Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ขบวนการ อหิงสา ของมหาตมะ คานธี (ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
TU
บัวทอง
เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589
ตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2008, 3:05 pm
ขบวนการ อหิงสา ของมหาตมะ คานธี
โดย ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์
มหาตมะ คานธี (ค.ศ.1869-1948)
เป็นนามที่กล่าวขวัญกันทั่วโลกในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 เมื่อท่านสามารถนำประชาชนอินเดียทั้งประเทศเข้าต่อสู้กับจักรวรรดิอันเกรียงไกรของอังกฤษได้สำเร็จ ด้วยวิธีการที่ชาวตะวันตกคาดไม่ถึง สามารถเรียกร้องเอกราชกลับคืนสู่ประเทศและศักดิ์ศรีกลับคืนสู่ประชาชน ด้วยหลักการแห่ง
อหิงสา คือ ความไม่เบียดเบียน
อารยธรรมทางด้านจิตใจของชาวเอเชีย ได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเด่นชัดว่าอยู่เหนืออารยธรรมทางด้านวัตถุอันพรั่งพร้อมด้วยสรรพาวุธของชาวตะวันตก
ด้วยอำนาจแห่งสัจจะและความรักเท่านั้นที่ปัญหาของมนุษยชาติจะอาจแก้ไขให้ลุล่วงไปได้
หลักการพื้นฐานที่ มหาตมะ คานธี ใช้ก็คือ
อหิงสา (ความไม่เบียดเบียน, ความไม่รุนแรง)
คานธีเชื่อว่าในส่วนที่ลึกที่สุดนั้นมนุษย์มีคุณธรรมและความจริงซ่อนอยู่ในตัว
ท่านอธิบายว่าเราอาจจะเคยได้ยินคนที่ปฏิเสธพระเจ้า (God) แต่เราจะไม่ได้ยินคนที่ปฏิเสธความจริง (Truth)
แม้แต่บุคคลที่เลวที่สุดหรือโง่ที่สุดก็ยังมีความจริงบางอย่างอยู่ในตัวของเขา เราทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งความจริงสากลของธรรมชาติทั้งหมด
ด้วยการปฏิบัติแบบ อหิงสา ความจริงหรือคุณธรรมในตัวของมนุษย์จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในจิตสำนึก และไม่ว่ามิตรหรือศัตรูก็จะกลายเป็นบุคคลที่รักความจริงและความเป็นธรรมในที่สุด ถ้าเป็นมิตรก็จะเป็นมิตรที่ดียิ่งขึ้น ถ้าเป็นศัตรูก็จะค่อยๆ เปลี่ยนท่าทีจากศัตรูกลายเป็นมิตรในที่สุด คานธีมีความเชื่อมั่นในมนุษยชาติมาก ว่ามนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว หากได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะกลายเป็นคนดีขึ้นมาได้ทุกคนไม่มียกเว้น
ดังนั้น การใช้ความรุนแรง การประหัตประหาร หรือสงคราม จึงถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ เพราะเท่ากับเป็นการสิ้นหวังในมนุษยชาติ เป็นการทำลายคุณธรรมและความจริงที่ซ่อนอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน และเป็นการปลุกธรรมชาติฝ่ายต่ำของมนุษย์ให้แสดงพละกำลังออกมา อันกลายเป็นการจองล้างจองผลาญไม่มีที่สิ้นสุด
วิธีที่จะเอาชนะความชั่วจึงไม่ได้อยู่ที่การทำลายคนชั่ว แต่อยู่ที่การเปลี่ยนจิตใจของคนชั่วโดยไม่ทำความชั่วตอบ
คานธีได้ย้ำเตือนอยู่เสมอว่า ให้เกลียดชังความเลวแต่อย่าเกลียดชังคนเลว เพราะทุกคนมีโอกาสกลับตัวเป็นคนดีได้เสมอ
หลักสำคัญที่คานธีถือปฏิบัติในเรื่อง อหิงสา ก็คือ การยอมทนทุกข์เพื่อชำระจิตใจของตัวเองและเปลี่ยนจิตใจของผู้ที่ทำผิด คานธีได้อดอาหารนับจำนวนครั้งไม่ถ้วนในชีวิต เมื่อเห็นผู้ร่วมงานใช้วิธีการรุนแรงหรือกระทำผิด ด้วยความเสียสละและการยอมทนทุกข์ของคานธี ผู้กระทำผิดได้สำนึกกลับตัวเสียใหม่ คานธีถือว่าการอดอาหารเป็นการชำระจิตใจของตนเองให้บริสุทธิ์ และเป็นการชำระจิตสำนึกของส่วนรวมให้บริสุทธิ์ด้วย
ในการปฏิบัติสิ่งที่เรียกว่า การทดลองของข้าพเจ้ากับความจริง คานธีได้ทำการทดลองทั้งในเรื่องของชีวิต สังคม และการเมือง ตามแนวทางแห่ง อหิงสา ในการทดลองเกี่ยวกับชีวิต คานธีได้ฝึกหัดควบคุมตนเองอย่างเคร่งครัดที่สุด ทั้งในด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม สิ่งของเครื่องใช้ ยารักษาโรค ตลอดทั้งการรักษาพรหมจรรย์ และการไม่เบียดเบียน โดยใช้ชีวิตของตนเองและชีวิตของคนที่ท่านรักที่สุดเป็นเดิมพัน เพื่อแสวงหาความจริงหรือสัจจะในภายใน ท่านกล่าวว่า สำหรับข้าพเจ้านั้น ความรักที่บริสุทธิ์คือกฎเกณฑ์ทั้งหมดในชีวิตของข้าพเจ้า
สำหรับการทดลองเกี่ยวกับสังคมนั้น คานธีได้ตระหนักถึงปัญหาความขัดแย้งในด้านอุดมการณ์ระหว่างทุนนิยมและสังคมนิยม อีกทั้งปัญหาเทคโนโลยีกับคุณค่าและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ คานธีได้ให้ทางออกที่เป็นกลางตามแนวทางแห่ง อหิงสา ที่ท่านใช้ปฏิบัติอย่างได้ผลตลอดชีวิตของท่าน คานธีกล่าวว่า และเมื่อข้าพเจ้ารู้ว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงถูกค้นพบบ่อยครั้งมากกว่าในหมู่คนที่ต่ำที่สุด... ความปรารถนาของข้าพเจ้าจึงอยู่ที่การได้รับใช้ชนชั้นที่ถูกกดขี่ และเมื่อข้าพเจ้าไม่สามารถให้การรับใช้นี้ได้โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ข้าพเจ้าจึงพบตนเองอยู่ในวงการเมือง... ข้าพเจ้าเป็นเพียงผู้รับใช้ที่กำลังต่อสู้ดิ้นรน... ของอินเดีย และของมนุษยชาติ
ส่วนการทดลองเกี่ยวกับการเมืองนั้น คานธีได้ใช้วิธีการของ
สัตยาเคราะห์ (Satyagraha) เป็นอาวุธทางการเมือง
สัตยาเคราะห์คืออาวุธแห่งสัจจะและความรัก ความเคลื่อนไหวที่เรียกว่า สัตยาเคราะห์ เป็นการทดลองความจริงทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุดของคานธี ขบวนการสัตยาเคราะห์จะยึดมั่นอยู่แต่ในหลักแห่ง
อหิงสธรรม
จะอุทิศตนและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและความยุติธรรม
มหาตมะ คานธี ยอมรับว่า มนุษยชาติยากที่จะพัฒนาไปถึงภาวะที่ปราศจากความขัดแย้ง หรือแม้แต่ภาวะที่ความขัดแย้งจะได้รับการแก้ไขโดยไม่ต้องใช้กำลัง คานธีพยายามค้นหาวิธีการอื่นที่จะมาใช้แทนสงคราม วิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงและไม่ทำให้ความเป็นมนุษย์ต้องตกต่ำลง ด้วยความมุ่งหมายอันนี้ทำให้ท่านเสนอหลัก สัตยาเคราะห์ ขึ้น โดยใช้จริยธรรมขั้นสูงมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ
ตามตัวอักษรแล้วคำว่า สัตยาเคราะห์ หมายถึง การยืนหยัดอยู่ในหลักแห่งความจริง
สมมติฐานเบื้องต้นของสัตยาเคราะห์ก็คือ ไม่มีใครค้นพบสัจธรรมโดยถ่องแท้ทุกแง่ทุกมุม ดังนั้น ใครก็ตามย่อมไม่มีสิทธิยัดเยียดสัจธรรมในบางแง่มุมที่ตนยึดถืออยู่ให้แก่ผู้อื่น อย่างไรก็ตาม เป็นสิทธิและหน้าที่ของบุคคลนั้น ที่จะสามารถดำเนินชีวิตตามทรรศนะของตนเองและต่อต้านในสิ่งที่เขาเห็นว่าผิด
นักสัตยาเคราะห์ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ต่อระบบของสังคมที่ไร้ความเป็นธรรม ขณะเดียวกันก็จะสร้างวิถีชีวิตขึ้นมาใหม่ในลักษณะที่เห็นว่าถูกต้องเป็นธรรม ดังนั้นสัตยาเคราะห์จึงมองได้สองแง่ แง่หนึ่งได้แก่การสร้างสรรค์ อีกแง่หนึ่งได้แก่การต่อสู้คัดค้านอย่างสงบต่อความไม่ถูกต้องทั้งปวง
ในการคัดค้านต่อต้านดังกล่าว นักสัตยาเคราะห์จะเผชิญกับความรุนแรงทุกชนิดที่
ฝ่ายตรงข้าม
อาจกระทำต่อเขาด้วยความอดทนและด้วยความกล้าหาญ แต่จะไม่ถือว่าฝ่ายตรงข้ามเป็น
ศัตรู
จุดมุ่งหมายสำคัญก็คือ การเปลี่ยนจิตใจของฝ่ายตรงข้ามมากกว่า สำหรับพวกเขาแล้วจะไม่มีคำว่ามิตรหรือศัตรู ทุกคนอยู่ในครอบครัวของมนุษยชาติเดียวกันทั้งหมด
ในสงครามหรือการประหัตประหาร ผู้ที่มีความรุนแรงเหนือกว่าจะหยิบยื่นความจริงเพียงแง่มุมเดียวให้แก่บุคคลอื่น ชัยชนะไม่จำเป็นต้องหมายความว่า ผู้ชนะจะเป็นฝ่ายถูกต้องชอบธรรมมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง แม้ว่าผู้ชนะมักจะอ้างเช่นนี้เสมอก็ตาม ความสามารถในการสู้รบในสงครามเป็นคนละเรื่องกับความถูกต้องชอบธรรม และเกือบจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย
นักสัตยาเคราะห์ไม่เพียงแต่จะพยายามดำเนินชีวิตในขอบข่ายแห่งสติปัญญาของตนเองเท่านั้น แต่ยังพยายามที่จะยอมรับอะไรก็ตามที่ถูกต้องและยุติธรรมในทรรศนะของฝ่ายตรงข้ามด้วย ดังนั้น สัตยาเคราะห์จะไปลงเอยที่เมื่อฝ่ายที่ขัดแย้งกันนั้น ได้บรรลุถึงข้อสรุปที่สามารถรวมเอาสิ่งที่ถูกต้องจากทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน ไม่มีการแพ้หรือชนะ
จะมีก็แต่เพียงความถูกต้องที่ทั้งสองฝ่ายตกลงเห็นพ้องต้องกัน
ขณะเดียวกันสถาบันหรือแบบแผนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าผิดในระหว่างความขัดแย้ง ก็จะถูกขจัดออกไป ตลอดชีวิตของคานธี ท่านพยายามรวบรวมมวลชนชาวอินเดียในอันที่จะ
ปฏิบัติการร่วมกันเพื่อต่อต้านโดยสันติวิธี
เพื่อว่าประชาชนเหล่านั้นจะสามารถร่วมกันขจัดข้อบกพร่องต่างๆ ที่มีอยู่อย่างมากมายในชีวิตทางสังคมและการเมือง
ในปี ค.ศ.1945 เมื่อญี่ปุ่นถูกทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมาและเมืองนางาซากิ คานธีรู้สึกสลดใจเป็นอย่างยิ่งต่อโศกนาฏกรรมอันมหันต์ที่มนุษย์ได้ก่อขึ้น โดยกล่าวว่า
โศกนาฏกรรมอันใหญ่หลวงจากการทิ้งระเบิดปรมาณู จะต้องมิใช่แก้ไขด้วยการทิ้งระเบิดปรมาณูโต้ตอบ เช่นเดียวกับที่ความรุนแรงต้องมิใช่แก้ไขด้วยความรุนแรง มนุษยชาติจะต้องขจัดความรุนแรงด้วยสันติวิธี ความเกลียดชังจะต้องถูกขจัดออกไปด้วยความรักเท่านั้น
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
กล่าวถึงมหาตมะ คานธี ว่า เป็นผู้นำของประชาชนโดยไม่ต้องอาศัยอำนาจจากสิ่งภายนอก... เป็นนักต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ผู้ตำหนิการใช้กำลังรบ เป็นบุคคลผู้เปี่ยมไปด้วยสติปัญญาและความอ่อนน้อมถ่อมตน ผู้มีพละกำลังคือความเด็ดเดี่ยวและความเสมอต้นเสมอปลายอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เป็นบุคคลที่อุทิศกำลังทั้งหมดเพื่อยกระดับจิตใจและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เป็นบุคคลที่เผชิญหน้ากับความก้าวร้าวโหดเหี้ยมของยุโรป ด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ธรรมดานี้เอง และทุกครั้งก็สามารถอยู่เหนือกว่า
หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ หน้าต่างความจริง โดย ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11145
_________________
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th