Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 จะรู้ได้อย่างไรว่าจิตดั้งเดิมนั้นแท้จริงแล้วบริสุทธิ์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 10:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยแต่ อ่าน ฟัง จากคำบอกกล่าวของผู้บรรลุแล้วเขาบอกแต่เพียงว่ามันบริสุทธิ์ แต่ในทางทฤษฎีแล้วจะอธิบายอย่างไรให้ผู้ที่ศึกษาเพียงอย่างเดียวแต่ยังไม่ใช้ใจปฏิบัติเข้าใจ ได้

กราบสวัสดีรุ่นพี่ผู้อยู่ก่อนด้วย จากน้องใหม่

มีคำแนะนำใด ติเตียนว่า ก็เชิญได้เลยครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 11:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดูก่อนมนุษย์ผู้เจริญ



ถ้าวัดจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเรา ต้องถามว่าเรานั่นมีความสงบนิ่งอยู่ภายในมากน้อยแค่ไหน การบริสุทธิ์ที่เกิดจากจิตเรา จะทำให้ตัวเราสงบนิ่งไปด้วย สิ่งปนเปื้อนในจิตได้แก่อนุสัย อนุสัยนั้นผมในฐานะนักปฏิบัติขอแปลง่าย ๆ ว่าสันดาน มีทั้งดีและไม่ดี สันดานที่ไม่ดีเป็นบ่อเกิดทำให้จิตไม่สงบ จิตที่ไม่สงบก่อให้เกิดตัวที่ไม่สงบ เช่นคนโลภ วันหนึ่ง ๆ คิดสักแต่ว่า วันนี้ได้กำไรเท่าไหร่ จะหาความสงบให้จิตได้อย่างไร จิตไม่สงบตัวก็เลยไม่สงบไปพร้อมกัน แต่พระอรหันต์เผยแพร่ธรรมมะให้คนเข้าถึงธรรมได้มากเท่าไหร่ ทำอย่างไรให้คนรู้จักความสงบนิ่งที่เกิดขึ้นในจิตได้อย่างไร ปรารถนาดีให้คนรู้จักความสุขที่แท้จริง เมตตาเพื่อนมนุษย์อยู่เป็นนิจ หายใจเข้าออกเป็นความเมตตา นี่คือความแตกต่างที่ชัดเจนของพระอรหันต์กับมนุษย์ปุถุชน



ถ้าอยากรู้ว่าจิตเราบริสุทธิ์หรือยัง ต้องถามตัวเราว่า วันนี้คุณเลิกกังวลหรือยัง คุณยังโกรธคนที่มาด่าคุณหรือไม่ ฯลฯ แล้วตอบตัวคุณเองอย่างบริสุทธิ์ใจไม่เข้าข้างตนเองแม้เพียงน้อยนิด คุณก็จะได้คำตอบตามที่คุณถามมา เรื่องนี้ก็อธิบายง่าย ๆ แต่เพียงเท่านี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 12:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความบริสุทธิ์ที่ถามถึงนี้ หมายถึงคำเหล่านี้ด้วยรึเปล่า เช่นตัวอย่างว่า บริสุทธิ์ ว่าง

สงบ ไม่มี ไม่เจือปน ไม่มีการปรุงแต่ง ไม่มีรอยด่างดำ ไร้มลทินเกี่ยวเกาะจิตใจ และ ไม่มีตัวจิตเองให้ยึดถือ เพียงแต่นำคำว่า จิต มาใช้กล่าวพูดถึงเพื่อความเข้าใจทางทฤษฎีเท่านั้น

เป็นอันว่าผมเข้าใจคำว่าบริสุทธิ์ถูกไหม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
วรากร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 12:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอบ



ขอยกตัวอย่างให้เห็น

จิตเดิมเหมือน พระอาทิตย์ กิเลสเหมือน เมฆ

พระอาทิตย์ไม่เคยดังแสงที่จะส่องลงมายังโลก แต่เมื่อใดเมฆมาบังแสงที่ส่องก็จะหายไป แต่ความจริงแล้วแสงอาทิตย์ยังคงส่องสว่างอยู่เสมอ



จิตเดิมนั้น บริสุทธิ์ คำว่าบริสุทธิ์ ณ ที่นี้คือ ไม่มีดี ชั่ว ขาว ดำ สูง ตำ (ของที่เป็นคู่)

จิดเดิมนั้นเวลาจะใช้ก็สามารถ ไป มา ขาว ดำ สูง ต่ำ ได้ ดัง 0 เป็นจุดเริ่มต้นของ 1234 และอื่น



เหตุที่เราไม่รู้ว่าจิตเดิมนั้นบริสุทธิ์ ก็เพราะว่ากิเลสที่มาเกาะจิตก็พบกี่ชาติ จนไม่อาจหาจิตเดิมของตนเองได้



สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้นั้นก็คือ จิตเดินนั้นที่มันบริสุทธิ์นั้นเอง พระองค์ทรงพบว่าหากเอากิเลสของจากจิตของปุถุชน ก็จะพบจิตเดิม หรือ อาจเรียกว่า จิตประภัสสร หากอ่านพระไตรปิฏก พระพุทธเจ้าจะกล่าวคำนี้มาก ว่าให้รักษาจิต ให้ประภัสสร



ตัวอย่างของจิตเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลง



พระโมคคัลลานะ อดีตชาติฆ่าบิดามารดา จนต้องตกนรก แต่ก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และพระพุทธเจ้าทรงสอน จนพบจิตเดิมของตน จนบรรลุอรหันต์



พระเทวทัต เนื่องด้วยกิเลสที่บดบังจิตเดิม แม้เกิดในสมัยพระพุทธเจ้า ได้บวชเรียนแต่ไม่สามารถพบจิตเดิมของตนได้ ปล่อยให้กิเลสคอบงำจนต้องตกนรก แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงพระยากรว่า ในอนาคตกาลจะได้กลับมาเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า



หากว่าจิตเดิมนั้นไม่บริสุทธิ์จริงแล้ว ตัวอย่างที่ยกมาคงไม่เกิดขึ้น และยังมีตัวอย่าวอีกมากที่ไม่ได้นำมาให้อ่าน



ปถุชนก็คือพุทธะ พุทธะก็คือปถุชน หากตัดการตรัสรู้ออกไป ก็ไม่แตกต่างกัน

จิตปถุชน ชอบ ออกจากจิตเดิม

จิตพุทธ ไม่มาไม่ไป ไม่เพิ่ม ไม่ลด (ไม่รู้จะอธิบายด้วยคำพูดได้หมดอย่างไร แต่ขอสั่นแค่นี้นะ)



หากมีข้อแนะนำใดได้โปรดอธิบายให้ผมเป็นวิทยาทาน

 
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 12:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เขาว่าจิตเดิมไม่มีสิ่งใด ถ้ามีพระอาทิตย์อยู่มันก็ยังมีการปรุงอยู่อีกถูกไหม หรือว่าอย่างไรช่วยขยายความให้เข้าใจในทางทฤษฎีด้วย ว่าจิตเดิมนั้น บริสุทธิ์ อย่างไรควรจะใช้การอธิบายอย่างไรดี
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 12:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าเอาให้ละเอียดอย่างที่คุณวรากรว่า สิ่งที่ทำให้จิตไม่บริสุทธิ์คือสันดานที่ไม่ดี ถ้าเอาสิ่งนี้ออกได้หมด ก็ไม่มีวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่จิตเพื่อทำให้จิตไม่บริสุทธิ์อีก ส่วนทางด้านสันดานที่ดี เช่นความ ปิติ กับความสุข นี่เห็นชัดสุด จะหลุดออกไปเองเมื่อเราเข้าสู่สภาวะนิพพาน ความว่างเปล่าไม่มีอะไรทั้งสิ้น แม้แต่คำว่า 0 ก็ไม่มี มันนิ่งของมันอยู่อย่างนั้น เป็นธรรมชาติ แต่ในสภาวะที่นิ่งอยู่อย่างนั้นสามารถใช้สมองคิดหาเหตุผลตามข้อธรรมได้ โดยปราศจากทั้งความรู้สึกดี ทั้งความรู้สึกชั่ว มีแต่เหตุผลเป็นข้อธรรมดังเช่นตอนที่ผมกำลังตอบอยู่นี้ จะว่าไปในแง่ของผู้ปฏิบัติจริง ๆ ไม่ได้เริมจาก 1234 หรอกนะครับ แต่เริ่มจาก อินฟีนีตี้ สมมุติผมให้เริ่มที่ 1000 ลงมา 999 998 997 จนถึง 0 แล้ว 0 ก็หายไปต่างหาก ทั้งนี้ เพราะทุกำคน รวมทั้งผมด้วย เกิดมาจากความไม่บริสุทธิ์ทั้งสิ้น ถ้าเราตั้งสมมุติฐานว่า 0 คือความบริสุทธิ์อย่างที่คุณวรากรว่า เราต้องนับตัวเลขถอยหลัง จากค่าที่มากที่สุดลงมาถึง 0 เพราะจุดเริ่มของเราทุกคนคือความไม่บริสุทธิ์ แต่ทุกวันนี้จิตเรามีความไม่บริสุทธิ์เป็นอินฟีนิตี้อยู่แล้ว ถ้าให้นับบวกขึ้นจะยิ่งไม่บริสุทธิ์ขึ้นไปอีก



หลักการง่าย ๆ และชัดเจน ของพุทธศาสนาไม่มีอะไรมากไปกว่าการ นั่งสำรวจพฤติกรรมที่ตนทำไว้ ตั้งคำถาม ถามตนเองว่าวันนี้ฉันทำชั่วอะไรมาบ้าง แล้วตั้งปนิธานไว้ว่าฉันจะไม่ทำชั่วเช่นนั้นอีก แล้วถ้าทุกคนมีความชั่วเท่ากับ 1000 ช่วยทำให้มันเหลือ 999 998 .... 1 0 หน่อยได้มั้ย วิธีการขุดสิ่งชั่วออก คือใช้พลังอำนาจสมาธิขุดมันออกไป ไล่มันไปไกล ๆ และสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือให้ใช้จิตที่บริสุทธิ์นั้นไปแผ่เมตตาอุทิศกุศลให้สรรพจิตสรรพวิญญาณ แผ่เมตตาด้วยความบริสุทธิ์ อุทิศให้เราก็ให้ด้วยความบริสุทธิ์อยู่เช่นนี้เป็นนิจ อะไรจะเกิดขึ้นกับเราบ้าง ถ้าหากจิตมันเริ่มฟุ้งซ่าน หงุดหงิดไม่บริสุทธิ์ขึ้นอีกแล้ว เราก็มาสำรวจตนเองใหม่ แล้วถ้านับลงจนไม่มีคำว่า 0 เมื่อไหร่ สภาวะนิพพานจะมาถึงตัวคุณเองเมื่อนั้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 12:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จิตเดิมบริสุทธิ์ จะพิสูจน์ทางเหตุผลทฤษฎีได้อย่างไร ว่ามันว่างเปล่า หรือเป็นวงกลม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผู้บรรลุในกาลก่อนเขาว่าจิตเดิม บริสุทธิ์ ว่างเปล่า แสดงว่าเราเริ่มต้นมาจากจิตที่บริสุทธิ์อยู่ก่อนใช่ไหมคับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
วรากร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เขาว่าจิตเดิมไม่มีสิ่งใด ถ้ามีพระอาทิตย์อยู่มันก็ยังมีการปรุงอยู่อีกถูกไหม หรือว่าอย่างไรช่วยขยายความให้เข้าใจในทางทฤษฎีด้วย

ตอบ

เขาว่าจิตเดิมไม่มีสิ่งใด ถูกต้อง เพราะจิตเดิมไม่มีสิ่งใดให้มี หรือไม่มี

ถ้ามีพระอาทิตย์อยู่มันก็ยังมีการปรุงอยู่อีกถูกไหม ต้องดูว่าพระอาทิตย์ที่นำเข้าไปในจิตเดินนั้นมีการปรุงแต่งไหม เพราะ จิตสามารถบรรลุทุกสิ่งลงไปได้ แต่ไม่แปดเปือนในสิ่งทีบรรจุ

หากเราเอาจิตเดิมมาปรุงแต่งว่า พระอาทิตย์ไม่มีวันแตกดับ ก็เป็นการเห็นผิดไปจากจิตเดิม



จิตเดิมแม้แต่ พระอาทิตย์ หรืออะไรก็ตาม ก็ไม่อาจทำให้เพิ่มลด ไป มาได้

เมื่อไม่มีเพิ่ม ลด ไป มา แล้ว จะมีอะไรได้อีก



การเปรียบเทียบเป็นสิ่งเดียวที่สามารถกระทำได้ แต่หาใช้ว่าเป็นสิ่งนั้น

 
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมต้องการคำพิสูจน์ทางเหตุผลคับ ไม่ใช่การนำคำบอกเล่าของผู้บรรลุแล้วมาอ้างอิง แต่ต้องการรู้ว่าทางเหตุผลทฤษฎีนั้นจะอธิบายอย่างไรให้เขารูว่า จิตเดิมนั้น บริสุทธิ์ ว่างเปล่า ไร้การเติมแต่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
วรากร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จิตเดิมบริสุทธิ์ จะพิสูจน์ทางเหตุผลทฤษฎีได้อย่างไร ว่ามันว่างเปล่า หรือเป็นวงกลม

ตอบ

มันไม่เป็นวงกลม มันไม่มีอะไรให้เป็น

ขอยกตัวอย่างอีกครั้ง หากจิตเหมือนอากาศ จิตมีรูปร่างไหม ตอบ ไม่รู้ร่าง

อากาศสามารถบรรลุโลกลงได้ ไหม ตอบ ได้ แต่มันไม่แปดเปื้อนเกี่ยวกัยโลก

มันก็เป็นเพียงอากาศเหมือนเดิม



ผู้บรรลุในกาลก่อนเขาว่าจิตเดิม บริสุทธิ์ ว่างเปล่า แสดงว่าเราเริ่มต้นมาจากจิตที่บริสุทธิ์อยู่ก่อนใช่ไหมคับ

ตอบ

ใช่แล้ว แต่เพราะเราไม่รู้ว่าจิตเดิมบริสุทธิ์ เนื่องจากกิเลสมาบดบัง เราจึงต้องหาทางขจัดกิเลสออกก่อน จึงจะพบจิตเดิมได้



เมื่อไรเมฆที่บดบังแสงจางหายไป เราก็จะเห็นพระอาทิตย์

 
เบ๊ท่านพุทธทาส
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมพิมพ์คำว่า รู้ ผิดไปคับ โทษที
 
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรม นั้นแบ่งเป็น 2 คือ ทฤษฎี และ ปฏิบัติ บางคนฟังคำเทศก็บรรลุ บางคนปฏิบัติก็บรรลุ

แต่หากมีคนต้องการทราบว่าจิตเดิมบริสุทธิ์นั้น จะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจในทางทฤษฎี เป็นเหตุผล ทางอักษร หรือ คำพูด จะบรรยายยังไง เขาถึงจะเข้าใจ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเห็นที่ 10 ของคุณวรากรตอบได้ดีแล้ว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



ธรรมะของหลวงปู่เทสก์ ท่านสอนเรื่องจิตกับใจค่ะ


http://www.thewayofdhamma.org/page3_2/patum67.html
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เอาเป็นว่าจะทิ้งเหตุผลบางประการให้พวกท่านพิจารณา

จิตนั้นมีอยู่? จิตเดิมนั้นบริสุทธิ์ ว่างเปล่า ไร้การปรุงแต่ง อย่างไร ลองนำไปถกเถียงกัน

ในทางทฤษฎี พวกเราคือ กลุ่มจิตนิยม ใช่ไหมคับ

ร่างกายจึงเหมือนวัตถุเป็นที่รวมของธาตุทั้งหลายประกอบกันขึ้น เหมือนรถยนต์ เหมือนหุ่นยนต์ มีจิตทำหน้าที่บังคับขับเคลื่อนให้เป็นดั่งจิตหมายต้องการ

ถ้าอย่างนั้นคนที่เป็นบ้า ประสาทเสีย สติไม่สมประกอบ อาจเป็นเพราะ

1. ร่างกายสมบูรณ์ แต่จิตที่บังคับนั้นไม่สมประกอบ และ

2. จิตสมประกอบ แต่ร่างกายที่อยู่นั้นมีเหตุขัดข้อง เช่น สมองเสื่อม

ตัวอย่างคำอธิบายดังกล่าวจึงพอจะบอกได้ว่า เรา ประกอบด้วย จิต และ ร่างกาย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดูก่อน ความเห็นที่ 12 ผู้เจริญ



ถ้าเราเปรียบเทียบหลักธรรมทางพุทธศาสนากับการกิน ภาคทฤษฎี คือหยิบช้อนตักข้าวเข้าปาก ภาคปฏิบติก็คือเอาสิ่งที่เป็นทฤษฎีมาทำให้เห็นผล ถ้าเราหิวข้าว เรามานั่งบ่นว่าหิว โดยไม่ลงมือกิน บ่นเช้า บ่นเที่ยง บ่นเย็นเมื่อไหร่เราจะอิ่ม แต่ถ้าไปกินข้าวเราก็อิ่มใช่มั้ย



การฟังธรรมเพียงอย่างเดียว ก็เหมือนกับถ้าเราหิวข้าว การฟังธรรมมะเหมือนตอนที่เราหิวแล้วไปนั่งดูคนกินข้าว แต่การที่เราไปนั่งดูคนกินข้าวไม่ทำให้อิ่มฉันใด กาสรไปฟังธรรมไม่อาจทำให้คนบรรลุธรรมเช่นนั้น ดังนั้นการจะบรรลุธรรมเราต้องปฏิบัติเท่านั้น



ส่วนคำถามที่ว่าเราจะอธิบายให้คนรู้สภาพที่บริสุทธิ์ของจิตเป็นตัวอักษรไม่ได้ เพราะการรับรู้สภาวะความบริสุทธิ์ของจิตนั้นเป็นปัจจัยของแต่ละคน ใครใคร่อยากรู้ต้องปฏิบัติเองตามแนวทางที่ถูกต้องจึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ ผมเองได้อธิบายถึงสภาวะแห่งจิตที่บริสุทธิ์ไว้หลายความเห็น แต่ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่ผมอธิบายได้อย่างลึกซึ้งได้เลย จนกว่าคนนั้นจะปฏิบัติ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
เบ๊ท่านพุทธทาส
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ธ.ค. 2005
ตอบ: 65

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ส่วนที่ว่า จิตเดิมนั้น บริสุทธิ์ ว่างเปล่า ไร้ซึ่งปรุงแต่ง ขอให้ลองใช้เหตุผลนี้พิสูจน์

กล่าวคือ ทุกสิ่งจะเกิดมีขึ้นมาได้ต้องเริ่มมาคำว่า ไม่มี เป็นพื้นฐาน เป็นสิ่งแรกก่อน

ไม่มี แล้วจึง มี จากนั้นก็ ทำไมจึง มี นี่เป็นหลักเหตุผลของการมีอยู่ของทุกสิ่ง

ร่างกายเรา เมื่อก่อนนั้น ไม่มี ก่อนจากนั้นจึง มี ทำไมถึง มี เพราะว่าการปฏิสนธิ

จิตก็เช่นกัน เมื่อก่อนก็เริ่มต้นจาก ว่างเปล่า ไม่มี ไม่มีการปรุงแต่งสิ่งใด ไม่มีกิเลส บริสุทธิ์อยู่ก่อนแล้วถึงจะ มี การปรุงแต่งของกิเลสเกิดขึ้นมาได้

เหตุผลนี้พอจะพิสูจน์ได้ไหมว่า จิตเดิมนั้นบริสุทธิ์

แต่ในทางปฏิบัติแล้วจะไม่มีคำว่า จิต ให้ขบคิด

ทุกคนช่วยกันคิดหน่อยนะครับ ฝากด้วย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 2:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเห็นที่ 17 ย่อหน้าสุดท้าย ผู้เจริญ



พระพุทธองค์ท่านทรงสอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิดไว้อย่างชัดเจน เราทุกคนก็รู้กันทั้งนั้นว่าเราทุกคนเอาตัวไปเกิดไม่ได้ ถ้าทุกคนเอาตัวของทุกคนไปเกิดได้จะมีงานศพไปเพื่ออะไร พอเราตายไปคงจะไม่อยากให้คนพาเราไปขึ้นเมณใช่หรือไม่ นี่คือคำตอบเรื่องตัว



แล้ววกมาถึงเรื่องจิต ถ้าพระพุทธองค์ท่านทรงสอนต้องไม่ใช่เอาตัวไปเกิดอย่างแน่แท้ แต่เป็นเรื่องของจิตต่างหาก มนุษย์จะสัมผัสและเรียนรู้เรื่องจิต และเข้าใจเรื่องของจิตได้ก็ต่อเมื่อเราปฏิบัติสมาธิภาวนาเท่านั้น อันนี้ง่ายมาก สติปัฏฐาน 4 ทำไมถึงมีจิตตานุสติปัฏฐานล่ะ แล้วขั้นตอนการปฏิบัติในขั้นจิตตานุสติปัฏฐาน คือสำรวจสิ่งปนเปื้อนที่เกาะติดอยู่ที่จิต อันได้แก่ อนุสัย กิเลส และหมายรวมถึงกรรมด้วย เรื่องนี้แทบไม่ต้องมานั่งคิดให้มันยุ่งยากเลยครับ ปฏิบัติให้มาก ๆ เข้าไว้เดี๋ยวมันตอบได้เอง ตอบแบบแทบไม่ต้องคิดเลยก็ได้



แล้วถ้าคนไม่ปฏิบัติสมาธิภาวนาล่ะ ก็จะไม่รู้จักจิต แล้วจะคิดถึงจิตได้อย่างไร ท่านผู้อ่านเคยคิดถึงใครก็ได้ที่เราไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า มีบ้างมั้ย ตอบคำถามนี้มา ถ้าตอบได้นั่นคือคำตอบที่ว่าทำไมคนไม่คิดถึงจิต
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 7:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชายผู้หนึ่งในชนบท ไม่เคยไปไม่เคยเห็นเมืองหลวงมาก่อน

เคยแต่ได้ยินเรื่องของเมืองหลวงว่า มีความเจริญสวยงามเพียงใด



เขาคร่ำครวญขอให้คนในหมู่บ้าน พิสูจน์ให้เขาเชื่อว่าเมืองหลวงเป็นจริงตามที่เล่าลือกัน



แม้นมีผู้ได้เคยไปเมืองหลวงเขียนแผนที่บอกทางไว้ กลับถูกปฏิเสธไร้เยื่อใย



หากเปิดใจศึกษาแผนที่เส้นทางผู้เคยล่วงหน้าไปก่อน เก็บหอมรอมริบ

แล้วออกเดินทางไปด้วยด้วยตนเอง สักวันหนึ่งเขาคงรู้ว่าเมืองหลวงแท้จริงเป็นเช่นไร



..................................................................................................................



คำเตือน



โปรดระมัดระวังการเลือกใช้แผนที่ มิเช่นนั้นอาจจะได้ไปเมืองลับแลแทนเมืองหลวง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง