Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ผมพยามจะเข้าใจปรมัตถะ ของคำว่า "สังขาร" อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 11:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สิ่งต่อไปนี้ คือความหมายอันเป้นปรมัตถะของคำว่า สังขาร ใช่ไหมคับ



ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกแกง น้ำ กุ้ง
ปรุงจนเป็นต้มยำกุ้ง ........
- ความเป็นต้มยำคือสังขาร? (ความจวบกันอยู่ของสิ่งต่างๆ)
- หากต้มยำถูกปรุงอยู่ไกลหูไกลตาเรา เราไม่ทราบ ย่อมไม่เกิดสังขารขึ้นในจิต?
- หากเราทราบอยู่ว่ามีการปรุง และมีต้มยำอยู่ สังขารจึงเกิดขึ้นในจิต?


ต่อมาชาวต่างชาติไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นต้มยำ
- ชาวชาติคนนั้น รู้ว่ามีถ้วยชามอยู่ถ้วยหนึ่ง ภายในถ้วยมีของอยู่ ... ชาวต่างชาติรับรู้ว่ามันมีสังขารอยู่อย่างหนึ่ง
- เพียงแต่ไม่รู้ชื่อของสังขารนี้ว่า "ทม ยาม คุ้ง" ?


===========================


ผมเข้า ปรมัตถะ ของมันถูกต้องหรือยังคับ
แล้วมีสังขารประเภทไหน แตกต่างไปจากนี้ หรือควรพิจารณาอีกไหมคับ

ขอบพระคุณล่วงหน้าคับ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 1:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก็ ง่ายที่สุดเกี่ยวกับ สังขารในด้านปรมัตคือ

นายขันธ์ มีตัวตนไหม แล้วเวลาระลึกถึงแล้วทำไมมันจึงเป็นตัวเป็นตนเป็นเรื่องเป็นราว แล้วเกิดความโกรธ ความไม่พอใจขึ้น

เรื่องราวที่อยู่ในใจ ของคนโง่ นั้นแหละ สังขาร ฝังอยู่

ก่อนหน้านี้มันไม่มีเรื่องนี้ พอเป็นสงขารปรุง เป็นเรื่อง แล้วก็จดจำเอาไว้ มาปรุงครั้งต่อไป

ความโง่ เพราะไม่เท่าทัน ความจริง ก็หมายไปอย่างนั้นอย่างนี้ นึกถึงความคิดตัวเอง ตอนที่นึกเรื่องราว ที่จะไล่คนอื่น ที่จะไปแจ้งความ ที่ออกมาด่าคนอื่น นั่นแหละ สังขารจากจิตตนทั้งสิ้น 555
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 2:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ท่านคามิน...งานเข้าอีกแว้ววววววว... ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 4:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วาว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 4:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ก็ ง่ายที่สุดเกี่ยวกับ สังขารในด้านปรมัตคือ

นายขันธ์ มีตัวตนไหม แล้วเวลาระลึกถึงแล้วทำไมมันจึงเป็นตัวเป็นตนเป็นเรื่องเป็นราว แล้วเกิดความโกรธ ความไม่พอใจขึ้น

เรื่องราวที่อยู่ในใจ ของคนโง่ นั้นแหละ สังขาร ฝังอยู่

ก่อนหน้านี้มันไม่มีเรื่องนี้ พอเป็นสงขารปรุง เป็นเรื่อง แล้วก็จดจำเอาไว้ มาปรุงครั้งต่อไป

ความโง่ เพราะไม่เท่าทัน ความจริง ก็หมายไปอย่างนั้นอย่างนี้ นึกถึงความคิดตัวเอง ตอนที่นึกเรื่องราว ที่จะไล่คนอื่น ที่จะไปแจ้งความ ที่ออกมาด่าคนอื่น นั่นแหละ สังขารจากจิตตนทั้งสิ้น 555


นายขันธ์มีตัวตนแน่นอน

แต่เดี๋ยวนี้มีแต่ ขัน

ตัวตนจึงหายไป

เหลือแต่ ขัน ที่แปลว่าขำ

เป็นทั้งสัญญา สังขาร เวทนา

สัญญาคือจำได้ว่า อากัปกริยาอย่างนี้น่าชวนหัวเราะ น่ารักดี

สังขาร ก็ปรุงแต่งอารมณ์ให้ไปในทางขำขันมากกว่าโกรธเกลียด คือไม่โกรธอีก

เวทนา หัวเราะแล้วก็มีความสุข

ขอบคุณ คุณขันธ์


มาช่วยคลายเครียดก็ไม่บอก

เราก็ตระกูลชวนยิ้มเหมียนกัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 4:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อันนี้เป็นวิชาการ

คุณคามินธรรม

ผมว่าปรมตถ์ของสังขารคือนิพพานครับ

สังขารอยู่ในขันธ์๕

รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญา

เป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

ต้มยำกุ้ง ยังเป็น โลกียธรรมครับ

ต้องแยกธาตุต้มยำกุ้งจึงจะเป็นปรมัตถุ

ในที่สุดจะเหลือแค่เหตุปัจจัย

ต้มยำกุ้งหายครับ



ผิดงานหรือเปล่าไม่รู้

เป็นเพียงความคิดผิดถูกก็ขออภัยด้วยครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 6:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

natdanai พิมพ์ว่า:
ท่านคามิน...งานเข้าอีกแว้ววววววว... ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน



อะไรเหรือคุณ natdanai
ผมมองไม่เห็นอะ มันเป็น โมเสค
เหมือนหนังโป๊ญี่ปุ่นอะ เบลอๆ
เลยไม่ได้สนใจ

55555555 (ขโมยมุขตาบอด)
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 6:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยังงงอยู่เลยครับคุณ mes
คือผมยังไม่รู้จักคำว่าขันธ์ดีเท่าไหร่เลย

แต่ขันธ์ประเภท you know who นี้รู้จักดีแล้ว
รู้จักจนเกิดนิพทา

55555
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 6:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ คามินธรรม ครับ

ขอแสดงความเห็นในอีกแง่นะครับ

สิ่งที่คุณกล่าวถึงในกระทู้ผมคิดว่า คือ สัญญาขันธ์
สัญญา หมายถึง ความจำได้หมายรู้

เราเห็นและรู้จักต้มยำกุ้งมาก่อน
เราก็มีสัญญาในเรื่องต้มยำกุ้งเราจึงรู้ว่าเป็นต้มยำกุ้ง
คือเราจำได้ว่าอ๋อนี้คือต้มยำกุ้งนะ

ส่วนฝรั่งเค้าไม่เคยเห็นหรือรู้จักต้มยำกุ้งมาก่อน
จึงไม่มีสัญญาในเรื่องต้มยำกุ้งครับ
พอฝรั่งเห็นต้มยำกุ้งครั้งแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
เพราะไมรู้จัก ไม่มีสัญญาในต้มยำกุ้ง

ส่วนสังขารขันธ์ หมายถึง ความคิดความปรุง
เช่น เมื่อเราเห็นต้มยำกุ้ง
เรามีสัญญาในต้มยำกุ้ง ทำให้เรารู้ว่าเป็นต้มยำกุ้ง
แล้วเราก็คิดต่อไปว่าส่วนประกอบของต้มยำกุ้ง
ประกอบด้วย กุ้ง ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฯ
ความคิดเหล่านี้คือ "สังขาร" ในเรื่องการทำต้มยำกุ้งครับ
สังขาร จึงหมายถึงความคิดความปรุง

ส่วนปรมัตถ์

สัญญาเกิดแล้วก็ดับ เช่น เห็นต้มยำกุ้งก็รู้ว่าต้มยำกุ้งก็จบ

สังขารความคิดผุดขึ้นแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ

แต่ปุถุชนสังขารความคิดเกิด แล้วไม่ปล่อยให้ดับ
ไปสัญญาในความคิดต่อ แล้วสังขารไปรับต่อจากสัญญาอีก
สัมผัสสัมพันธ์รวมไปถึงวิญญาณ และ เวทนา

เลยหาความดับไม่เจอ
คิดวันยันค่ำ คืนยันรุ่ง
แบกกองทุกข์ไม่หยุดไม่ถอย

พระอรหันต์ท่านก็มีสังขารเหมือนเรา ๆ ท่าน ๆ ครับ
แต่ท่านไม่มีอุปทาน เที่ยวยึดนั่นยึดนี่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.ย. 2008, 5:54 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบพระคุณครับคุณ guest
แล้วถ้า
==========================
แกน ล้อ เพลา คันรถ รวมกันอยู่เป็นรถ ...
รถ....เป็นสังขาร (สังขารแบบรูป)
รู้ว่าสังขารนี้.เรียกชื่อว่ารถ . ก็คือสัญญาขันธ์ (สังขารแบบนาม)

อย่างนี้หรือเปล่าคับ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.ย. 2008, 9:50 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยินดีครับ กับคำขอบคุณ

แต่ขอไม่ให้มีคำว่า "พระ" นะครับ
เราคนนับถือกันครับ

ที่คุณคามินธรรมกล่าวเรื่องส่วนประกอบของรถ
ความเห็นของผม
คิดว่าเป็นเรื่อง ส่วนหนึ่งของ"สังขารร่างกาย" ครับ

เอาเรื่องร่างกายเราดีกว่านะครับ
พิจารณาจากรถ ได้แค่อุบาย
แต่ไม่ช่วยในการถอดถอนอุปทานในขันธ์ ๕

ลอกหนังของเราออกครับ
เอาให้เห็นเนื้อแดง ๆ
แล้วปล่อยให้ที่ลอกออกกองกับพื้น
แล้วลอกเนื้อออกจากกระดูก
เลือดและน้ำเหลืองไหลกองรวมกัน
กระดูกค่อยหลุดร่วงทีละชิ้นละชิ้นกองรวมกัน
แล้วกำหนดไฟเผาทำลายเลยครับให้เหลือแต่เถ้าถ่าน
แล้วกลายเป็นฝุ่นเป็นดินหายไปไม่เหลืออะไร

พิจารณาอย่างนี้บ่อย ๆ
เมื่อพิจารณาพอแล้ว
ตัวจะเบาจิตจะเบา
ว่างไปหมดครับ

ถ้านั่งสมาธิหรือเดินจรงกรมร่วมด้วย
จะช่วยให้สติมีกำลังมากขึ้น
สมาธิกับสติจะเกื้อหนุนกันครับ

จะเกิดอุคหนิมิตเห็นกายในกาย
เห็นเหมือนตาเนื้อเห็นแต่ไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อ
แต่เห็นด้วยใจ ในนิมิต
จะเห็นร่างกายทั้งหมดทั้งนอกทั้งใน

หลวงปู่มั่นท่านให้กำหนดนิมิตให้ได้
ให้เป็นปฏิภาคนิมิต
ลอกเนื้อลอกหนัง
ให้เหลือกองกระดูกแล้วทำลาย
เหมือนการพิจารณากายขั้นต้น
พิจารณากลับไปกลับมา

ปฏิภาคนิมิตนี่ล่ะครับ
จะเป็นการสอนจิตให้ถอดถอนจากรูปขันธ์ครับ
ถอดถอน กามราคะ ปฏิคะ

เห็นรถ จำได้ว่าคือรถ เป็นสัญญาครับ
สัญญาหมายถึง ความจำได้หมายรู้

ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ฯ
และ รูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น
รวมกันเป็น "สังขารร่างกาย" ครับ
หรือขันธ์ ๕ ทั้งหมดรวมกันเป็น "สังขารร่างกาย"
เป็นทั้งรูปธรรม และ นามธรรม

ส่วน "สังขารขันธ์" ในขันธ์ ๕ ก็อีกความหมายครับ
หมายถึงความคิดปรุงแต่ง เป็นนามธรรมอย่างเดียว

เหล็ก ล้อ เพลา ฯ เป็นส่วนหนึ่ง สังขารร่างกายของรถครับ
มีแต่รูปธรรม
ไม่มีนามธรรมครับ(ไม่มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.ย. 2008, 2:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณคับคุณ guest

เดี่ยวผมขอช่วยตัวเองใหม่อีกรอบก่อนละกันนะคับ
ขอศึกษาให้มันมากๆกว้างๆ เอาใหม่ดีๆก่อน
จะได้ไม่รบกวนในเรื่องรายละเอียดมากคับผม


สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.ย. 2008, 9:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ คามินธรรม ครับ

ถ้าผิดหรือถูกยังไง ก็ขอ อภัยด้วยนะครับ

ผมอาจจะตอบมั่วไปหน่อย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.ย. 2008, 9:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมงงศัพท์น่ะคับ
คิดว่าเข้าใจ เอาเข้าจริงมีอะไรยุบยิบไปหมด ยิ่งคิดยิ่งงง

เลยคิดว่าต้องลองตั้งหลักใหม่
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ย. 2008, 10:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุค่ะคุณ guest สาธุ
อธิบายโดยอุปมาได้ละเอียดดีจังค่ะ

คุณน้องคามิน ลองอ่านจากกระทู้นี้เพิ่มเติมดูนะคะ
อาจทำให้ความเข้าใจในศัพท์บัญญัติกระจ่างขึ้นค่ะ ยิ้ม

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้

สังขาร : อ สุชีพ ปุญญานุภาพ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=18013
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ย. 2008, 10:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณพี่ กุหลาบสีชา ครับ

ขอบคุณครับคุณพี่

ขอเรียกคุณพี่แล้วกันนะครับ
ผมอายุประมาณ 30 กลาง ๆ ครับ
ถ้าผิดพลาดช่วยบอกด้วยนะครับจะได้แก้ไข

ผมอ่านความคิดเห็นของคุณพี่เหมือนกันครับ
ดูแล้วอุปมาได้ชัดเจนเห็นภาพดีมากครับ
และดูนุ่มนวลมากครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ย. 2008, 11:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำว่า"เข้าใจ" .... น่าจะตรงกับคำว่า ปัญญา ในพระศาสนา???


ปัญญา มันมีหลายระดับ

1.ปัญญาจากการฟัง การอ่าน การเสวนา
2.ปัญญาจากการคิดไตร่ตรอง
3.ปัญญาจากการประจักษ์โดยภาวนาวิธี


ปัญญาจากการฟัง การอ่าน การเสวนา ที่เรียกว่า ปรโฆโตโส เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนทั่วไป เว้นแต่ พระพุทธเจ้า และ พระปัจเจก ที่ท่านอาจไม่ต้องใช้ส่วนนี้...

แต่ถ้าพูดถึง การที่จะเข้าใจปรมัตถะของคำว่า"สังขาร"ขั้นแท้จริง ก็ต้องหมายเอาข้อ3 คือ ปัญญาจากการประจักษ์โดยภาวนาวิธี หรือที่เรียกว่า สัมมาญาณะ(ญาณ) อันจะบังเกิดได้โดยโยนิโสมนสิการ(ใคร่ครวญอย่างดี)
ผู้รู้ท่านกล่าวว่า ปัญญาญาณ ในขั้นนี้ จะบังเกิดได้ ต้องมีทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์.... มีความพร้อม ในองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ ที่เรียกว่า โพชฌงค์.... หลักๆ คือ สติ สมาธิ(ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา) ปัญญา(ธรรมวิจัย วิริยะ ปิติ)...

ดังจะเห็นได้ว่า
ปัญญานั้น มีทั้งที่อยู่ในขั้นมรรค หรือ เหตุ ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ... และที่อยู่ ในขั้นผล คือ สัมมาญาณะ

ต่อเมื่อประจักษ์ถึง สิ่งที่พ้นจากปัจจัยปรุงแต่ง(วิสังขาร)เมื่อใด... เมื่อนั้นจึงได้ชื่อว่า เข้าใจปรมัตถะของสังขารอย่างแท้จริง

ท่านผู้รู้ท่านเคยกล่าวไว้เช่นนี้

ผมจำมาถ่ายทอดอีกทีหนึ่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ย. 2008, 8:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุครับคุณตรงประเด็น
สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ย. 2008, 12:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุด้วยเช่นกันค่ะคุณตรงประเด็น สาธุ

ยินดีค่ะคุณ guest ที่ได้รู้จักกัลยาณมิตรอีกท่านในนี้
คิดเสมอว่าการนับถือกันในทางธรรมคงไม่ขึ้นกับวัยวุฒินะคะ
ขอเราเป็นสหายธรรมกันดีกว่าค่ะ

เชื่อว่าเราสามารถแนะนำแลกเปลี่ยนกันได้เสมอนะคะ
เพราะตัวเองก็ยังต้องเรียนรู้ ศึกษาอีกมากเช่นกันค่ะ

กระทู้ที่ยกลิงค์มาข้างต้น
กุหลาบสีชาก็เป็นเพียงผู้นำสารจาก "ผู้รู้"
มาถ่ายทอดเช่นกันค่ะ สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ย. 2008, 1:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอคาราวะท่านตรงประเด็น

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง