Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
การปฏิบัติธรรมตอนที่ 3
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลุงใหญ่
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 14 มิ.ย.2005, 5:06 pm
ตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ในสองตอนแรกว่า ก่อนที่เราจะฝึกปฏิบัติธรรมเราควรได้ทำความเข้าใจและควรได้รู้ว่า ความคิดและพฤติกรรมของสิ่งที่มีชีวิตเป็นอย่างไร อีกทั้งยังต้องรู้จักและเข้าใจในเรื่องของธรรมชาติแห่งสรรพสิ่งทั้งหลายว่าเป็นอย่างไร มีอย่างไร สิ่งเหล่านั้นเป็นญาณ เป็นความรู้อันนับเข้าในวิปัสสนาขั้นพื้นฐานที่สำคัญยิ่ง ผู้ที่สนใจในเรื่องของอภิญญาและการหลุดพ้นจากอาสวะควรได้รู้และทำความเข้าใจเป็นอันดับแรก ซึ่งเมื่อรู้และทำความเข้าใจแล้ว ก็ยังต้องรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของการทำสมาธิ เหตุเพราะว่าการที่เราจะทำสิ่งใดเราควรได้รู้และเข้าใจจุดมุ่งหมายของวิธีการเหล่านั้น
การทำสมาธิ เป็นวิธีการปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่ควรได้ฝึกควบคู่ไปพร้อมๆกับการศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของความคิดและพฤติกรรม อีกทั้งย่อมต้องฝึกควบคู่ไปพร้อมๆกับการศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของธรรมชาติ ในเรื่องของธรรมชาติแห่งสรรพสิ่งนั้น ควรได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนเหตุเพราะอาจคิดและเข้าใจในทางที่ผิดๆได้ ดังเช่นที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า "ธรรมะมิได้มีไว้เพื่อฝืนธรรมชาติ" แต่ให้รู้เท่าทันในธรรมชาติ ในข้อนี้ ควรได้คิดถึงธรรมชาติแห่งสรรพสิ่งอย่างละเอียด เพราะอาจคิดไปว่า การบวช การกินอาหาร 1 มื้อ หรือ เพียง 2 มื้อ หรือกินอาหารมังสวิรัติ เป็นการฝืนธรรมชาติ หากคิดเยี่ยงนั้นย่อมเป็นการคิดที่ผิดๆ เหตุเพราะในธรรมชาติก็มีการปฏิบัติเยี่ยงนั้นอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นการฝืนธรรมชาติ เพียงแต่ใครหรือบุคคลใดจะมีความคิดความเข้าใจเรียนแบบธรรมชาติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งนวัตกรรมที่มีอยู่ส่วนใหญ่ก็เรียนแบบธรรมชาติมาทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้เขียนตอนที่ 1 ความคิดและพฤติกรรมเพื่อสร้างพื้นฐานให้ท่านทั้งหลายได้เกิดความคิดเกิดความเข้าใจ รวมไปถึงตอนที่ 2 คือเรื่องของธรรมชาติ เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ทดสอบสมองสติปัญญาของตัวเอง ทดสอบความรู้ความเข้าใจของตัวเอง เพราะการคิดพิจารณาเพื่อให้เกิดปรีชาหยั่งรู้หรือเกิดญาณอันนับเข้าในวิปัสสนา ต้องละเอียด ไม่มีการคิดผิด หากคิดพิจารณาผิดย่อมเกี่ยวโยงสัมพันธ์ไปถึงสภาพอารมณ์และจิตใจ ดังนั้นเขาจึงได้มีเครื่องช่วยควบคุมสภาพอารมณ์และจิตใจมิให้แปรเปลี่ยนหากยามใดเกิดคิดพิจารณาผิดพลาดคือคิดไม่ถูกต้องขึ้นมา นั้นก็คือ การทำสมาธิ
ดังนั้นการทำสมาธิ คือการฝึกควบคุมสภาพอารมณ์และจิตใจ หากจะกล่าวให้เข้าใจง่ายขึ้น การทำสมาธิคือการควบคุมความคิด ความคุมความรู้สึก ไม่ให้อ่อนไหว ควบคุมให้อยู่ในสภาพปกติ เมื่อยามใดได้กระทบหรือสัมผัส หรือเกิดสภาพอารมณ์ จิตใจ ความคิด ความรู้สึก ที่ผิดแผกไปจากปกติวิสัย อันเกิดจากสาเหตุ แห่งการคิดพิจารณาผิดพลาดหรือคิดพิจารณาไม่ถูกต้อง มาถึงตรงนี้หากท่านทั้งหลายได้อ่านและคิดพิจารณาตามคงจะเกิดความรู้ความเข้าใจ อย่างถ่องแท้ในเรื่องของสมาธิขึ้นบ้าง ส่วนวิธีการฝึกสมาธินั้น ข้าพเจ้าจะเขียนในตอนต่อไป
อินเตอร์เน็ตชน
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 20 มิ.ย.2005, 9:04 am
^_^ มาโมทนา * * *
"....เพื่อให้ท่านทั้งหลาย ได้ทดสอบสมองสติปัญญาของตัวเอง ทดสอบความรู้ความเข้าใจของตนเอง
เพราะการคิดพิาจาณาเพื่อให้เกิดปรีชาหยั่งรู้หรือเกิดญาณอันนับเข้าในวิปัสนา ต้องละเอียด ไม่มีการคิดผิด หากคิดพิจารณาผิด ย่อมเกี่ยวโยงสัมพันธ์ไปถึงสภาพอารมณ์และจิตใจ"
<<หลักธรรมนี้จับคู่เปรียบอุปมาได้กับ กระจกหกด้าน>>พิจารณาความจริงในสิ่งใดควรใช้ปัญญาของตนเองพิจารณาให้ถูกต้องตามความเป็นจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อพัฒนาผู้รู้ในจิต เมื่อพิจารณาได้แล้วต้องตรวจสอบข้อพิจารณานั้นให้รอบคอบด้วยเหตุผลทุกแง่ทุกมุม...เหมือนเมื่อเราไปซื้อกางเกงสักตัวหนึ่งในห้าง
...ในห้องลองจะมีกระจกหกด้านให้ตรวจสอบ ความพอดีโดยรอบ...มีตัวอย่างที่เคยเจอมา คือ ที่วัดใหญ่แห่งหนึ่งแถวชานกทม ด้าน ต.อ.
มีชีพราหมณ์และชีศีรษะโล้นมาบวชตลอดปี จำนวนมาก ชีสองพวกนี้ จะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ได้ยินชีศีรษะโล้นจับกลุ่มวิจารณ์ชีพราหมณ์ ต่างๆนานาด้วยความ
ไม่พอใจ ชีโล้นกล่าวขึ้นว่า "จะไปเอาอะไรกับพวกนั้น ยังยึดติดอยู่เลย สู้พวกเราก็ไม่ได้ สละแล้ว ผมยังโกนทิ้งออกจากหัวได้" เราได้ยินอยู่ก็นึกว่า เราเห็นผู้ ญ โกนหัว
กันทั่วไป พวกคนไข้เป็นมะเร็ง หรือพวก ญ ฝรั่ง ทั่วโลก เค้าก็โกนหัวกัน ไม่เห็นเค้าจะยกตนข่มท่านว่า เค้าดีกว่าใคร เค้าไม่ยึดติด สละแล้วซึ่งผมบนหัว
....มองกระจกเพียงด้านเดียว ก็ทำให้หลงได้....
ธรรมะดีๆ อย่างนี้ ย่อมคู่ควรกับเว็ปธรรมะดีดี อย่าง dhammajak.net แห่งนี้ คนดีหายาก เว็ปดีดี อย่างนี้ก็หายาก มีค่ายิ่งนัก
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
มีตาก็ดูเอาก็แล้วกันสหายธรรมที่เคารพ ในเว็ปบอร์ดธรรมะ ทั่วๆไป
พวกมันรวมตัวกันเหมือนกำไม้ไผ่ องค์กรเป็นปึกแผ่น แต่ศิษย์วัดอื่นๆ(รวมวัดป่าด้วย) จะมีเครือข่ายดีดีกับเค้ามั่ง ดันถูกแทรกถูกป่วน
ไม่เป็นขบวน พวกพาลบุกเวปบอร์ดและควบคุมทิศทางการสื่อธรรมะในเวบบอร์ดของทุกเวปธรรมะไว้ได้ให้เป็นแบบdinosaur ไดโนเสาเล่นเน็ท
คนมีใจ มีไม่ถึงสิบท่านที่กล้าตอบคำถามแบบผู้รู้ผู้มีปัญญา เป็นสัมมาทิฐิ เต็มใจมีส่วนร่วมในการรักษาพระพุทธศาสนา นอกนั้น โง่กระบือเรียกพี่ เพราะ....
ญ ไม่มีใจ ช ก็เดี้ยง ชาวพุทธะไอที ไม่มีใจที่จะ สนับสนุนกะทู้ ดีดี พระพุทธศาสนา ก็อาจตกต่ำ เริ่มจากในเว้ปนั่นแหละ
พิมพ์ชีทธรรมะพระพุทธองค์ไปเดินแจกฟรีแถวตลาดสีมุมเมือง ได้กุศลเป็นเครดิตที่สวรรค์ต้องบันทืกฉันใด เห็นกะทู้ดีดีความเห็นดีดี ถูกดิสเครดิตอย่างหน้าด้านๆแล้ว
ผู้อ่านไม่นิ่งดูดายส่งความเห็นมาช่วยหนับหนุน ก็ได้กุศล เช่นนั้นไม่น้อยกว่ากันเลย แต่ง่ายกว่า แค่ปลายนิ้วคลิ๊ก ไม่ต้องไปเดินเหนื่อยตามตลาด
เทพแห่งสวรรค์เค้าส่งตากล้องเทวดา มาบันทีกภาพการตอบกระทุ้ธรรมะอย่างกล้าหาญตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือน ของท่านไว้หมดแล้ว ได้เครดิตไปเต็มๆ
พลังเงียบอ่านอย่างเดียว เท่ากับเป็นการนิ่งดูดายทอดธุระ เหล่าพาลก็ฉวยโอกาสทำงานกันอย่างเต็มที่
การปล่อยปละละเลย กับการปล่อยวาง เป็นคนละเรื่อง....การมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่สุจริตใจ เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคมส่วนรวมแล้ว ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยวางกันไป
เช่นนั้น คือ การปล่อยวาง (ไม่ต้องเข้ามาตอบ ค.ห.นี้ ก.ท .นี้ ก็ได้ เพราะยังไงๆเท่าที่เห็น กระทู้นี้ก็เหมือนกะเป็นแตงเถาตายอยู่แล้ว)
เล่าไปเรื่อยยย ...นะเรา ...แล้วจะมีใครเห็นด้วยมั่งมั๊ยเนี่ย อิ อิๆๆๆ เอิ๊กกก!!
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th