แก้ไขให้คนที่ฝึกพลังจิต จากอาการบ้า ได้อย่างไรครับ

ผู้เยี่ยมชม

ผมเจอกลุ่มคนที่ฝึกพลังจิต เป็นบ้าไปแล้วหลายต่อหลายคน (ไม่ยอมรับว่าตัวเองบ้า คนบ้าก็อย่างงี้แหละ) คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพลังจิตหมด พยายามพูดความจริงให้ฟังไม่เชื่อ แต่หลอกว่าความสามารถแต่ละอย่างเป็นเพราะพลังจิตกลับเชื่อ เราจะแก้ไขคนพวกนี้อย่างไรดีครับ (หัวดื้อ ใจแคบ ปากเสีย ไม่ฟังใคร กลัวจิตตัวเองด้อยกว่าผู้อื่น คือ ฟังคนไหน ด้อยกว่าคนนั้น กลัวคนไหน ด้อยกว่าคนนั้น กลัวทำตามคนที่ฟัง กลัวโดนสะกดจิต - บ้าไปแล้ว) จะแก้ไขอย่างไรดีครับ

ตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2005, 10:01 am

คุณโจ

อือม...คุณไปอธิบายให้กลุ่มคนเหล่านั้นฟังว่าอย่างไร คือถ้าเราไม่รู้ที่มาที่ไปของพลังเหล่านี้ ไม่ได้ฝึกปฏิบัติจนเข้าถึงสภาวะเหล่านี้เองโดยธรรมชาติของการปฏิบัติแล้ว ก็ยากที่จะอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยง่าย จะว่าไปแล้วก็เปรียบเสมือนการที่อยู่ๆก็วิ่งไปฝึกฤทธิ์นั่นแหละ มันจะเต็มไปด้วยความอยาก ทีนี้การปฏิบัติมันก็ไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ได้เป็นไปตามลำดับ เพราะจริงๆแล้วฤทธิ์หรือพลังต่างๆนั้น เป็นเพียงผลพลอยได้จากการฝึกฝนปฏิบัติธรรมด้วยความเพียร ด้วยความตั้งมั่นเท่านั้น

ในเมื่อมันไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ได้เป็นไปตามลำดับของขั้นตอนการปฏิบัติธรรม ฤทธิ์นั้นๆ พลังนั้นๆก็เต็มไปด้วยกิเลส เต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น แทนที่ฤทธิ์นั้นๆ พลังนั้นๆจะถูกใช้ในทางที่ถูกต้อง ในทางที่สร้างสรรค์ที่ประกอบไปด้วยปัญญา ก็กลายเป็นนำมาลองกัน มาทำลายล้างซึ่งกันและกัน มาอวดกัน แข่งขันกัน หนักหน่อยก็เลยไปถึงนำไปปลุกเสกวัตถุเพื่อเรียกลาภ สรรเสริญ สักการะใส่ตน

และนำไปสู่พิธีกรรมมากมาย ซึ่งล้วนแต่กลายเป็นเรื่องงมงายทั้งสิ้น คืออธิบายง่ายๆ ได้แต่ฤทธิ์ ได้แต่พลัง แต่ไม่ประกอบไปด้วยปัญญาที่เข้าไปแยกแยะผิดชอบชั่วดี ไม่ประกอบไปด้วยปัญญาที่จะชี้ถึงสาเหตุแห่งทุกข์ ชี้สาเหตุแห่งการดับทุกข์ได้ มันก็เหมือนยิ่งระเบิดปรมาณูนั่นแหละ ถ้ามันไม่สามารถกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนได้ มันก็ทำลายล้างไปทั่ว ทำลายล้างด้วยความโกรธแค้น ชิงชัง ทำลายล้างเพื่อความอยู่รอดของความยึดมั่นถือมั่นว่า...ตัวกู ของกู นอกจากตัวกูแล้วไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าตัวกู

สุดท้ายตัวกูลงไปนอนในโลงเหมือนกันนั่นแหละ.....ก็เท่านั้น.....

มหะศักติ กาลิ

ผู้เยี่ยมชม

เขาเรียกว่า มิจฉาสมาธิ นั่นเองครับ ต่างจาก สัมมาสมาธิ

สัมมาสมาธิ คือ สมาธิที่เมื่อฝึกแล้ว มีผลทำให้กิเลสโลภ โกรธ หลง บรรเทาเบาบางลง จนถึงหมดไปได้ เมื่อถึงระดับวิปัสสนา

ส่วนมิจฉาสมาธิ คือ สมาธิที่เมื่อฝึก จะส่งเสริมให้กิเลสโลภ โกรธ หลง ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เช่น สมาธิของมือปืน ที่ฝึกเล็งปืนยิงใส่ผู้อื่น สมาธิของนักเล่นไพ่ ที่มีใจจรดจ่ออยู่กับไพ่ได้ทั้งวันทั้งคืน รวมไปถึง สมาธิเพื่อให้เกิดฤทธิ์อำนาจทางใจต่างๆ (รองรับความคิดว่าข้าเก่ง ข้าแน่ ข้าวิเศษ) ก็เข้าข่ายนี้ด้วยครับ เมื่อฝึกไปมากเข้าๆ จะทำให้โลภ โกรธ หลงทวีกำลังแรง จนถึงระดับที่คุณภาพใจเสียไปไงครับ

ตอบเมื่อ: 23 ส.ค. 2005, 6:38 pm

เรียนเพื่อนๆดว้ยความเคารพ ในฐานะที่เป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาทางนี้มาบ้าง...สิ่งและอาการที่คุณโจเล่ามานั้นไม่ใช่ผู้ที่ฝึกพลังจิตมาอย่างถูกต้องนัก แสดงว่าคนที่เป็นอย่างคุณโจเล่ามายังไม่เข้าใจนัก+อุปทาน (ต้องกราบขอขมาท่านครูอาจารย์ของท่านทั้งหลาย) เพียงแต่ผู้ไปศึกษามาอาจไม่เข้าใจตามเจตนา..ของผู้สอนหรือเปล่า พลังจิตต้องอาศัยจิตที่จินตนาการไปทางบวก+ความเชื่อ-อุปทานออกไป พื้นฐานของพลังจิตอยู่ที่การฝึกจิตใต้สำนึกตัวเองให้ได้ก่อน..คงไม่กล้าอธิบายมากนักเดี่ยวไม่ตรงกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นจะโดนแอนตี้

ผมเองเรียนจากอาจารย์นราธิปและอาจารย์โขมพัตร์มาพอควร..ต้องขอโทษถ้าไม่ถูกต้อง