Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พลังงานแห่งใจ ก้าวใหม่ของวิทยาศาสตร์ ในการติดตามพระพุทธศาสนา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2005, 12:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องราวของพลังงานแห่งใจ หรือ พลังใจ เป็นที่ติดตามในวงการนักวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ก็มีจริงหรือไม่ วัดได้อย่างไร



ล่าสุด เมื่อ 1-2 เดือนก่อน ได้มีการสัมนาเชิงวิชาการครั้งใหญ่ โดยผู้นำคือ ดร.เนลสัน ผู้เคยอยู่ในโครงการอพอลโล ตอนนี้กำลังค้นคว้าวิจัยเรื่องพลังงานแห่งใจ ใช้รักษาโรคอย่างขะมักเขม้น



เนลสัน ได้แนวคิด การมาจากผลการทดลองอยู่ 2 เรื่องใหญ่ๆ ว่า พลังงานแห่งใจ อยู่เหนือร่างกายได้จริงหรือไม่ เรื่องนี้ 1 นั้น เกิดสมัยสงครามโลก มีประเทศหนึ่ง เขาได้ใช้นักโทษประหาร มาทดลอง โดยคุณหมอคนหนึ่งบอกกับนักโทษประหารว่า ไหนๆ พวกคุณก็ต้องถูกยิงตายอยู่แล้ว เอาอย่างนี้มั้ย พวกคุณจะยอมตายเงิยบ หรืออยากจะให้ชื่อของพวกคุณติดอยู่ในวงการประวัติศาสตร์ มีนักโทษคนหนึ่งรับอาสา หมอก็เลยเริ่มทดลอง ด้วยการเจาะเส้นเลือดนักโทษผ่านสายน้ำเกลือ นักโทษก็จะเห็นเลือดหยดไปดังติ๋งๆ แล้วหมอก็บอกว่า หมอจะดูว่า คนเราเสียเลือดไปเป็นเวลานานเท่าไหร่ถึงจะตาย แล้วหมอก็ปิดไฟ ให้นักโทษได้ยินเสียงติ๋งๆ

เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง นักโทษตายไปเรียบร้อยแล้ว เขาคิดว่า เขาเสียเลือดไปมาก ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว หมอหลอกเขา โดยหลังจากปิดไฟ ก็หยิบเอาน้ำเกลือ มาหยดลงไปแทนดังติ๋งๆ แล้วปิดสายน้ำเกลือ ที่เจาะเลือดของนักโทษออก เท่ากับว่า เลือดได้หยุดไหลเรียบร้อยแล้ว แต่นักโทษคิดว่า เลือดเขาไหลออกจากตัวไปเรื่อยๆ ผลก็คือ ตาย



การทดลองที่สอง ปรกติแล้ว อิเลกตรอน มักจะวิ่งไปด้วยทิศทางไม่แน่นอน ตามหลักควอมตัม (ความไม่แน่นอน) เขาก็ได้ทดลอง โดยให้หุ่นยนต์กดปุ่มเพื่อปล่อยอิเลกตรอนวิ่งจากจุด 1 ไปจุด 2 ผลก็คือ อิเลกตรอนวิ่งไม่แน่นอน บางส่วนไป บางส่วนไม่ไป ต่อมา เขาเปลี่ยนใหม่ ให้คนเป็นคนกด โดยตั้งใจให้อิเลกตรอนวิ่งจากจุด 1 ไปจุด 2 ผลก็คือ อิเลกตรอนวิ่งไปตามทางไปเขาคิดจริงๆ อย่างมีทิศทางแน่นอนขึ้นมา
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2005, 12:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แนวคิดเช่นนี้เอง เนลสัน จึงตั้งทฤษฎีว่า คนเรามีพลังงานแห่งใจ ที่อยู่เหนือร่างกาย สามารถควบคุมร่างกายได้ เขาได้ทำการทดลองต่อมา โดยสร้างเครื่องวัดคลื่นพลังงานแห่งใจ และสร้างเครื่องสร้างคลื่นพลังงานขึ้นมา เลียนแบบ นอกจากนี้ เขาได้ใช้เครื่องไปวัดคลื่นพลังงานของสารต่างๆ ด้วย แล้วเขาก็ลองนำมาใช้รักษาโรค เช่น คนป่วยคนหนึ่ง ไตผิดปรกติ ถ้ารักษาแบบเดิม ก็กินยา แล้วก็ผ่าตัด แต่เขารักษาแนวใหม่ โดยให้เครื่องสร้างคลื่นพลังงาน ปล่อยพลังงานของไตที่ผิดปรกติเข้าไป ผลก็คือ ไตกลับมาทำงานตามปรกติได้โดยไม่ต้องใช้ยาใดๆ

ตอนนี้เนลสัน สามารถคิดวิธีรักษาโรคต่างๆ อย่างเช่นโรคภูมิแพ้ได้หลายวิธี โดยเนลสันตั้งข้อสังเกตว่า เด็กทารกทุกคน ไม่มีใครเกิดมาเป็นโรคภูมิแพ้ แต่โรคภูมิแพ้ เกิดขึ้นตอนที่เครียด เช่น ยกตัวอย่าง เด็กคนหนึ่ง ถูกผึ้งต่อย แล้ววิ่งไปหาแม่ แม่ก็ปลอบว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย เด็กก็จะผ่อนคลาย ไม่มีปัญหาใดๆ กับเด็กอีกคนหนึ่ง ถูกผึ้งต่อย วิ่งไปหาแม่ แต่แม่ไม่อยู่ เด็กก็ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งเคลียด สมองจะบันทึกข้อมูลไปที่ ไฮโปทาลามัส (สมองส่วนไร้สำนึก) เพื่อสั่งร่างกายว่า ต่อไปอย่าได้เจอเช่นนี้อีก ดังนั้น เมื่อถูกผึ้งต่อยครั้งต่อไป ร่างกายจะหลั่งสารภูมิแพ้ให้เจ็บป่วยอย่างรุนแรงขึ้นมา

สำหรับสารภูมิแพ้อื่นๆ ก็เหมือนกัน เช่น สารระเหย เกสรดอกไม้ แมลงต่างๆ เมื่อเด็กฝังใจครั้งแรก แล้วไม่มีใครปลอบให้หายเครียด จะเกิดโรคภูมิแพ้นั้นขึ้นมา



วิธีการรักษา วิธีที่ 1 รักษาด้วยตัวเอง โดยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ ให้ใจหยุด ไปจนถึงระดับผ่อนคลาย จากนั้น ใจก็บอกกับร่างกายว่า ไม่เป็นไร สารนี้ไม่น่ากลัวแล้ว ฉันไม่เครียดแล้ว ทำบ่อยๆ ก็จะหายจากโรคภูมิสารนั้นๆ ได้

วิธีที่ 2 ใช้คลื่นเสียงสวดมนต์ โดยเนลสัน ไปรวบรวมเสียงสวดมนต์มา แล้วให้เครื่องสร้างคลื่นเลียนแบบ พลังงานของเสียงสวดมนต์ ส่งคลื่นเข้าไป ผลก็คือ รักษาได้เช่นเดียวกัน



อีกไม่นาน นักวิทยาศาสตร์ อาจจะค้นพบความลับของพลังใจที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ เช่น ทำร่างกายให้มีกำลังมหาศาล ทำร่างกายให้แข็งแกร่ง ทำให้ร่างกายให้เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ส่งคลื่นใจคุยกันทางไกลได้ ฯลฯ

ถึงตอนนั้นแหละ เมื่อมีใครแนะให้พวกเขาได้ศึกษาพระพุทธศาสนา พวกเขาจะทึ่งขึ้นมาว่า สิ่งที่พวกเขากำลังค้นพบตอนนี้ พระพุทธเจ้า ท่านพูดมาเมื่อ 2500 กว่าปีแล้ว









 
thong
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 01 ก.ค. 2005
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2005, 3:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อมูลน่าสนใจดีครับ เป็นประโยชน์ดีแท้

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง