ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ลุงใหญ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 มิ.ย.2005, 5:06 pm |
  |
ตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ในสองตอนแรกว่า ก่อนที่เราจะฝึกปฏิบัติธรรมเราควรได้ทำความเข้าใจและควรได้รู้ว่า ความคิดและพฤติกรรมของสิ่งที่มีชีวิตเป็นอย่างไร อีกทั้งยังต้องรู้จักและเข้าใจในเรื่องของธรรมชาติแห่งสรรพสิ่งทั้งหลายว่าเป็นอย่างไร มีอย่างไร สิ่งเหล่านั้นเป็นญาณ เป็นความรู้อันนับเข้าในวิปัสสนาขั้นพื้นฐานที่สำคัญยิ่ง ผู้ที่สนใจในเรื่องของอภิญญาและการหลุดพ้นจากอาสวะควรได้รู้และทำความเข้าใจเป็นอันดับแรก ซึ่งเมื่อรู้และทำความเข้าใจแล้ว ก็ยังต้องรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของการทำสมาธิ เหตุเพราะว่าการที่เราจะทำสิ่งใดเราควรได้รู้และเข้าใจจุดมุ่งหมายของวิธีการเหล่านั้น
การทำสมาธิ เป็นวิธีการปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่ควรได้ฝึกควบคู่ไปพร้อมๆกับการศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของความคิดและพฤติกรรม อีกทั้งย่อมต้องฝึกควบคู่ไปพร้อมๆกับการศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของธรรมชาติ ในเรื่องของธรรมชาติแห่งสรรพสิ่งนั้น ควรได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนเหตุเพราะอาจคิดและเข้าใจในทางที่ผิดๆได้ ดังเช่นที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า "ธรรมะมิได้มีไว้เพื่อฝืนธรรมชาติ" แต่ให้รู้เท่าทันในธรรมชาติ ในข้อนี้ ควรได้คิดถึงธรรมชาติแห่งสรรพสิ่งอย่างละเอียด เพราะอาจคิดไปว่า การบวช การกินอาหาร 1 มื้อ หรือ เพียง 2 มื้อ หรือกินอาหารมังสวิรัติ เป็นการฝืนธรรมชาติ หากคิดเยี่ยงนั้นย่อมเป็นการคิดที่ผิดๆ เหตุเพราะในธรรมชาติก็มีการปฏิบัติเยี่ยงนั้นอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นการฝืนธรรมชาติ เพียงแต่ใครหรือบุคคลใดจะมีความคิดความเข้าใจเรียนแบบธรรมชาติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งนวัตกรรมที่มีอยู่ส่วนใหญ่ก็เรียนแบบธรรมชาติมาทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้เขียนตอนที่ 1 ความคิดและพฤติกรรมเพื่อสร้างพื้นฐานให้ท่านทั้งหลายได้เกิดความคิดเกิดความเข้าใจ รวมไปถึงตอนที่ 2 คือเรื่องของธรรมชาติ เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ทดสอบสมองสติปัญญาของตัวเอง ทดสอบความรู้ความเข้าใจของตัวเอง เพราะการคิดพิจารณาเพื่อให้เกิดปรีชาหยั่งรู้หรือเกิดญาณอันนับเข้าในวิปัสสนา ต้องละเอียด ไม่มีการคิดผิด หากคิดพิจารณาผิดย่อมเกี่ยวโยงสัมพันธ์ไปถึงสภาพอารมณ์และจิตใจ ดังนั้นเขาจึงได้มีเครื่องช่วยควบคุมสภาพอารมณ์และจิตใจมิให้แปรเปลี่ยนหากยามใดเกิดคิดพิจารณาผิดพลาดคือคิดไม่ถูกต้องขึ้นมา นั้นก็คือ การทำสมาธิ
ดังนั้นการทำสมาธิ คือการฝึกควบคุมสภาพอารมณ์และจิตใจ หากจะกล่าวให้เข้าใจง่ายขึ้น การทำสมาธิคือการควบคุมความคิด ความคุมความรู้สึก ไม่ให้อ่อนไหว ควบคุมให้อยู่ในสภาพปกติ เมื่อยามใดได้กระทบหรือสัมผัส หรือเกิดสภาพอารมณ์ จิตใจ ความคิด ความรู้สึก ที่ผิดแผกไปจากปกติวิสัย อันเกิดจากสาเหตุ แห่งการคิดพิจารณาผิดพลาดหรือคิดพิจารณาไม่ถูกต้อง มาถึงตรงนี้หากท่านทั้งหลายได้อ่านและคิดพิจารณาตามคงจะเกิดความรู้ความเข้าใจ อย่างถ่องแท้ในเรื่องของสมาธิขึ้นบ้าง ส่วนวิธีการฝึกสมาธินั้น ข้าพเจ้าจะเขียนในตอนต่อไป
|
|
|
|
|
 |
อินเตอร์เน็ตชน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
20 มิ.ย.2005, 9:04 am |
  |
^_^ มาโมทนา * * *
"....เพื่อให้ท่านทั้งหลาย ได้ทดสอบสมองสติปัญญาของตัวเอง ทดสอบความรู้ความเข้าใจของตนเอง
เพราะการคิดพิาจาณาเพื่อให้เกิดปรีชาหยั่งรู้หรือเกิดญาณอันนับเข้าในวิปัสนา ต้องละเอียด ไม่มีการคิดผิด หากคิดพิจารณาผิด ย่อมเกี่ยวโยงสัมพันธ์ไปถึงสภาพอารมณ์และจิตใจ"
<<หลักธรรมนี้จับคู่เปรียบอุปมาได้กับ กระจกหกด้าน>>พิจารณาความจริงในสิ่งใดควรใช้ปัญญาของตนเองพิจารณาให้ถูกต้องตามความเป็นจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อพัฒนาผู้รู้ในจิต เมื่อพิจารณาได้แล้วต้องตรวจสอบข้อพิจารณานั้นให้รอบคอบด้วยเหตุผลทุกแง่ทุกมุม...เหมือนเมื่อเราไปซื้อกางเกงสักตัวหนึ่งในห้าง
...ในห้องลองจะมีกระจกหกด้านให้ตรวจสอบ ความพอดีโดยรอบ...มีตัวอย่างที่เคยเจอมา คือ ที่วัดใหญ่แห่งหนึ่งแถวชานกทม ด้าน ต.อ.
มีชีพราหมณ์และชีศีรษะโล้นมาบวชตลอดปี จำนวนมาก ชีสองพวกนี้ จะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ได้ยินชีศีรษะโล้นจับกลุ่มวิจารณ์ชีพราหมณ์ ต่างๆนานาด้วยความ
ไม่พอใจ ชีโล้นกล่าวขึ้นว่า "จะไปเอาอะไรกับพวกนั้น ยังยึดติดอยู่เลย สู้พวกเราก็ไม่ได้ สละแล้ว ผมยังโกนทิ้งออกจากหัวได้" เราได้ยินอยู่ก็นึกว่า เราเห็นผู้ ญ โกนหัว
กันทั่วไป พวกคนไข้เป็นมะเร็ง หรือพวก ญ ฝรั่ง ทั่วโลก เค้าก็โกนหัวกัน ไม่เห็นเค้าจะยกตนข่มท่านว่า เค้าดีกว่าใคร เค้าไม่ยึดติด สละแล้วซึ่งผมบนหัว
....มองกระจกเพียงด้านเดียว ก็ทำให้หลงได้....
ธรรมะดีๆ อย่างนี้ ย่อมคู่ควรกับเว็ปธรรมะดีดี อย่าง dhammajak.net แห่งนี้ คนดีหายาก เว็ปดีดี อย่างนี้ก็หายาก มีค่ายิ่งนัก
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
มีตาก็ดูเอาก็แล้วกันสหายธรรมที่เคารพ ในเว็ปบอร์ดธรรมะ ทั่วๆไป
พวกมันรวมตัวกันเหมือนกำไม้ไผ่ องค์กรเป็นปึกแผ่น แต่ศิษย์วัดอื่นๆ(รวมวัดป่าด้วย) จะมีเครือข่ายดีดีกับเค้ามั่ง ดันถูกแทรกถูกป่วน
ไม่เป็นขบวน พวกพาลบุกเวปบอร์ดและควบคุมทิศทางการสื่อธรรมะในเวบบอร์ดของทุกเวปธรรมะไว้ได้ให้เป็นแบบdinosaur ไดโนเสาเล่นเน็ท
คนมีใจ มีไม่ถึงสิบท่านที่กล้าตอบคำถามแบบผู้รู้ผู้มีปัญญา เป็นสัมมาทิฐิ เต็มใจมีส่วนร่วมในการรักษาพระพุทธศาสนา นอกนั้น โง่กระบือเรียกพี่ เพราะ....
ญ ไม่มีใจ ช ก็เดี้ยง ชาวพุทธะไอที ไม่มีใจที่จะ สนับสนุนกะทู้ ดีดี พระพุทธศาสนา ก็อาจตกต่ำ เริ่มจากในเว้ปนั่นแหละ
พิมพ์ชีทธรรมะพระพุทธองค์ไปเดินแจกฟรีแถวตลาดสีมุมเมือง ได้กุศลเป็นเครดิตที่สวรรค์ต้องบันทืกฉันใด เห็นกะทู้ดีดีความเห็นดีดี ถูกดิสเครดิตอย่างหน้าด้านๆแล้ว
ผู้อ่านไม่นิ่งดูดายส่งความเห็นมาช่วยหนับหนุน ก็ได้กุศล เช่นนั้นไม่น้อยกว่ากันเลย แต่ง่ายกว่า แค่ปลายนิ้วคลิ๊ก ไม่ต้องไปเดินเหนื่อยตามตลาด
เทพแห่งสวรรค์เค้าส่งตากล้องเทวดา มาบันทีกภาพการตอบกระทุ้ธรรมะอย่างกล้าหาญตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือน ของท่านไว้หมดแล้ว ได้เครดิตไปเต็มๆ
พลังเงียบอ่านอย่างเดียว เท่ากับเป็นการนิ่งดูดายทอดธุระ เหล่าพาลก็ฉวยโอกาสทำงานกันอย่างเต็มที่
การปล่อยปละละเลย กับการปล่อยวาง เป็นคนละเรื่อง....การมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่สุจริตใจ เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคมส่วนรวมแล้ว ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยวางกันไป
เช่นนั้น คือ การปล่อยวาง (ไม่ต้องเข้ามาตอบ ค.ห.นี้ ก.ท .นี้ ก็ได้ เพราะยังไงๆเท่าที่เห็น กระทู้นี้ก็เหมือนกะเป็นแตงเถาตายอยู่แล้ว)
เล่าไปเรื่อยยย ...นะเรา ...แล้วจะมีใครเห็นด้วยมั่งมั๊ยเนี่ย อิ อิๆๆๆ เอิ๊กกก!! |
|
|
|
|
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
|