ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
visanu_te
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 พ.ย.2004, 3:20 pm |
|
มีคนเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า มีผู้กล่าวว่าการทำสมาธิแล้วบังเกิดความสว่างหรือเห็นแสงสว่างนั้นไม่ดี เพราะเป็นกิเลส มืดๆ จึงจะดี หลวงพ่อท่านกล่าวว่า "ที่ว่าเป็นกิเลสก็ถูกแต่เบื้องแรกต้องอาศัยกิเลสไปละกิเลส (อาศัยกิเลสส่วนละเอียดไปละกิเลสส่วนหยาบ) แต่ไม่ได้ให้ติดในแสงสว่างหรือหลงแสงสว่าง แต่ให้ใช้แสงสว่างให้ถูก ให้เป็นประโยชน์ เหมือนอย่างกับเราเดินผ่านไปในที่มืดต้องใช้แสงไฟหรือจะข้ามแม่น้ำ มหาสมุทรก็ต้องอาศัยเรือ อาศัยแพ แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วก็ไม่ได้แบกเรือแบกแพขึ้นฝั่งไป" แสงสว่างอันเป็นผลจากการเจริญสมาธิก็เช่นกัน ผู้มีสติปัญญา สามารถใช้เพื่อให้เกิดปัญญาอันเป็นแสงสว่างภายใน ที่ไม่มีแสงใดเสมอเหมือนดังธรรมที่ว่า "นัตถิ ปัญญา สมา อาภา แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี" |
|
|
|
|
|
visanu_te
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 พ.ย.2004, 3:23 pm |
|
|
|
|
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
13 พ.ย.2004, 5:49 pm |
|
|
|
|
ปุ๋ย
บัวเงิน
เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
13 พ.ย.2004, 7:27 pm |
|
พระพุทธรูปภาพแรก งดงามมากค่ะ
ธรรมะจากหลวงปู่ดู่ เป็นธรรมะที่กล่าวถึงสภาวะธรรมที่เข้าไปเห็นการทำงานของจิต การเกิดดับของจิตอย่างแท้จริง เป็นไปตามความจริงดังที่ท่านกล่าวค่ะ
สาธุค่ะ...สำหรับคุณวิษณุที่ได้หาธรรมะปฏิบัติมาโพสให้ผู้ปฏิบัติได้ศึกษากัน |
|
|
|
|
|
sa-ard
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 03 มิ.ย. 2004
ตอบ: 32
|
ตอบเมื่อ:
14 พ.ย.2004, 8:01 am |
|
สาธุครับ
ผู้มีปัญญาเห็นประโยชน์ เห็นทาง |
|
|
|
|
|
TU
บัวทอง
เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589
|
ตอบเมื่อ:
15 พ.ย.2004, 9:20 am |
|
|
|
|
สำเร็จ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 พ.ย.2004, 3:50 pm |
|
การเห็นแสงสว่างในการปฏิบัติ ท่านเรียกว่า อุปกิเลส
อุปกิเลสมีจริงๆ 10 อย่าง....มักถามกันบ่อยๆ...ถามทีละอย่าง
เป็นเครื่องชี้ว่า...เดินมาถูกทาง..ทุกคนจะต้องพบ
แต่ขึ้นชื่อว่ากิเลส..ไม่ใช่สิ่งดี..
การปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆ..จะละอุปกิเลสได้
อันนี้เป็นแนวทางปฏิบัติ...
ถ้าไม่เข้าใจ..ก็จะนึกว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษไปแล้ว..
ก็พออกพอใจ....ไม่ก้าวหน้าต่อไปได้
สุดท้ายของการปฏิบัติ...ต้องเห็นไตรลักษณ์...(เอาไว้ว่ากันอีกที)
|
|
|
|
|
|
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 พ.ย.2004, 3:57 pm |
|
อุปกิเลสทำให้หลง ทำให้ชะงัก เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นอย่างนั้น นิมิตไม่ได้เป็นอุปกิเลสทั้งหมด แต่นิมิตเป็นการรู้เห็นในภพภูมิอื่นก็มี ซึ่งมิใช่ทางหลุดพ้น แต่ได้เห็นได้รู้ก็ดี เพราะรู้เห็นแล้วคนปฏิบัติมาถึงขั้นนี้แล้วไม่หลงก้บหูทิพย์ตาทิพย์หรอก เป็นวาสนาของเขาเขาก็ย่อมเห็น คนไม่มีวาสนาก็ไม่เห็น เพราะไม่สร้างบารมีมาแต่อดีต |
|
|
|
|
|
mes
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
01 ต.ค.2008, 9:04 pm |
|
|
|
|
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
03 ต.ค.2008, 7:42 pm |
|
เห็นแสงสว่าง แล้วเราเสียสมาธิ หรือทำสมาธิได้นิ่งขึ้นล่ะ ผมก็เห็นแสงสว่าง
ประจำ แต่ไม่ได้ไปสนใจมัน ทำจิตนิ่งอยุ่ในแสงนั้น |
|
|
|
|
|
walaiporn
บัวบาน
เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
04 ต.ค.2008, 10:59 pm |
|
เป็นทั้งกิเลสและไม่เป็นกิเลส
เป็นกิเลสเพราะ เมื่อเกิดโอภาสแล้ว อยากให้เกิดอีก อยากเห็นอีก นี่เรียกว่ากิเลส เพราะมีความอยาก
แต่ถ้าหากเกิดโอภาส เห็นแล้วเฉยๆ ไม่สนใจ ไม่ให้ความหมายต่อสิ่งที่เห็น เมื่อนำมาพิจรณาก็เห็นถึงความไม่เที่ยงของโอภาสนั้นๆหรือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆ เพียงแค่ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อันนี้ก็จะไม่เป็นกิเลส เพราะไม่ได้มีความอยากให้เกิดขึ้น หรืออยากเห็น |
|
_________________ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง |
|
|
|
|