Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อโหสิกรรม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ภัทรภร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 พ.ย.2005, 10:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลวงพ่อ....บอกว่ากรรมเกิดจากการกระทำ(กรรมชั่ว)ซึ่งเกิดจากการก่อเวรกันมาในชาติก่อนๆต้องอโหสิกรรมกันจึงจะหมดเวรกันแต่ อ....ที่บรรยายธรรมบอกว่าเจ้ากรรมนายเวรไม่มีจึงไม่ต้องอโหสิกรรมกัน/สับสนค่ะ
 
b_smooka
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ย.2005, 3:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
max
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ย.2005, 9:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับ

คัดลอกมาจากกระทู้ด้านล่างครับ



เนื้อหาต่อไปนี้ เป็นบทสนทนาระหว่างอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับผู้ที่สนใจ..... เรื่อง "เจ้ากรรมนายเวร" ซึ่งก็ยังมีผู้สงสัยและสนใจในเรื่องนี้อยู่มาก ถ้าหากสามารถจะทำให้ทุกท่านที่สนใจได้มีความเห็นที่ถูกต้องในเรื่องนี้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะการสะสมความเห็นที่ถูกนั้น ย่อมสามารถเป็นปัจจัยให้เราสามารถเจริญกุศลได้ยิ่งๆ ขึ้นไป




http://www.dhammajak.net/webboard/show.php?Category=dhammajak&No=283

 
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ย.2005, 10:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความหมายของนามธรรม ต้องเห็นได้ด้วยใจ ควรใช้หลักกาลมสูตร ไม่ต้องเชื่อใครทั้งนั้น แต่ลองปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ให้ครบถ้วนบริสุทธิ ได้เท่าใด ก็จะเข้าใจเรื่องนามธรรมทั้งหลาย(รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรด้วย) จะเข้าใจได้และรู้ได้ด้วยตัวเองว่ามีหรือไม่มีแบบไหนอย่างไร การอธิบายเป็นภาษาบางทีหาคำที่ความหมายเช่นนั้นไม่ได้ทำให้เข้าใจผิดไปได้ทั้งที่พูดเหมือนกันทั้งสองคนแต่พูดคนละด้าน คนฟังที่ไม่มีพื้นฐานจะฟังว่าไม่เหมือนกัน
 
เฟ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ย.2005, 12:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะว่า การอโหสิกรรม คือการอภัย ไม่จองเวร ไม่แค้น อาฆาต ฯลฯ ถึงจะมีเจ้ากรรมนายเวรรึไม่ หรือสงสัยว่าเจ้ากรรมนายเวรเป็นอย่างไร แต่เราก็ให้อภัย ไม่จองเวร ไม่โกรธแค้น ไม่อาฆาต ไม่ต้องไม่แช่งชักหักกระดูใคร ก็คืออโหสิกรรมแล้วล่ะ... เราคิดเอางี้เลยรวบยอด...อิอิ
 
ภัทรภร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 12 พ.ย.2005, 9:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รักษาศิล5 /พรหมวิหาร4 เดินสายกลางน่าจะพอใจน่ะ
 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ย.2005, 11:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีธรรมมะอยู่ข้อหนึ่งที่พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้จนติดปากเราแล้ว เรียกว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร คือต้องเข้าใจว่าธรรมมะของพระพุทธองค์ท่านใช้การได้เสมอไม่มีการเลือกปฏิบัติ



ดังนั้นการตบยุงจึงเป็นการขัดต่อหลักการเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรโดยสิ้น สังเกตง่าย ๆ ระหว่างคน 2 คนนั่งใกล้กัน คนหนึ่งยุงกัดเอา ๆ เขาก็นั่งตบยุงเอา ๆ ยิ่งกัดยิ่งตบ อีกคนหนึ่งที่นั่งติดกันยุงไม่ค่อยกัดหรือแทบจะไม่ถูกยุงกัดเลย



ข้อสังเกตอีกอย่าง คงเคยได้ยินกันว่า เมื่อยุงกัดเรามันจะกัดจนอิ่มท้องแตกตาย ตามข้อเท็จจริงมีดังนี้ครับ ผมลองมาแล้ว แต่ท่านทั้งหลายไม่ต้องมาลองแบบผมนัครับ ผมไปนอนที่วัดแห่งหนึ่ง ที่นอนไม่มีมุ้งลวดครับ ผมก็เลยทดลองโดยปล่อยให้ยุงกัดดู ลองบำเพ็ญตะบะโดยวิธีนี้บ้าง ผลมีตามนี้ครับ ยุงที่มากัดผมนับ 10 ตัวไม่มีตายสักตัว พอมันกิ่นอิ่มเสร็จก็ไปเกาะท้องโตอยู่ที่ฝาห้อง



อันนี้คือข้อธรรมที่บอกได้ชัดเจนว่า ธรรมมะของพระพุทธองค์ถูกต้อง ส่วนถ้ายุงกัดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา เช่นเป็นไข้เลือดออก มาราเรีย นั่นคือกรรมของเรา ถึงอย่างไรเราก็หนีกรรมไม่พ้นอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่มีกรรมเสียอย่างก็ไม่ต้องกลัว เพราะถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของสัตว์โลกที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันในลักษณะของความเป็นธรรมชาติที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งต้องกินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหารแล้วล่ะก็ เราก็สบายใจครับ เรากินหมู เนื้อ ผักเป็นอาหาร ถ้าเราไม่กินเราก็อยู่ไม่ได้ เช่นเดียวกับยุงที่ธรรมชาติสร้างให้มากินเลือดมนุษย์เป็นอาหารก็เป็นแบบเดียวกัน หรือพืชแมลงวันที่กินซากที่กำลังเน่าเปื่อย แต่ก่อนที่สิ่งนั้นจะกลายเป็นซากก็เป็นสิ่งมีชีวิตมาก่อนใช่หรือไม่ หรือแม้แต่มูลสัตว์ ถ้าไม่มีสัตว์ก็ไม่มีมูลสัตว์ใช่หรือไม่ ถ้าความจรีงเป็นเช่นนั้นก็ลองปฏิบัติตามนั้นดู
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
นิพพาน
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 30 ต.ค. 2006
ตอบ: 34

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2006, 12:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จะทำอะไรก็ตามเถิด ให้ยึดทางสายกลางไว้เป็นพอ จะทำงานใหญ่งานเล็ก จะนั่งสมาธิภาวนา จะเทศน์จะบรรยายธรรม ก็ควรเดินตามทางสายกลาง เพราะทางสายกลางนำไปสู่ความสุขใจ ที่มันทุกข์ใจวุ่นวายใจจะเป็นบ้ากันอยู่ทุกวันนี้ เพราะทำอะไรเกินตัว อย่างงานบางอย่างมันเกินความสามารถของตนก็ไม่ต้องทำเพราะมันเกินความสามารถของเรา รู้จักประมาณตน รู้จักฐานะของตนนั้นแหละคือทางสายกลาง เราพูดกันแต่ปากว่าทำอะไรให้ยึดสายกลางไว้ ดึงไปมันก็ขาด หย่อนไปมันก็ดีดไม่ดัง แต่ไม่ได้พากันปฏิบัติให้มันเป็นบุญเป็นคุณขึ้นมา ในครอบครัวก็เหมือนกันทำอะไรก็ให้ยึดสายกลางไว้ ถ้าตึงเกินไปคนในบ้านก็ปั่นป่วน หย่อนเกินไปก็เหลิงได้ใจ ธรรมข้อนี้ช่วยแก้ปัญหาได้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ย.2006, 9:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้อภัยกันทำให้ผู้ให้เป็นสุข จิตใจดีใจเย็น

การอโหสิกรรมเหมือนการให้อภัยกัน ถ้าเคยล่วงเกินกันไว้ก็ขออโหสิกรรมต่อกัน เป็นการปล่อยตัวเองจากโทษทุกข์ที่ล่วงเกินผู้นั้นๆ

เราไม่อาจรู้ว่าได้เคยล่วงใครไว้เมื่อชาติใดๆ จึงขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรผู้ที่เราได้ล่วงเกินไว้เพื่อไม่จองเวรตอบ คือไม่โกรธไม่น้อยใจไม่เสียใจในความอับโชค ความอาภัพ ความมีเคราะห์ร้ายทั้งปวง ทำใจรับสภาพในปัจจุบันด้วยความเต็มใจ เป็นการใช้คืนให้เจ้ากรรมนายเวรหรือกรรมชั่วที่เราทำมาโดยที่เราไม่อาจรู้ได้ จนกว่าจะปฏิบัติธรรมจนหยั่งรู้ในกรรมนั้นๆได้

หรือถ้าไม่เคยล่วงเกินใครไว้ในอดีต แต่ถูกกระทำถูกเบียดเบียนต่างๆนาๆ ก็อโหสิกรรมให้แก่ผู้ล่วงเกินนี้เสียให้อภัยเขาเป็นอภัยทาน ผลที่ได้เกิดกับใจเราเองไม่ร้อน ไม่อาฆาต นั่ง นอน ก็เป็นสุขในปัจจุบันทันตาเห็น

ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 12:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่บรรยายธรรมบอกว่าเจ้ากรรมนายเวรไม่มีจึงไม่ต้องอโหสิกรรมกัน/สับสนค่ะ


ถ้าบอกกันอย่างนั้น สับสนแน่ (บรรยายที่ไหน ท่านเจ้าของกระทู้ไม่ได้บอกไว้ จะได้ไม่ไปฟัง) อมิตพุทธ พุทโธ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง