Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
มหัศจรรย์ บุโรพุทโธ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993
ตอบเมื่อ: 15 ก.ย. 2008, 7:48 am
บุโรพุทโธมหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่แห่งอินโดนีเซีย
มหัศจรรย์ บุโรพุทโธ
แม้ไม่ใช่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่
มหาเจดีย์ บุโรพุทโธ หรือ โบโรบูดูร์ (Borobudur) หรือ บรมพุทโธ
ก็จัดได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในระดับน้องๆ ของสิ่งมหัศจรรย์แห่งโลก ในขณะที่ชาวอินโดนีเซียนต่างยกให้มหาเจดีย์แห่งนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์สำคัญของประเทศและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอินโดนีเซีย
จากจาการ์ต้า เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ได้เดินทางด้วยสายการบินราคาประหยัดในประเทศ (อินโดฯ แอร์ เอเชีย) มุ่งหน้าสู่สนามบินเมืองโซโล เพื่อจะเดินทางต่อด้วยรถบัสสู่
เมืองยอกยาการ์ตา (Yogyakata) หรือยอกยา
เมืองเก่าแก่ศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมชวาอันเป็นที่ตั้งของบุโรพุทโธอันลือลั่น
ปรัมบานัน เทวสถานฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย
แต่ว่าก่อนจะไปถึงยังบุโรพุทโธไฮไลท์สำคัญของทริปนี้ เราไปแวะเที่ยวที่
วิหารปรัมบานัน (Candi Prambanan)
กันก่อน
วิหารปรัมบานัน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปรัมบานัน ทางทิศตะวันออกของเมืองยอกยา ปรัมบานันเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบุโรพุทโธ เพราะเป็น
เทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย
วิหารแห่งนี้มีเทวาลัยหลักขนาดใหญ่ 3 หลังด้วยกัน คือ องค์ประธานหลังกลางที่ใหญ่ที่สุด เด่นที่สุด และสูงที่สุด (ประมาณ 47 เมตร) เป็นเทวาลัยที่สร้างขึ้นถวายแด่พระอิศวร อีก 2 หลังเล็กลงมา แบ่งเป็นเทวาลัยทิศเหนือที่สร้างถวายแด่พระนารายณ์ และเทวาลัยทิศใต้ที่สร้างขึ้นถวายแด่พระพรหม
มหาเจดีย์บุโรพุทโธ สิ่งมหัศจรรย์แห่งอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ปรัมบานันยังมีเทวาลัยขนาดเล็กรายรอบอีกร่วม 250 หลังเป็นองค์ประกอบ รวมไปถึงรูปปั้นรูปสลักอีกมากมาย ซึ่งด้วยความเก่า ความเก๋า ความขลัง ความงาม ความยิ่งใหญ่อลังการ และความสำคัญแห่งรอยอดีตในศาสนาฮินดู
ทำให้วิหารปรัมบานันได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็น มรดกโลก (World Heritage) ในปี ค.ศ. 1991
หลังซึมซับความยิ่งใหญ่อลังการของวิหารปรัมบานันกันจนถึงเวลาอันควรแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปยังบุโรพุทโธในเขต Magelan ในทันที
ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อจากนั้น ก็ได้มายืนยังบริเวณทางเข้าบุโรพุทโธที่แหงนหน้ามองขึ้นไปเห็นบุโรพุทโธที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นสง่าบนเนินดินธรรมชาติอยู่ลิบๆ...เมื่อเห็นอย่างนั้นเราก็ไม่รอช้ารีบจ้ำอ้าวก้าวเดินเข้าสู่มหาเจดีย์บุโรพุทโธอย่างไม่รีรอ
ซุ้มพระพุทธรูปมากมายที่บุโรพุทโธ
ระหว่างทางมีคนเดินสวนขึ้น-ลงเจดีย์กันขวักไขว่ ดูไม่ต่างอะไรกับงานมหกรรมย่อยๆ เลย เพราะวันนั้นเป็นวันเสาร์ จึงมีนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมบุโรพุทโธกันอย่างเนื่องแน่น ซึ่งนี่ถือเป็นการการันตีความยิ่งใหญ่ของมหาเจดีย์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
สำหรับมหาเจดีย์แห่งนี้ ไกด์ประจำบุโรพุทโธอธิบายให้ฟังว่า
นี่เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างเชิดหน้าชูตาอย่างยิ่งแห่งอินโดนีเซีย ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็น มรดกโลก (World Heritage) ในปี ค.ศ. 1991
ตามประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า บุโรพุทโธน่าจะสร้างขึ้นในระหว่าง ค.ศ. 778 ถึง ค.ศ. 850 โดยกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร์
ระเบียงภาพจำหลักบนชั้น 2
บุโรพุทโธ เป็นงานพุทธสถานแบบฮินดูชวาที่ผสมผสานศิลปะแบบอินเดียกับอินโดนีเซียให้เข้ากันได้อย่างกลมกลืนลงตัว องค์เจดีย์มีลักษณะเป็นรูปทรงดอกบัว (สื่อถึงสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา)
ส่วนแผนผังนั้นเชื่อว่าน่าจะหมายถึงคติจักรวาลและอำนาจของพระพุทธเจ้า อันได้แก่พระพุทธเจ้าผู้สร้างโลกตามคติพุทธมหายาน นอกจากนี้บุโรพุทโธยังมีความลี้ลับบางประการทั้งทางการก่อสร้างและการสื่อสัญลักษณ์ที่ ณ วันนี้ ยังรอให้นักวิชาการได้ค้นคว้าศึกษาตีความกันต่อไป
บุโรพุทโธแบ่งเป็น 3 ชั้นหลักด้วยกัน ซึ่งเปรียบเหมือนชีวิตที่แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ กามาธาตุ (กามธาตุ) รูปธาตุ และอรูปธาตุ
เอาล่ะ เมื่อรู้เรื่องราวคร่าวๆ ของมหาเจดีย์แห่งนี้แล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาลุยถั่วชมบุโรพุทโธกันแล้ว
พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์แห่งบุโรพุทโธ
จุดแรกก่อนขึ้นไปยังมหาเจดีย์ ได้เดินไปหามุมถ่ายรูปตามแสงบริเวณสนามหญ้ารอบๆ ก่อนเดินละเลียดสำรวจชมซุ้มพระพุทธรูปมากมาย จากนั้นจึงเดินหน้าต่อไปสู่มหาเจดีย์ชั้นแรก คือ กามาธาตุหรือขั้นตอนที่มนุษย์ยังผูกพันอย่างใกล้ชิดกับความสุขและความร่ำรวยทางโลก ชั้นนี้เปรียบเสมือนส่วนฐานของเจดีย์ มีภาพสลักหินนูนต่ำกว่า 160 ภาพให้เดินชมได้โดยรอบ โดยภาพที่เด่นๆ ชวนชมในชั้นนี้ก็มี ภาพวิถีชีวิตประจำวันของชาวชวา ภาพแสดงถึงบาปบุญคุณโทษ กฎแห่งกรรมต่างๆ เป็นต้น
แต่ถ้าใครอยากชมภาพสลักหินนูนต่ำอย่างหลากหลาย ขอแนะนำว่าที่ชั้น 2 หรือชั้นรูปธาตุ ที่เปรียบเสมือนขั้นตอนการหลุดพ้นจากกิเลสในทางโลกของมนุษย์เพียงบางส่วน ที่ชั้นนี้มีภาพสลักสวยๆ งามๆ บนระเบียงให้ชมกันเพียบถึง 1,400 ภาพ (ยาวทั้งหมดเกือบ 4 กม.) ภาพในชั้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นภาพพุทธประวัติที่ได้รับอิทธิพลศิลปะอินเดียในสมัยหลังยุคคุปตะ เน้นการสลักภาพบุคคลที่ดูค่อนข้างอวบอ้วนแต่แฝงความสงบอยู่ในที
นักท่องเที่ยวเดินชมเจดีย์บนชั้น 3
อนึ่งการเดินขึ้นชมบุโรพุทโธนั้นก็ว่าแค่พอเหงื่อซึมเท่านั้น ไม่ถึงกับเหนื่อยหนาสาหัส ซึ่งเมื่อเดินต่อไปก็จะสู่ชั้นไฮไลท์ในชั้น 3 หรือชั้นอรูปธาตุ ที่เปรียบเสมือนการหลุดพ้นของมนุษย์ ไม่ผูกพันใดๆ ในทางโลกอีกต่อไป
บนชั้น 3 มีฐานเป็นลานทรงกลม เจดีย์เล็กๆ 3 แถว 72 องค์รายล้อมรอบเจดีย์องค์ใหญ่ (แถวแรก 16 องค์, แถวสอง 24 องค์, แถวสาม 32 องค์) ซึ่งมีหลายคนตีความว่าอาจจะสื่อถึงการหลุดพ้นใน 3 ระดับคือ นิพพาน ปรินิพพาน และมหานิพพาน ส่วนเจดีย์องค์ใหญ่ยักษ์ตรงกลางนั้นน่าจะหมายถึงแกนจักรวาล
พระพุทธรูปอธิษฐานในเจดีย์
สำหรับเจดีย์องค์เล็กๆ จำนวนมาก บนชั้น 3 นี้ หากสังเกตดีๆ จะพบว่ามีลักษณะค่อนข้างต่างไปจากเจดีย์บ้านเรา คือเป็น
เจดีย์ยอดตัด
(ไม่ใช่ยอดแหลมเหมือนบ้านเรา) และเป็น
เจดีย์โปร่ง
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย ซึ่งถือเป็นเกราะกำบังการลักลอบตัดเศียร และการทำลายพระพุทธรูปได้เป็นอย่างดี
แต่กระนั้นก็มีเจดีย์อยู่ 2 จุด ที่พังทลายไปเผยให้เห็นองค์พระพุทธรูปภายใน ซึ่งตอนหลังกลายเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยวไป ส่วนเจดีย์อีก 1 องค์ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ เจดีย์ที่เรียกว่า
เจดีย์พระพุทธอธิษฐาน
เพราะในเจดีย์องค์นั้นจะมีพระพุทธรูปที่ชาวอินโดฯ เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ สามารถลูบคลำอธิษฐานขอพรให้สมหวังได้ ส่วนใครเจ็บไข้ได้ป่วยตรงส่วนไหนของร่างกายก็ให้ลูบคลำตรงส่วนนั้น ซึ่งก็ทำให้พระพุทธรูปองค์นี้เริ่มเป็นมันเลื่อมๆ แล้ว เพราะมีคนมาลูบขอพรกันเป็นประจำ
นี่แหละความเชื่อความหวัง ไม่ว่าชาติไหนในโลกก็มีเหมือนกันทั้งนั้น
บุโรพุทโธตั้งอยู่บนเนินธรรมชาติ สามารถมองลงไปเห็นวิวรอบข้างได้ชัดเจน
อ้อ!!! มีอย่างหนึ่งบนบุโรพุทโธที่อาจดูขัดตาชาวพุทธอย่างเราๆ ท่านๆ นั่นก็คือ การที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั้งชาวอินโดนีเซียนและชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวพุทธ ต่างปฏิบัติต่อองค์พระพุทธรูปเหมือนรูปปั้นทั่วไปไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างที่เรานับถือ แต่หากมองด้วยใจเป็นธรรมนั่นเป็นเพราะประชากรอินโดนีเซียนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม (ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็นับถือศาสนาอื่น) นอกจากนี้หากเรานำหลักคิดแบบพุทธมาเป็นแนวทาง สิ่งที่เราเห็น ณ เบื้องหน้านี้ต่างเป็นสิ่งสมมติทั้งสิ้น
ส่วนถ้าใครมองโลกด้วยความเป็นจริงก็จะพบว่ามีบางสิ่งควรให้การยกย่องต่อชาวอินโดฯ ไม่น้อยเลย เพราะแม้ว่าส่วนใหญ่ชาวอินโดฯ จะเป็นมุสลิม แต่ว่าพวกเขา (เท่าที่ได้สอบถามจากนักท่องเที่ยวหลายๆ คน) ต่างก็ภาคภูมิใจในพุทธศาสนาสถานแห่งนี้ ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังได้ดูแลรักษามหาเจดีย์บุโรพุทโธให้อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดี
ในขณะที่บ้านเราที่เป็นเมืองพุทธ แต่กลับปรากฏว่านับจากอดีตถึงปัจจุบันยังคงมีข่าวการทำร้าย ทำลาย พุทธศาสนสถานและศาสนสถานอื่นๆ อยู่เสมอมา อา...เพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น!?!
มหาเจดีย์ บุโรพุทโธ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บุโรพุทโธ (Borobudur)
เป็นศาสนสถานสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ของอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในเมืองยอกยาการ์ตา อู่วัฒนธรรมแห่งชวา ที่นอกจากปรัมบานันและบุโรพุทโธแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ ภูเขาไฟเมอร์ราพี, Kraton หรือวังสุลต่าน, วังตามันซารี ส่วนเมืองโซโลที่อยู่ใกล้เคียงนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองบาติก (ปาเต๊ะ) ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก อินโดฯ ใช้เงินสกุลรูเปีย มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 บาท ประมาณ 250-300 รูปเปีย (ตามการขึ้นลงของค่าเงิน) เทียบเวลาตรงกับเมืองไทย ทั้งนี้ผู้สนใจข้อมูลท่องเที่ยวเกี่ยวกับอินโดนีเซียสามารถสอบถามได้ที่ สถานทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย โทรศัพท์ 0-2252-3135-9
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 มิถุนายน 2551 16:00 น.
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 20 ก.ย. 2008, 3:27 pm
งดงามมากครับ
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th