Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
โกสิยะ (ธรรมะเอกเขนก)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
webmaster
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769
ตอบเมื่อ: 19 พ.ย.2005, 9:06 pm
โกสิยะ
(ธรรมะเอกเขนก .. ขวัญ เพียงหทัย)
อ้อยอิ่งกับจั๊กจั่น หอบผลไม้มาเตรียมจัดอาหารถวายพระ
พอกลับถึงบ้านพบรถเข็นขายขนมเบื้องจอดอยู่ริมทาง
จึงแวะซื้อมาถุงหนึ่งก่อนเข้าบ้าน
ขณะนั่งพักผ่อนที่ระเบียง
อ้อย-อิ่งนั่งจัดผลไม้ฝานใส่จาน
จั๊กจั่นเอกเขนกกินขนมเบื้องอย่างเอร็ดอร่อย
อ้อยอิ่งบอกว่า เหมือนโกสิยะเลย
จั๊กจั่นจึงให้อ้อย-อิ่งเล่าเรื่องโกสิยะให้ฟัง
โกสิยะเป็นเศรษฐีอยู่ใกล้ๆ กรุงราชคฤห์ แกมีเงิน ๘๐๐
ล้าน สมัยนั้นเขาเรียก ๘๐ โกฏิ แต่ยอดจะตึ๋งหนืดเลย
น้ำหยดเดียวก็ไม่เคยให้ใคร เงินทองกองเต็มบ้าน
ไม่มีใครได้ใช้ได้สอยกันล่ะ ไม่ว่าลูกว่าเมียอดใช้หมด
อย่างนี้เรียกว่ามีเงินเหมือนไม่มี จั๊กจั่นว่า
วันหนึ่ง โกสิยะไปเฝ้าพระราชา พอเดินกลับบ้านเห็นคนจนๆ
แถวถนนเขากินขนมเบื้องก็เลยอยากกินมั่ง
ทำไมต้องคนจนกิน จั๊กจั่นสะเทือน อ้อยอิ่งหัวเราะ
เขาแปลว่ามันเป็นขนมถูกๆ ที่ใครๆ ก็มีปัญญากินได้
เป็นเรื่องปกติที่จะกินขนมเบื้อง
แต่อีตาเศรษฐีคนนี่สิมีปัญหา
เพราะอยากกินแต่ไม่กล้าบอกเมียทำให้กิน
กลัวคนอื่นรู้ว่าทำขนมจะมาขอกินด้วย มันเปลือง
สู้อดเอาเองดีกว่าก็เงียบไว้
แต่ความอยากกินมันไม่หมดไปด้วย นอนคิดถึงขนมเบื้อง
ขนมเบื้องเอ๊ยขนมเบื้อง อยากกินจัง จั๊กจั่นร้องตะโกน
เศรษฐีผอมไปเลย ซูบซีดเป็นลม นอนซมฝันถึงขนมเบื้อง
เมียมาถามว่าเป็นอะไร เขาก็ไม่บอก เมียถามว่า
พระราชากริ้วเอาหรือ เขาก็ว่าไม่
ลูกหลานทำให้ไม่พอใจเหรอ เขาก็ส่ายหน้า อยากอะไรเหรอ...
โอ้โฮ โดนใจเป๊ะ จั๊กจั่นหัวเราะ
เออ โดนใจ แต่แกกลัวโดนกระเป๋า เลยเฉยซะ
เมียก็อ้อนว้อนอ้อนวอน เลยบอกไปว่า อยากกินขนมเบื้อง
ก็เท่านั้นแหละ จั๊กจั่นรำคาญ กินขนมเบื้องทีเดียว ๒
ชิ้น
เมียก็หงายหลังเลย เพราะขำกลิ้ง เป็นเศรษฐีมีเงิน ๘๐๐
ล้าน ไม่สบายเพราะอยากกินขนมเบื้องที่ใครๆ ก็กินได้
เมียถามว่า เท่านั้นเองหรือ แกตอบว่าก็เท่านั้น
เมียว่าเอาละ จะทำให้กินกันทั้งหมู่บ้านเลย
ว่าแล้วมั้ยล่ะ เดาถูกเป๊ะ ว่าเมียต้องว่ายังงี้
จั๊กจั่นพูดแทนโกสิยะ อ้อยอิ่งพยักหน้า
ใช่ โกสิยะเลยค่อนว่า ไร้สาระ
ใครทำงานหาเงินเองก็ทำกินเองสิ ทำไมต้องไปเลี้ยงด้วย
เมียบอกว่า งั้นทำกินในซอยแล้วกัน แกค่อนว่ารู้แล้วน่ะ
ว่าหล่อนน่ะรวย เมียก็บอก เอ้า งั้นทำกินกันในบ้าน แกว่า
เออ รู้แล้วน่ะว่าหล่อนน่ะใจคอกว้างขวาง
เมียว่างั้นทำกินกันพ่อแม่ลูก เอ๊ย ลูกไม่ต้องกินหรอก
เอ้า งั้นทำกินกันสองคนตายายแล้วกันนะ
ตึ๋งหนืดมองหน้าแล้วถามเมียว่า
เธอกินขนมเบื้องเป็นด้วยหรือ เมียก็ขำกลิ้งไปอีก
แล้วสรุปให้ว่า เอาละ ทำให้คุณกินคนเดียวละกัน
แหม ทีนี้ถูกใจโจ๋ละซี จั๊กจั่นเหน็บขนมเบื้องเข้าปาก
เศรษฐีตึ๋งหนืดถามวิธีการว่าจะทำยังไง เมียว่าทำในครัว
เขาว่าไม่ด้ายยยย......ทำในครัวเดี๋ยวใครเห็นก็มาขอกินซี
แหงละ จั๊กจั่นกัดขนมเบื้องคำใหญ่จนแก้มพอง
โกสิยะบอกให้เอาข้าวสารหักๆ เอาเนยใส น้ำผึ้ง
น้ำอ้อยอย่างละนิดหน่อย แล้วขนเตาขึ้นไปทำชั้น ๗ โน่น
ฉันจะนั่งกินคนเดียว ก็เลยทำอย่างนั้น
เวลาเมียขนของขึ้นไป ตึ๋งหนืดไล่ปิดประตูใส่กลอนไปทุกๆ
ชั้น จนถึงชั้น ๗ เลย แล้วเมียเริ่มลงมือทอดขนมเบื้อง
เฮ้อ ได้กินซักที จั๊กจั่นกัดขนมเบื้องคำโตอีกคำ
ตอนเช้าตรู่ พระพุทธเจ้าแผ่ข่ายพระญาณออกไป
ตรวจดูเวไนยสัตว์
หมายถึงคนที่พอจะเรียนรู้อบรมสั่งสอนได้
พระพุทธเจ้าเห็นผัวเมียคู่นี้ว่าจะได้เป็นโสดาบัน
ตรัสเรียกพระ มหาโมคคัลลานะมาแล้วทรงให้ไปชักจูงโกสิยะมา
พระองค์กับภิกษุทั้งหลายจะคอยเสวยขนมเบื้องอยู่ที่วัดเชตวัน
พระมหาโมคคัลลานะ
เหาะไปยืนลอยอยู่ที่นอกหน้าต่างของเศรษฐี
โกสิยะหันมาเห็นเข้า ต๊กกะใจ
บ่นออกมาว่าอุตส่าห์ขึ้นมาทอดขนมชั้น ๗ เนี่ย
ก็เพราะจะหนีคนยังเงี้ยะแหละ โอ๊ย
เสร็จแล้วก็พูดออกไปว่า สมณะ ท่านจะอยู่ทำไมนอกหน้าต่าง
ต่อให้เดินจงกรมด้วย ก็จะไม่ได้อะไร
พระเถระเดินจงกรมไปมาในอากาศ โกสิยะตะโกนอีก
ต่อให้นั่งสมาธิบนอากาศก็จะไม่ได้อะไร พระเถระนั่งสมาธิ
โกสิยะตะโกนอีก ต่อให้บังหวนควันก็จะไม่ได้อะไร
พระเถระบังหวนควัน
แปลว่าอะไร จั๊กจั่นถาม อ้อยอิ่งหัวเราะ
ตามพจนานุกรมแปลว่า ทำให้ควันหวนตลบขึ้น
แต่เศรษฐีไม่กล้าพูดว่าต่อให้ไฟไหม้ก็ไม่ได้อะไร
เพราะกลัวไฟไหม้ ปราสาทของตัวไปเลย
เสียหายหลายแสน จั๊กจั่นคำนวณ
เศรษฐีคิดว่าสมณะนี้ไม่ได้อะไรคงไม่ไปแหง
เราควรจะให้อะไรซักหน่อยหนึ่ง
เลยบอกเมียว่าให้ขนมชิ้นเล็กๆ ไปสักชิ้นซิ
เมียก็หยอดแป้งขนมลงในกระทะนิดเดียว
แต่ขนมกลับเป็นชิ้นใหญ่ พองโตเต็มถาดเลย
จั๊กจั่นหัวเราะชอบใจ
โกสิยะสงสัยว่าเมียจะใส่แป้งมากไป เลยไปตักเอง
ตักปลายทัพพีนิดเดียว แต่ขนมชิ้นโตกว่าของเมียทำอีก
เลยเบื่อแล้ว ไม่เอาแล้ว ช่างมันเถอะ
บอกเมียว่าหยิบขนมให้ไปสักชิ้นก็แล้วกัน เมียก็หยิบขนม
ปรากฏว่าขนมในกระเช้าทุกแผ่นติดกันหมดเลย
สองคนช่วยกันชักเย่อจะแยกขนมจนเหงื่อท่วมตัวเลยก็ไม่ออก
ชักน่าสงสารแล้ว จั๊กจั่นว่า
เลยบอกไม่อยากแล้ว ไม่หิวแล้ว ให้สมณะไป
เมียก็ฉวยทั้งกระเช้าไปถวาย
พระมหาโมคคัลลานะแสดงธรรมให้ฟัง
พรรณนาถึงคุณพระรัตนตรัยและอานิสงส์ของการทำทาน
ทำให้สองคนแจ่มแจ้ง
เหมือนได้เห็นดวงจันทร์ในท้องฟ้า จั๊กจั่นต่อให้
สองคนเลื่อมใส นิมนต์ให้ฉันอาหาร
พระมหาโมคคัล-ลานะบอกให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าคอยอยู่ที่วัดเชตวันแน่ะ
เศรษฐีว่า โอ้โฮ ทางตั้งไกล จะไปทันหรือ
พระท่านบอกว่าให้เป็นหน้าที่ของอาตมาเอง
แล้วพาสองคนผัวเมียไปด้วยฤทธิ์
เหมือนว่าสองคนลงจากปราสาทแล้วก็ถึงวัดเลย
ดีจัง อยากเป็นยังงั้นมั่ง จั๊กจั่นตาลอย
ยาก ต้องปฏิบัติธรรมไปถึงขั้นสูงมากๆๆๆ ถึงจะทำได้
อย่างจั๊กจั่นนอนกินขนมเบื้องไปก่อน
จั๊กจั่นลงนอนกินขนมเบื้อง
ขนมเบื้องกระเช้าเดียวเลี้ยงพระ ๕๐๐ รูป แล้วยังไม่หมด
เลี้ยงคนที่มาวัดจนอิ่มกันทั่วหน้าแล้ว ก็ยังไม่หมด
พระพุทธเจ้ารับสั่งให้ไปทิ้งขนมที่เหลือใกล้ซุ้มประตูวัดเชตวัน
ตรงนั้นต่อมาเลยเรียกว่า เงื้อมขนมเบื้อง
พระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้สองคนผัวเมียฟังจนได้บรรลุเป็นโสดาบัน
หลังจากนั้นเศรษฐีเริ่มทำบุญบริจาคทาน บำเพ็ญสาธารณกุศล
ทำให้เงินทองที่มีอยู่เป็นประโยชน์ขึ้นมา
ไม่นอนแช่อยู่ในตุ่มเฉยๆ
เออ แล้วเขาฝากมาให้จั๊กจั่นมั่งหรือเปล่าล่ะ อ้อยอิ่ง
จั๊กจั่นรีบสงสัย
_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
นิดหน่อย
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2005, 1:01 pm
สนุกดีค่ะ
modtanoi
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 05 ม.ค. 2006, 10:09 am
อยากกินขนมเบื้องจัง ที่กรอบอร่อยๆ และไม่มีสารบอแรก มีขายไหมคะ
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 10:11 pm
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th