ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
Supanikar
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 พ.ย.2005, 11:43 am |
  |
ดิฉันอายุ 30 แล้วชอบอ่านหนังสือธรรมะมีเวลาก็ไปทำบุญที่วัด อ่านหนังสือธรรมะทำให้จิตใจสงบขึ้นมาก เพื่อนร่วมงานรวมทั้งหัวหน้างานเองมักหาว่าดิฉันทำตัวแก่ เคยชวนเพื่อนหันมาอ่านหนังสือธรรมะด้วยกันแต่เขากลับปฎิเสฐแล้วบอกว่าเป็นเรื่องไกลตัว ทุกคนคิดว่าดิฉันเป็นคนที่ไม่รักความก้าวหน้า เพราะดิฉันไม่จบปริญญา เงินเดือนน้อยก็ไม่เดือดร้อนเพราะกินอยู่อย่างง่ายๆ ไม่ฟุ่มเฟือยแต่ก็มีความสุข ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเพื่อนๆถึงไม่ค่อยชอบศึกษาธรรมะกัน พวกเขาคิดว่าถ้าพวกเขามีเงิน มีรถขับ แลัวก็มีเงินเดือนและตำแหน่งหน้าที่ดีๆนั่นคือความสุขของพวกเขา แต่สำหรับดิฉันแล้วมันไม่ใช่เลย ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะที่จะให้คนรอบข้างเขาหันมาทำความดีกัน ใครที่มีคำแนะนำช่วยบอกทีเถอะค่ะ |
|
|
|
|
 |
วรากร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 พ.ย.2005, 12:20 pm |
  |
การที่จะทำให้ใครสักคนมาสนใจธรรมะนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะมันเป็นปัจจัตตัง แปลว่าเป็นเรื่องเฉพาะคน
หากเราต้องการจริง ก็ต้องอาศัยเวลาและความอดทน การสอนธรรมะนั้นเป็นเรื่องที่ยาก ไม่ใช่ว่าอ่านหนังสือมากคือมีธรรมะมาก มันเป็นคนละเรื่อง คนที่จะสอนธรรมะได้ต้องรู้และเขาใจในคนที่เราจะสอนด้วย ว่าเขาควรศึกษาธรรมะแบบใดถึงจะเหมาะกับเขา
ผู้สอน สอนเป็นรู้ในสิ่งที่สอน ผู้ถูกสอนก็รู้ว่าสอนอะไร
ก่อนอื่นเราต้องโปรดตัวเราเองก่อน แล้วค่อยไปโปรดคนอื่น เมื่อเราเข้าใจธรรมะแท้จริงแล้ว เมื่อเขาสงสัยในธรรมใด เราก็สามารถที่จะอธิบายให้เขาเข้าใจได้โดยง่าย หากเรายังไม่รู้เลยแล้วเขาจะมาเชื่อตามเราได้อย่างไร แถมยังเป็นเหตุให้เขาดูถูกพระธรรมคำสอนโดยไม่เจตนาก็มี
ธรรมเป็นเรื่องใกล้ตัว หายใจเข้า หายใจออก ก็ธรรมะแล้ว ก็ธรรมชาติงัย
ตราบใดเรายังตัองอาศัยโลกแห่งสมมุติ ก็ต้องเข้าใจมัน แต่เมื่อใดโลกแห่งความจริงปรากฏ (นิพพาน) ก็จะไม่มีอะไรให้แตกต่างไป
|
|
|
|
|
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
29 พ.ย.2005, 12:53 pm |
  |
กราบสวัสดีSupanikar
ในทางศาสนาถือว่าเมตตาเป็นหลักธรรมที่สำคัญ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสังคมมนุษย์ไหนๆก็ตาม จะทำอะไรก็ต้องประกอบด้วยเมตตา ไม่ว่าเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม อีกทั้งความประพฤติให้อยู่ในกรอบของศีล ประการสุดท้ายความเห็นต้องเสมอกัน
เรื่องเมตตานี่ ต้องทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตัวเราสำคัญที่สุดไม่ต้องไปมองคนอื่น หากเราประพฤติไม่ดีแล้ว ตนเองก็เป็นทุกข์เองไม่ใช่ใคร ความเห็นเสมอกันก็เช่นเดียวกันหมายถึงมีสัมมาทิฏฐิความเห็นชอบเหมือนกัน ก็จะเป็นการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ในสังคมที่เราอยู่นั้นๆ
พิสูจน์ตนเอง ว่าการศึกษาธรรมะพร้อมลงมือปฏิบัติให้เข้าใจในแก่นแท้ของศาสนานั้นเป็นทรัพย์แสนประเสริฐเหนือกว่าทรัพย์สินเงินทอง ความสุขแบบโลกๆแทบจะเปรียบเทียบกันไม่ได้ เป็นทรัพย์ที่หาค่าประมาณมิได้ ปฏิบัติให้ทราบถึงผลที่แท้จริงจะช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้เช่นกัน
เจริญในธรรม
มณี ปัทมะ ตารา  |
|
|
|
   |
 |
PR
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 พ.ย.2005, 12:56 pm |
  |
ชวนเพื่อนไปฟังบรรยายนี้สิคะ รับรองติดใจธรรมะแน่นอนค่ะ
ขอเชิญร่วมกิจกรรม ฟังการบรรยายพิเศษ
หัวข้อ “การบริหารชีวิต”
โดย ดร. สนอง วรอุไร
ขอเชิญร่วมกิจกรรม ฟังการบรรยายพิเศษ
หัวข้อ “การบริหารชีวิต”
โดย ดร. สนอง วรอุไร
วันที่ 7 ธันวาคม 2548 เวลา 13.00 - 16.00 น.
ณ หอประชุมธรรมศาสตร์ (หอเล็ก) ท่าพระจันทร์
**ไม่เสียค่าใช้จ่าย**
กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้าผ่าน website : www.amarinpocketbook.com
หรือ โทร . 02- 422-9999 ต่อ 4141 ถึง 7
"ทำชีวิตให้ได้ดี และมีสุข"
โดย ดร. สนอง วรอุไร
เราสามารถกำหนดสเป็คให้กับชีวิตได้
ไม่ว่าจะเป็นคู่ครอง ลูก เพื่อน งาน หรือการเลือกเกิด
ขอเพียงแค่สร้างเหตุให้ตรงกับสิ่งที่เราปรารถนา
|
|
|
|
|
 |
แป้ง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 พ.ย.2005, 7:03 pm |
  |
การที่คนคนหนึ่งจะมาทำอะไรเกี่ยวกับธรรมะขึ้นอยู่กับพื้นฐานของจิตใจของแต่ละบุคคลหรือคนคนนั้นมากกว่า เพราะการจะบังคับให้เค้าปฏิบัติธรรมต้องพร้อมทางกายและใจและน่าจะพูดได้ว่าวาสนาธรรมของแต่ละคนมากกว่า /ถ้าหากใครไม่มีวาสนาธรรมคงไม่เข้าถึงพุทธศาสนาได้แน่นอนพวกเราเป็นคนที่จะดีได้นั้นก็จริงแต่จะมีสักกี่คนที่จะรักษาความดีให้คงทนถาวรตลอดจนไปวาระสุดท้ายหรือว่าไม่จริง/ไม่มีใครหนีการกระทำหรือหนีกรรมของตัวเองหลุดพ้นได้ต่างหาก/เพียงแต่ถ้าหากเราไปบังคับเค้ามันก็ไม่ต่างจากการที่เราไปยะยั้นขะยอให้เค้าไม่ทำเพราะด้วยใจน๊ะ |
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
30 พ.ย.2005, 8:43 pm |
  |
ดูก่อนมนุษย์ผู้เจริญ
คนที่เราสามารถชักชวนให้เขาสนใจธรรมมะให้ส่องกระจกแล้วก็ชวนคนที่มีภาพอยู่ในกระจกนั่นแหล่ะบอกให้เขาสนใจธรรมมะมาก ๆ เมื่อชวนคนนั้นได้แล้ว ก็ทำคนที่เราเห็นในกระจกนั้น เข้าใจว่าธรรมมะคืออะไร
คนที่คิดว่าการสนใจธรรมมะแล้วได้เพียงความสงบของจิตใจเพียงอย่างเดียว เหมือนคนที่ไปกินข้าวมันไก่แล้วตักกินแต่น้ำจิ้ม เพราะนัยของธรรมมะให้เราได้มากกว่าความสงบหลายร้อยหลายพันเท่านัก
อย่างแรกถ้าทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมได้ ถ้าเราต้องตายตามกรรมนั้นเราก็ไม่ต้องตายตามกรรมนั้นอีกเพราะเจ้ากรรมนายเวรที่จะทำให้เราต้องตายตามกรรมนั้นอโหสิกรรมให้เราแล้ว ไม่บาดเจ็บสาหัส ชีวิตครอบครัวเป็นสุข นี่เป็นเรื่องจริงจากผู้ที่ปฏิบัติสมาธิภาวนากับผม เพียงไม่กี่เดือนทุกอย่างที่เลวร้ายในครอบครัวของบางคนกลับแปรเปลี่ยนในวิถีทางที่ดีขึ้นจนเจ้าตัวสามารถเปรียบเทียบระหว่างปัจจุบันกับเมื่อครึ่งปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเรารู้ซึ้งอย่างถ่องแท้แล้วว่าธรรมมะให้อะไรเรา เราไม่ต้องไปชวนคนอื่นให้มาปฏิบัติธรรมกับเราเลย คนอื่นจะมาหาเราและเรียกร้องะรรมมะจากเราเอง ถ้าคนรอบข้างที่อยู่ใกล้ชิดเราเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา |
|
|
|
    |
 |
|