภร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
04 ธ.ค.2005, 8:14 am |
  |
การตกนรกของผู้ที่กระทำความดีไม่น่าเลยนะ |
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
04 ธ.ค.2005, 3:52 pm |
  |
ความเห็นที่ 2 ผู้เจริญ
ความดีนั้นออกมาจากจิต ความดีหรือไม่ดีเกิดจากจิต แล้วตราบใดคนที่ละสันดานชั่วไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะทำดี หรือเราเห็นว่าดีก็อาจจะดีเพียงเปลือกเท่านั้น การสรุปว่าดีหรือชั่วนั้น เราไม่สามารถสรุปความดีชั่วของคนอื่นได้ เช่นนักการเมืองที่ไปโกงกินประเทศ เอาเงินที่ได้มาสร้างโรงเรียนให้กับเด็กยากจนในชนบท เราก็ไม่อาจสรุปได้เช่นกัน
เราสามารถโกหกคนทั้งโลกได้ว่าเราเป็นคนดี แต่เราไม่สามารถโกหกตนเองได้หากเราเป็นคนไม่ดีจริง ผมขอพูดสั้น ๆ ว่า คนทำดีหรือชั่วโดยเจตนาอันเกิดจากตัวเราก็ตาม ถ้าคุณสามารถละสันดานต่อไปนี้ได้ ทำให้ค่อย ๆ หมดไปทีละเล็กละน้อยจนหมดสิ้นไปจากเราในที่สุด อันได้แก่ ความกังวล ความหลงตนการถือตัว ความโลภ ความขี้เกียจ ความริษยาและเห็นแก่ตัว ความโกรธ และความพยาบาท นี่คือทางไปสวรรค์ หรือไปสู่สุคติ
คนทำดีหรือชั่วโดยเจตนาอันเกิดจากตัวเราก็ตาม ถ้าคุณไม่สามารถละสันดานต่อไปนี้ได้ ทำให้ค่อย ๆ เกิดมากขึ้น พอกพูนในจิตตนสะสมหมักหมมเอาไว้ อันได้แก่ ความกังวล ความหลงตนการถือตัว ความโลภ ความขี้เกียจ ความริษยาและเห็นแก่ตัว ความโกรธ และความพยาบาท นี่คือทางไปนรก หรือไปสู่ทุคติ
จากทั้งหมดที่แล้ว คนที่ละสันดานชัวได้จนหมดไปจากตนโดยถาวรได้ จะทำชั่วโดยสันดานได้หรือไม่ หรือคนที่มีแต่ความชั่วในสันดานจะทำดีโดยสันดานได้หรือไม่ ทำโดยไม่ต้องฝืนความรู้สึกตนเอง จะทำดีหรือจะทำชั่วปล่อยไปตามธรรมชาติ นี่จึงเป็นคำตอบว่าคนเราจะไปสู่สุคติ หรือไปสู่ทุคติ |
|
|
|
    |
 |
|