Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
มาปวารณากันเถิด (พระไพศาล วิสาโล)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
พิธีกรรมทางศาสนา
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993
ตอบเมื่อ: 16 ต.ค.2005, 3:23 pm
มาปวารณากันเถิด
เขียนโดย พระไพศาล วิสาโล
วันสุดท้ายของเทศกาลเข้าพรรษา คนทั่วไปมักเรียกว่า วันออกพรรษา แต่น้อยคนจะรู้ว่าวันดังกล่าวมีอีกชื่อหนึ่งว่า วันมหาปวารณา ที่มีชื่อดังกล่าวก็เพราะเป็นวันที่พระภิกษุทุกรูปจะกล่าวปวารณาต่อกัน พิธีดังกล่าวถือเป็นสังฆกรรมอย่างหนึ่งที่ทำเฉพาะในวันสุดท้ายแห่งการจำพรรษา
ปวารณา นั้นแปลว่า ยอมให้ขอ ก็ได้
เช่น ญาติโยมปวารณากับพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งว่า ยินดีจัดหาปัจจัยสี่ไปถวายหากท่านขอมา เป็นต้น อีกความหมายหนึ่งของปวารณาคือ ยอมให้ว่ากล่าวตักเตือน ความหมายประการหลังนี้คือที่มาของวันมหาปวารณา ในวันดังกล่าวพระภิกษุทั้งหลายจะกล่าวเปิดโอกาสต่อกันและกันให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ โดยกล่าวเป็นภาษาบาลี แปลเป็นไทยได้ว่า ข้าพเจ้าขอปวารณากะสงฆ์ ด้วยได้เห็นก็ตาม ด้วยได้ยินก็ตาม ด้วยน่าระแวงสงสัยก็ตาม ขอท่านผู้มีอายุทั้งหลายจงว่ากล่าวกะข้าพเจ้า ด้วยอาศัยความหวังดีเอ็นดู เมื่อข้าพเจ้ามองเห็น จักแก้ไข แม้ครั้งที่สอง.....แม้ครั้งที่สาม.....
พิธีปวารณานี้มีมาแต่สมัยพุทธกาล เข้าใจว่าเกิดขึ้นเนื่องจากพระภิกษุสมัยนั้นมาอยู่ร่วมกัน ณ ที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานานๆ ก็เฉพาะช่วงเข้าพรรษา เมื่อออกพรรษามักจะจาริกแยกย้ายกันไป โดยไม่แน่ใจว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด ดังนั้น ก่อนที่จะแยกย้ายจากกันจึงมีการปวารณาแก่กันและกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวกันได้หากมีโอกาสมาพบกันใหม่ในวันข้างหน้า
พิธีกรรมดังกล่าวมีความสำคัญถึงกับทรงมีบัญญัติให้พระสงฆ์งดทำอุโบสถหรือพิธีสวดปาติโมกข์เพื่อมาทำปวารณาแก่กันและกันในวันนั้นแทน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพระพุทธองค์ทรงเห็นว่า คำว่ากล่าวตักเตือนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บุคคลมีความเจริญมั่นคงในทางธรรมได้ ในสมัยพุทธกาลมีบุคคลจำนวนไม่น้อยบรรลุธรรมได้ก็เพราะได้รับฟังคำว่ากล่าวตักเตือน ด้วยเหตุนี้จึงทรงถือว่าการว่ากล่าวตักเตือนนั้นเปรียบเสมือนการชี้ขุมทรัพย์เลยทีเดียว
พิธีปวารณามีขึ้นเพื่อย้ำเตือนให้บุคคลเห็นคุณค่าของคำว่ากล่าวตักเตือน โดยไม่เพียงเปิดใจยอมรับคำตักเตือนเท่านั้น หากยังเชิญชวนให้สหธรรมิกชี้แนะว่ากล่าวด้วย แม้เพียงแค่ระแวงสงสัยหรือแค่ได้ยินได้ฟังมาก็ตาม นี้คือท่าทีของผู้ใฝ่ศึกษาหมั่นพัฒนาตน ที่ชาวพุทธทั้งหลายควรมี ไม่จำเพาะพระภิกษุสงฆ์เท่านั้น
น่าเสียดายที่ปัจจุบันการปวารณาได้กลายเป็นเพียงพิธีกรรมอย่างหนึ่งในวันสุดท้ายของการจำพรรษา พระภิกษุจำนวนมากกล่าวคำปวารณาเป็นภาษาบาลีโดยไม่รู้ความหมาย ไม่มีการตอกย้ำให้เห็นคุณค่าของการว่ากล่าวตักเตือน ยิ่งญาติโยมด้วยแล้วส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่ามีวันสำหรับการเปิดใจแบบนี้อยู่ด้วยในพุทธศาสนา
การเปิดใจรับคำว่ากล่าวตักเตือนหรือคำวิพากษ์วิจารณ์ แม้มิใช่ศีลข้อสำคัญในพระพุทธศาสนา แต่ก็เป็นธรรมข้อสำคัญสำหรับการมีชีวิตที่ดีงาม ธรรมข้อนี้มีชื่อเรียกว่า โสวจัสสตา คือความเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย พร้อมรับฟังคำชี้แนะว่ากล่าว จัดเป็น 1 ในนาถกรณธรรม 10 (ธรรมที่ทำให้เป็นที่พึ่งของตนได้) และมงคล 38
หากขาดธรรมข้อนี้แล้วนอกจากจะทำให้ตนเป็นที่พึ่งของตนได้ยากแล้ว ชีวิตยังขาดสิ่งที่เป็นมงคลไปอย่างน้อยก็หนึ่งประการ
คนทั่วไปไม่ชอบฟังคำว่ากล่าวตักเตือน จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ถึงที่สุดแล้วสาเหตุสำคัญก็เพราะถ้อยคำเหล่านั้นกระทบอัตตา
อัตตาหรือตัวตนที่เรายึดถือนั้นต้องการการพะเน้าพะนอ คำสรรเสริญชื่นชมเป็นเสมือนภักษาหารที่ทำให้มันพองโตขึ้นเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับคำวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นเสมือนของแสลงที่ทำให้อัตตาลีบเล็กลง
สำหรับชาวพุทธที่เห็นโทษของอัตตา การที่อัตตาลีบเล็กลงนั้นแหละเป็นสิ่งที่พึงประสงค์ ดังนั้น จึงไม่พรั่นพรึงต่อคำวิจารณ์ แม้ความไม่พอใจจะเกิดขึ้นเมื่อได้ฟังถ้อยคำดังกล่าว แต่ก็ตระหนักดีว่าตัวที่เดือดเนื้อร้อนใจนั้นคือเจ้าตัวอัตตาต่างหาก หาใช่อะไรอื่นไม่ ดังนั้น จึงไม่ใส่ใจกับอาการดังกล่าว
ถือเสียว่าต้องทรมานเจ้าตัวอัตตาเสียบ้าง มันจะได้หายกำเริบ หาไม่มันจะได้ใจจนขึ้นขี่คอบังคับเราให้เป็นข้ารับใช้มันอยู่เรื่อยไป
ผู้มีปัญญาย่อมตระหนักดีว่า คำวิพากษ์วิจารณ์นั้นนอกจากจะช่วยทรมานอัตตาให้คลายพยศลงแล้ว ยังช่วยให้เราเกิดปัญญาเพิ่มพูนขึ้น เพราะในคำวิพากษ์วิจารณ์นั้นย่อมมีความจริงแฝงอยู่เสมอไม่มากก็น้อย แม้จะออกมาจากปากของผู้ประสงค์ร้ายก็ตาม
ความจริงนั้นอาจเป็นความจริงเกี่ยวกับตัวเรา เช่น จุดอ่อนของเราหรือข้อบกพร่องในงานของเรา ความจริงแบบนี้บ่อยครั้งแม้แต่เพื่อนที่ใกล้ชิดก็มองไม่เห็น หรือถึงเห็นก็ไม่กล้าพูด มีแต่ศัตรูหรือคู่กรณีเท่านั้นที่กล้าพูด จริงอยู่เขาอาจเติมแต่งใส่สีสันให้มันเลวร้ายเกินจริง แต่ถ้าเรารู้จักมองและแยกแยะความจริงออกจากความเท็จหรือความเข้าใจผิด เราก็จะได้เรียนรู้บางแง่มุมเกี่ยวกับตนเองที่อาจมองไม่เห็นมาก่อน เมื่อรู้แล้วแทนที่จะเสียใจหรือทดท้อ กลับนำมาปรับปรุงแก้ไขพัฒนาตน ก็ย่อมเป็นผลดีแก่ตัวเราเองไม่ใช่หรือ
นอกจากความจริงเกี่ยวกับตัวเราแล้ว คำวิพากษ์วิจารณ์ยังเปิดเผยให้เราเห็นความจริงเกี่ยวกับตัวผู้พูดเอง คนบางคนยิ่งว่ากล่าวเรามากเท่าไร เราก็ยิ่งเห็นว่าเขาเป็นคนอย่างไร จริงใจหรือไม่ น่าคบเพียงใด จะว่าไปแล้วถ้าอยากรู้จักใครให้ดี จะดูที่คำสรรเสริญชื่นชมของเขาหาได้ไม่ หากต้องดูที่คำว่ากล่าวของเขา คนที่หวังดีต่อเราย่อมว่ากล่าวด้วยความปรารถนาดี ระมัดระวังถ้อยคำ ส่วนคนที่มุ่งร้ายย่อมต่อว่าอย่างสาดเสียเทเสีย ถ้าเรารู้จักฟังและแยกแยะก็จะเห็นความจริงว่าใครที่เป็นมิตรและใครที่ไม่ใช่มิตร และควรคบกับเขาแค่ไหน ใกล้แค่คืบหรือห่างเป็นวา
สุดท้ายคำวิพากษ์วิจารณ์ยังเปิดใจให้เราเห็นความจริงเกี่ยวกับโลกว่า นินทากับสรรเสริญเป็นของคู่กัน คนเรามักเคลิบเคลิ้มจนตัวลอยเมื่อได้ยินคำชื่นชม แต่คำต่อว่าจะช่วยดึงเรากลับมาสู่ความจริง และตระหนักว่าธรรมดาของโลกนั้นมีทั้งขึ้นและลง บวกและลบ มีได้ก็มีเสีย มีสำเร็จก็มีล้มเหลว ดังนั้น เมื่อประสบกับสิ่งที่น่ายินดีก็อย่าหลงดีใจจนลืมตัว ให้ระลึกว่าสักวันหนึ่งเราอาจประสบสิ่งตรงข้าม ดังนั้น จึงควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาทและเตรียมใจไว้เสมอ นั่นหมายความว่า ถ้าไม่อยากทุกข์เพราะคำตำหนิ ก็อย่าไปดีใจเวลาได้รับคำสรรเสริญ
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ผู้มีปัญญาจึงไม่หวั่นกลัวคำว่ากล่าว กลับเชิญชวนด้วยซ้ำ ดังเห็นได้จากพิธีปวารณาในวันสุดท้ายของการจำพรรษา จะว่าไปแล้วการปวารณาดังกล่าวไม่ควรเป็นเรื่องของสงฆ์เท่านั้น แม้คฤหัสถ์ก็ควรกระทำต่อกันเช่นกัน ดังนั้น จึงอย่าปล่อยให้ปวารณาเป็นแค่พิธีกรรม แต่ควรผนวกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและชุมชน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ชีวิตดีงามจึงจะเป็นอันหวังได้
รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ วันออกพรรษา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45497
รวมคำสอน พระไพศาล วิสาโล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=42477
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2006, 12:29 am
อนุโมทนาบุญค่ะ...คุณเว็บมาสเตอร์
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 5:00 pm
เข้าใจแล้วค่ะ เราควรลดอัตตาลงมากๆ ยึดมั่นมานาน ฟังคนเขาตักเตือนว่ากล่าวทั้งจริงและไม่จริง (ไม่ถูกใจมากกว่า) นับเป็นอุบายในการอบรมตนที่ดีมากจริงๆๆ สาธุ.....
_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 16 ก.ค.2008, 4:54 pm
เป็นสิ่งที่ดีจริงครับ ถ้าเป็นผู้มีปัญญาก็จะรับฟังและมาแก้ไขใหม่ให้ดีขึ้นครับ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 18 ก.ย. 2008, 9:42 pm
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2012, 7:00 am
รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ วันอาสาฬหบูชา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45499
รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ วันเข้าพรรษา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45498
รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ วันออกพรรษา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45497
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
พิธีกรรมทางศาสนา
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th