Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ตายแล้วไปไหนกัน อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
พร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ค.2005, 7:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ท่านผู้รู้กรุณาตอบด้วยค่ะ ว่าคนที่ตายแล้วไปไหน บางคนฝันถึงญาติที่ตายแล้ว มาบอกว่าตัวเองยังไม่ตาย ทำให้ผู้ที่อยู่รู้สึกเป็นทุกข์ ว่าในเมื่อผู้ตายมาบอกว่ายังไม่ตาย แล้วผู้ตายไปไหน มีทุกข์สุขอย่างไร คนที่อยู่ต้องทำอย่างไรบ้าง บางคนบอกว่าตายแล้วไปเกิดเลย แล้วทำไมถึงต้องมาเข้าฝันคนนั้นคนนี้ เพราะเมื่อเรารู้ว่าคนยังฝันถึงอยู่ก็เข้าใจว่าเขามีความทุกข์ ตายแล้วไม่ได้ไปไหน จะกินอย่างไร อยู่อย่างไร ร่างก็ไม่มีแล้ว ทำบุญไปให้ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับหรือปล่าว รู้สึกเกิดความทุกข์ ขอท่านผู้รู้กรุณาตอบด้วยนะคะ จะได้นำไปปฏิบัติ เพื่อผลบุญจะได้ส่งให้ผู้ตายมีความสุข
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ค.2005, 8:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมไม่ใช่ผู้รู้หรอกนะครับ แต่เคยได้ยินได้ฟังผู้รู้ท่านผู้พูดมา ก็นำมาบอกเล่าเก้าสิบสู่กันฟัง คนเราตายแล้วไปไหน หากอ้างอิงถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในข้อแรกเลยของมรรคมีองค์ 8 (หนทาง 8 ประการนำชีวิตไปสู่ความสุข) คือ สัมมาทิฐฐิ มีความเห็นที่ถูกต้อง(เกี่ยวกับโลกและชีวิต) และหนึ่งในความเห็นที่ถูกต้องนั้น คือ เห็นว่า โลกนี้มี และโลกหน้ามี ซึ่งโลกหน้านี้เราเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า "ปรโลก" ครับ

คนเราตายแล้ว ต้องไปปรโลกทุกคน ครับ ยกเว้นพระอรหันต์ผู้หลุดพ้น จะไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ตายแล้วก็ไปสู่นิพพาน (สุขอย่างยิ่ง ไม่กลับเป็นทุกข์อีก)

โดยทั่วๆ ไป คนที่สร้างบุญหรือบาปมากๆ ตายแล้ว จะไปสวรรค์หรือนรกทันที ก็จะรู้แน่ชัดว่าตัวเองตาย แต่สำหรับผู้ที่ทำบุญปนบาปมา จิตใจยังไม่ผ่องใสหรือเศร้าหมองเต็มที่ ตายแล้ว มักจะไม่รู้ว่าตนเองตายในตอนแรก บางทีก็อยู่ ณ ที่ตาย บางที่ก็วนเวียนไปหาญาติมิตร ครอบครัว แต่จะเริ่มสงสัย ไม่แน่ใจว่าตนเองตายจริงหรือไม่ ทำไมคุยกับใครไม่มีใครรู้เรื่อง ถึงตอนนี้ หลายๆ คนจะเริ่มรู้ว่าตนเองตายครับ ถ้าคนที่ไม่ได้ศึกษาความรู้เรื่องนี้มาก็จะทำอะไรไม่ถูก เมื่อครบ 7 วัน เจ้าหน้าที่ยมโลกจะมารับตัวไปพิพากษาคดี แต่ถ้าคนที่ศึกษามา พอเขารู้ว่าตัวเองตาย เขาจะเริ่มนึกถึงบุญที่เคยทำมา แล้วกายละเอียดก็จะสว่างขึ้น พอสว่างเต็มที่ก็จะได้ขึ้นสวรรค์ เป็นต้นครับ

ทีนี้การฝันว่าผู้ตายมาบอกว่ายังไม่ตาย ก็มี 2 กรณีคือ 1. ความรู้สึกผูกพัน ทำให้เก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะไป กับ 2. ผู้ตายยังคิดว่าตนเองยังไม่ตายครับ แต่น่าจะเป็นแค่ตอนเริ่มต้นตายใหม่ๆ เท่านั้น

สำหรับการทำบุญอุทิศส่วนบุญไปให้ โบราณท่านว่า ให้ทำบุญ 7 วัน 50 วัน 100 วัน ครับ คำพูดของคนโบราณมีความหมายนะครับ ไม่ได้พูดไปอย่างงั้นๆ เอง



ทำบุญ 7 วัน นี่หมายถึง ระยะเวลาที่รอเจ้าหน้าที่มารับตัวไปยมโลกครับ ซึ่งโดยปรกติจะอยู่ในช่วงภายใน 7 วันหลังจากตาย ถ้าทำบุญให้ช่วงนี้ บางทีบุญชิงช่วงผู้ตายไปดีได้ก่อนเจ้าหน้าที่มารับตัวไปพิพากษาก็มีเหมือนกัน

ทำบุญ 50 วัน นี่หมายถึง ระยะเวลาหลังจากที่เจ้าหน้าที่รับตัวไปแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างทางเข้าคิดจะไปเข้าเฝ้าพญายมราช ถ้าทำบุญให้ช่วงนี้ ก็ยังมีสิทธิ์ช่วยได้มากๆ เหมือนกันครับ

ทำบุญ 100 วัน นี่หมายถึง ระยะเวลาตอนที่มาถึงหน้าพญายมราชแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างการพิพากษาครับ

แต่ถึงแม้ถ้าผู้ตายทำบาป หรือบุญมามากๆ บุญบาปดึงดูดไปเลย ไม่ต้องผ่านการพิพากษาก็ควรจะต้องทำบุญไปให้ผู้ตายครับ เพราะถ้าเขาอยู่ในสภาพที่รับบุญได้ ก็จะรับบุญได้ทันที แต่ถ้าไม่อยู่ในสภาพที่รับได้ บุญนั้นจะไปรอคอยจังหวะที่เหมาะสมครับ เช่น พ้นโทษขึ้นมาแล้ว ก็ได้รับบุญ เป็นต้นครับ



 
ต้นรัก
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ค.2005, 6:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธสอนว่า เมื่อตายแล้วจะต้องไปเกิดในภพภูมิที่ต่างกัน



- อาจไปเกิดเป็นเทวดา

- อาจไปเกิดเป็นมนุษย์อีก

- อาจไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน

- อาจไปเกิดเป็นสัตว์นรก ( อสูรกาย )

- อาจไปเกิดเป็นเปรต



ไปเกิดในสถานที่เหล่านี้ ที่มีความแตกต่างเพราการกระทำของตนเอง

 
ลุงสุชาติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ค.2005, 2:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนากับคำตอบในกระทู้ที่ ๒ สัตว์โลกที่จะได้รับบุญกุศลที่ลูกหลานญาติพี่น้องทำอุทิศให้ได้แก่ เปรคประเภท ๑ เท่านั้น ถ้าเกิดมาเป็นคน สัตว์ดิรัจฉาน เปรตประเภทอื่นๆ อสูรกาย สัตว์ในอบายภูมิทั้งปวง เทวดา และพระพรหมจะไม่ได้รับส่วนกุศลนั้น
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ค.2005, 5:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พอดีผมมีข้อมูลมาเหมือนกันครับว่า เทวดาก็รับส่วนบุญได้ ถ้าเขาอนุโมทนาครับ



จากวินัยปิฏก มหาวัคค์ พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฎ เล่ม 7 หน้า 116 กล่าวถึง เทวดาย่อมรักษาผู้ที่อุทิศบุญไปให้ โดยเนื้อเรื่องพูดถึง มหาอำมาตย์ 2 คน คือ สุนีธะ และวัสสการะ ได้สร้างพระนครเพื่อป้องกันข้าศึกรุกราน เสร็จแล้วได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้า แล้วอุทิศบุญกุศล พระพุทธเจ้า ตรัสอนุโมทนาว่า

"เมื่อบัณฑิตเลี้ยงดูผู้ประพฤติพรหมจรรย์ และอุทิศทานนั้นแก่เทวดา เทวดาเหล่านั้นยอ่มบูชาตอบ ย่อมอนุเคราะห์บัณฑิตดุจมารดาอนุเคราะห์บุตร ฉะนั้น คนที่เทวดาอนุเคราะห์แล้ว ยอ่มพบเห็นแต่สิ่งที่เจริญทุกเมื่อ"



อีกตัวอย่างหนึ่ง จาก นันทมาตาสูตร อยู่ในพระไตรปิฏก ฉบับมหามกุฏ เล่ม 37 หน้า 146 ครับ เนื่อเรื่องก็มีอยู่ว่า วันหนึ่ง นันทมารดา (อริยบุคคล) ลุกขึ้นสวดมนต์แต่เช้าตรู่ ท้าวเวสสวัณ (หนึ่งในท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 ปกครองพวก ยักษ์) ผ่านมาจึงเปล่ง "สาธุ อนุโมทนาบุญกับนาง" นางบอกว่า ขอบทสวดมนต์นี้ เครื่องต้อนรับท้าวเวสสวัณ ท้าวเวสสวัณ จึงแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ กำลังเดินทางผ่านมาทางนี้ ยังไม่ได้ฉันภัตตาหารเช้า ขอให้นางถวายภัตตาหาร แล้วอุทิศบุญให้กับท่าน(ท้าวเวสสวัณ) เป็นเครื่องต้อนรับด้วย

 
ล็อต
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 07 พ.ค. 2005
ตอบ: 10

ตอบตอบเมื่อ: 19 พ.ค.2005, 9:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมว่าความคิดเห็นข้อ 1 กับข้อ 2 คล้ายกันครับ ไม่แน่ใจครับ

ยังไงต้อง ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยสอน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
นายประแจ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2005, 1:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธเจ้าสอนว่า...อย่าเชื่อเพราะฟังเขาเล่ามา...ต้องพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตนเอง...แต่ถ้าการพิสูจน์นั้นไม่ได้ส่งเสริมให้เราพ้นทุกข์ .. ไม่ได้ส่งเสริมให้เราไปนิพพาน...ก็อย่าเสียเวลาไปพิสูจน์เลย
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง