Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การบูชาอัฐิธาตุ ของพระอรหันต์ทุกรูป สายหลวงปู่มั่น อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
อิติปิโส
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2005, 7:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การบูชาอัฐิธาตุ



ขอความกรุณาผู้มีความรู้เกี่ยวกับการบูชาอัฐิธาตุ ช่วยแนะนำวิธีที่ถูกต้องให้หน่อยนะคะ



คุณได้รับอัฐิธาตุของพระองค์ใดมาครับ อยากทราบ

ขออนุโมทนาด้วยครับ

คุณต้องพิจารณาก่อนว่า อัฐิธาตุนั้น เป็นของพระผู้ประพฤติดีปฎิบัติชอบ ผู้เหมาะสมแก่การสักการะบูชา เพราะอัฐิ(กระดูก) ของพระอริยเจ้า ผู้ทรงอริยภูมิ ระดับอรหันตภูมิเท่านั้น ดังพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวก ที่อัฐิจะแปรเป็นพระธาตุ แต่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับระยะเวลาว่า แต่ละพระองค์ท่านทรงมรรคทรงผลมาเป็นระยะเวลานานเท่าใด ท่านที่บรรลุธรรมมานานแล้วมีเวลาครองธาตุครองขันธ์นาน สามารถซักฟอกธาตุขันธ์จนละเอียด เมื่อถึงกาลดับขันธ์ ละสังขาร เมื่อชราวัย เวลาถวายเพลิงและเก็บรักษาบูชาอัฐิได้ไม่นาน อัฐินั้นก็จะเริ่มแปรสภาพ จนเป็นพระธาตุ ต่างลักษณะรูปพรรณ สัณฐาน สีสัน ได้อย่างรวดเร็ว แต่องค์ท่านที่บรรลุธรรมได้ช้าและเมื่อบรรลุธรรมได้ไม่นานก็ถึงกาลละขันธ์ไป ขออนุญาตยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ดังจะเห็นได้ว่า อัฐิของท่านที่จัดแสดงในเจดีย์พิพิธภัณฑ์ ยังคงเป็นชิ้นๆ และยังคงรูปร่างเช่นเดิม ต่างจากพระธาตุที่พบเห็นในเจดีย์พิพิธภัณฑ์ครูบาอาจารย์หลายต่อหลายรูปที่คงได้มีโอกาสไปนมัสการโดยทั่วไป แต่ถึงช้าเช่นไรแต่องค์ท่านก็เสร็จกิจ เป็นอรหันตสาวกสมบูรณ์แบบ และอัฐิของท่านก็จะแปรเป็นพระธาตุโดยไม่ต้องสงสัย ดังที่ปรากฏให้เห็นในบางที่บางแห่งที่อัฐิธาตุของท่านได้แปรสภาพเป็นพระธาตุสีสันสวยงามน่าเคารพบูชายิ่ง เมื่อคุณมั่นใจในอัฐิครูบาอาจารย์ว่าท่านทรงอรหันตภูมิ ก็ควรจัดบูชาในที่อันควร แต่ต้องคำนึงด้วยว่า ท่านองค์นั้นทรงเป็นอรหันตสาวก จึงมิควรตั้งสูงกว่าพระบรมสารีริกธาตุ ตลอดจนรูปเคารพที่เป็นที่ระลึกถึง หรือแทนองค์ศาสดา เช่นพระพุทธรูป ส่วนภาชนะบรรจุพระธาตุตลอดจนอัฐิธาตุ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมที่คุณควรพิจารณาเอาเอง จะทึบแสงหรือโปร่งใสก็ตามแต่เมื่อตั้งบูชาแล้ว ก็ควรให้ความเคารพสักการะโดยสม่ำเสมอ ถ้าสามารถปฏิบัติบูชาได้อย่างสม่ำเสมอยิ่งดี แต่ไม่ควรเปิดดูหรือหยิบจับ ควรทำเป็นครั้งคราว เช่นปีหนึ่งสรงน้ำซักครั้ง (พระธาตุ) คือเราสามารถทำความสะอาดสถานที่ตั้งบูชาให้สะอาดแต่ไม่ควรรบกวนพระธาตุหรืออัฐิธาตุ ที่ใดมีพระธาตุที่นั่นย่อมมีความร่มเย็น เป็นมงคล ถ้าผู้บูชาสะอาดกาย สะอาดใจ ย่อมดีเป็นมงคลกับตัว ส่วนเรื่องทำไมสถานที่ต้องสะอาด เพราะพวกกายทิพย์เขารับรู้ว่ามีพระธาตุเขาก็เข้ามาเคารพสักการะบูชาเช่นกัน เมื่อเราให้ความสะดวกแก่เขา เขาก็ให้ความเมตตา ให้ความร่มเย็นแก่เรา





เรียนถามคุณผู้บูชาตถาคต ฯ ขออนุญาติถามเพื่อเพิ่มเติมความรู้ดังนี้

ตามที่ได้กล่าวข้างต้นว่าการกลายสภาพเป็นพระธาตุของพระอัฐิธาตุนั้น ขึ้นอยู่กับองค์ท่านผู้นั้นว่าทรงมรรคผลมานานเท่าใด ทำไมอัฐิเช่นขององค์หลวงปู่มั่น บางส่วนเมื่อเผาพระศพเรียบร้อยแล้ว บางท่านได้รับไปจึงกลายเป็นพระธาตุในเวลาอันรวดเร็ว แต่บางท่านเช่นหลวงตามหาบัว เมื่อได้รับไปแล้วด้วยระยะเวลานับสิบปี ก็ยังคงสภาพเช่นเดิม เมื่อพระเดชพระคุณท่าน มอบให้แก่โยมไปเพียงชั่วข้ามวัน อัฐินั้นกลายสภาพเป็นพระธาตุขึ้นมา หรือแม้แต่คุณ... ได้รับอัฐิของหลวงปู่มั่น ซึ่งพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านหนึ่งได้รับมาตั้งแต่วันเผาพระศพท่าน เก็บมาตั้งแต่ปี 92 ก็ไม่พบการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างไร แต่พอคุณ ....ได้รับมาไม่กี่วันก็ปรากฏพระธาตุแวววาว งดงาม ขึ้นมา 2 องค์ ขอความกระจ่างด้วย ???



ขอตอบคุณสงสัย เรื่องการบูชาอัฐิ เหตุใดบางท่านบูชานานเท่าใดอัฐินั้นก็ไม่แปรเป็นพระธาตุ และเหตุใดบางท่านได้รับมาบูชาไม่นานก็แปรเป็นพระธาตุ เรื่องนี้ตอบได้ยากลำบาก เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตนของผู้บูชาแต่ละคน ผู้ตอบเองก็ไม่มีภูมิรู้ละเอียดลึกซึ้งแต่ประการใด อาศัยจดจำคำครูบาอาจารย์ และด้นเดาเอาตามความเข้าใจของตน เพราะเป็นเรื่องลี้ลับสุดประมาณ ขอสรุปลงที่เรื่องกรรม คือการประพฤติปฏิบัติบูชาของแต่ละท่านต่างกัน ผลจึงต่างกัน อันนี้ก็เป็นเหตุอันหนึ่ง อีกประการหนึ่งเป็นเรื่องลี้ลับ ครูบาอาจารย์ผู้ทรงเคยครองธาตุครองขันธ์ ท่านอาจเมตตาให้กำลังใจ ท่านก็จึงแปรเป็นพระธาตุให้เรามั่นใจว่ามรรคผลนิพพานมีจริง อย่าท้อถอยอ่อนแอในการประพฤติปฏิบัติ ผลย่อมมีอยู่เสมอ อีกประการหนึ่ง เป็นเรื่องเฉพาะตนระหว่างองค์ท่านกับผู้บูชา ดังเช่นองค์ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทตฺโต กับศิษย์ของท่าน คือท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน หลวงปู่มั่นท่านสะเทือนใจที่หลังจากงานถวายเพลิงหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโลล่วงไปไม่นาน พระผู้เป็นลูกศิษย์ที่เคยอาศัยร่มเงาจากองค์หลวงปู่เสาร์ที่ควรปฏิบัติต่ออัฐิธาตุขององค์ท่านด้วยความเคารพ สำรวมระวัง กลับนำเอาอัฐิของท่านไปใส่ครกตำเป็นผง แล้วนำไปผสมเป็นพระออกเร่ขาย เมื่อองค์หลวงปู่มั่นทราบข่าว ท่านจึงตำหนิเอาอย่างแรง แล้วยกเอาองค์ท่านขึ้นเทียบว่า พระที่มาปฏิบัติกับท่าน พวกท่านเหล่านี้อย่าพากันมาเป็นหมาแทะกระดูกครูบาอาจารย์นะ องค์หลวงปู่มั่นท่านว่าเอาอย่างแรงๆ จนหลวงตาของเราท่านสะเทือนใจอย่างแรง ท่านอธิษฐานในใจว่าท่านจะไม่ทำเช่นนั้นเป็นอันขาด จนเหตุการณ์ล่วงมาถึงคราวแบ่งอัฐิหลวงปู่มั่น ซึ่งองค์ท่านสมควรที่จะได้รับมาสักการะบูชา แต่คำหลวงปู่มั่นที่ว่า"พวกท่านจะพากันมาเป็นหมาแทะกระดูกผมเหรอ" คำนั้นยังติดค้างคาใจอยู่เสมอ หลวงตาท่านจึงหนีไปก่อนพิธีแบ่งอัฐิหลวงปู่มั่น ซึ่งองค์หลวงปู่มั่นเองท่านก็คงรับรู้อยู่แล้วว่าศิษย์รักของท่านองค์นี้ยังไงก็ไม่มีใจที่จะกระทำกับอัฐิของท่านด้วยการขาดความเคารพเช่นนั้น มีแต่ที่จะเทิดทูนสุดหัวใจ แต่ด้วยเหตุที่ท่านรีบหนีไปก่อนแบ่งอัฐิ หลวงตาจึงพูดให้ฟังอยู่เสมอว่าหลวงปู่มั่นท่านคงดัดนิสัยเอาที่หนีท่านไป จึงเป็นเหตุให้ ท่านได้รับอัฐิหลวงปู่มั่นมาคราวใด เมื่อมาอยู่กับท่าน อัฐินั้นก็จะไม่แปรเป็นพระธาตุ แต่เวลาให้ท่านผู้ใดไปบูชา อัฐินั้นกลับแปรเป็นพระธาตุอย่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ และอีกเรื่องท่านพูดให้ฟังว่าท่านมักแพ้ผู้หญิง เวลาเขาถวายพระธาตุหลวงปู่มั่นมา ท่านมักเมตตาให้ได้ชมบารมีท่านพระอาจารย์ของท่านโดยทั่วถึงกัน ทีนี้พอไปอยู่ในมือฆราวาสญาติโยมผู้หญิง ทีนี้เขาเหล่านี้ไม่แค่ดู เขาขอเอาเลย ท่านก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ผู้หญิง ก็เลยต้องยอมยกให้เขาไปเลย แบบนี้ก็มี

เพราะฉะนั้น เรื่องความอัศจรรย์ของอัฐิธาตุของศาสดาตลอดจนพระอรหันตสาวก สุดที่จะประมาณ มิอาจทราบได้ ขอให้หมั่นปฏิบัติบูชา สำรวมระวังรักษากาย วาจา ใจ ย่อมได้พบความอัศจรรย์ใจ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงประจักษ์พยาน ให้โลกได้รับรู้รับทราบถึงความเลิศเลอของพระพุทธศาสนา ว่าธรรมนั้นแลเป็นสิ่งสูงสุดสุดยอด พระพุทธเจ้าทรงตรัสสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมมีอยู่จริง บุญ บาป นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน มีอยู่จริง ธรรมนั้นแลที่จะพาผู้ปฏิบัติธรรมให้พ้นทุกข์ มรรค ผล นิพพาน มีอยู่ตลอดอนันตกาล และโลกมิเคยว่างเว้นจากพระอรหันต์ หากยังมีผู้ประพฤติธรรม





เรียนคุณผู้บูชาตถาคต หรือผู้รู้ท่านอื่น แล้วการที่พระธาตุมีสภาพเป็นสีสันแตกต่างกัน เช่นแดง บุษราคัม สีม่วง ขาว เป็นแก้ว เพชร เขียว หรืออะไรต่าง ๆ ได้ยินมาว่าเกิดจากการบำเพ็ญบารมีที่แตกต่างกันของแต่ละท่าน ไม่ทราบว่ามีคำอธิบายถึงปรากฏการณ์เหล่านี้ อย่างอื่นอีกหรือไม่



...ผมก็เพิ่งได้...พระธาตุของหลวงปู่เทสก์..มา 1องค์ เมื่อเช้านี้เอง



อนุโมทนาด้วยครับ

อยากรู้ว่าพระกรรมฐานศิษย์หลวงปู่มั่น บรรลุอรหันต์กี่องค์แล้ว ก็หลายรูปมากเลยที่อัฐิแปรสภาพเป็นพระธาตูสีใสเหมือนหยกแก้ว นี่แสดงว่าท่านเป็นพระอรหันต์

 
สนิท บุญขันธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 ส.ค. 2005, 7:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

:b30ขอเรียนถามคุณบูชาตถาคต

ผมอยากทราบว่าอัฐิที่จะกลายเป็นพระธาตุนั้นบุคคลจะต้องสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล

ชั้นไหนขึ้นไปหรืออย่างไร ขอขอบพระคุณครับ:
 
อิติปิโส
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 ส.ค. 2005, 10:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เฉพาะพระอรหันต์ครับ
 
ดาวประกาย
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 15 มิ.ย. 2005
ตอบ: 53

ตอบตอบเมื่อ: 08 ก.ย. 2005, 10:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองดูที่นี่ค่ะ

http://www.relicsofbuddha.com/
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง