ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
เทพผู้กล้า
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
08 เม.ย.2005, 12:23 pm |
  |
ทำไมคนทั่วๆไปจึงชอบ เรื่องเหนือธรรมชาติ เรื่องมหัศจรรย์ ฯลฯ ซึ่งเท่าที่เห็นความเชื่อในเรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นสาเหตุที่นำไปสู่การถูกหลอกลวง เสียเงินบ้าง เสียตัวบ้าง หรือบางที่เสียทั้งตัวทั้งเงิน ทำไมไม่คิดกันบ้างส่า พระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร? เรื่องที่ชอบกันนัก ส่งผลให้หมดทุกข์ได้หรือไม่? เกิดประโยชน์กับตัวเองหรือไม่? ปัจจุบันสังเกตตามเวปต่างๆที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาจะพบคนที่หลงงมงายอย่างไม่มีเหตุผลจำนวนมาก(มิจฉาทิฏฐิ) ซึ่งถ้าเตือนก็จะถูกด่ากลับทันที ไม่เข้าใจจริงๆ |
|
|
|
|
 |
กชพร
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2005
ตอบ: 8
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 8:06 am |
  |
การที่คนชอบเรื่องเหนือธรรมชาตินั้น ขอแสดงความเห็นว่า เป็นเพราะคนเหล่านั้นขาดสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือไม่สมหวังกับความจริงในชีวิต เรื่องเหนือธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่สามารถแสดงความถูกผิดให้เห็นได้ชัดเจน อยู่ที่จิตวิทยาและความเชื่อของบุคคลเหล่านั้น การที่จะตักเตือนผู้ที่หลงเชื่อหรืองมงายนั้นคงทำได้ยาก ต้องปล่อยให้บุคคลเหล่านั้นได้รู้สึกและสำนึกเอง  |
|
|
|
   |
 |
อือหึ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 1:19 pm |
  |
อืม อืม อืม  |
|
|
|
|
 |
เปลวเทียน
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2004
ตอบ: 20
|
ตอบเมื่อ:
10 เม.ย.2005, 6:47 pm |
  |
โสดาโสเดา
เรื่องการตายนี้สำหรับพระอรหันต์ในตำราไม่มี พระอรหันต์ตายอย่างเงียบๆ ที่ปรากฏในตำราก็พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ พระอานนท์ พูดถึงเรื่องพระอรหันต์ท่านตาย แต่ในศัพท์พระอรหันต์เรียกว่านิพพาน ท่านนิพพานที่นั่นที่นี่ พระสารีบุตรนี้พระพุทธเจ้าทรงเมตตาเต็มที่เลย พระสารีบุตรมาทูลลาจะไปตายที่บ้านเกิด ไปนิพพาน พระสารีบุตรมีฤทธาศักดานุภาพมาก วันนั้นท่านเปิดโอกาสให้เลย ให้แสดงฤทธิ์เดชทุกแบบทุกฉบับ ตลอดการแนะนำสั่งสอน ท่านบอกว่า เออ นี่สารีบุตรเธอจะนิพพานแล้ว มีอะไรๆ ก็ฝากน้องๆ ไว้เป็นที่ระลึก พระองค์แย้มเท่านี้เอง ให้แสดงฤทธิ์เต็มเหนี่ยวเลย
คือท่านห้ามไว้ไม่ให้พระแสดงฤทธิ์อะไรต่ออะไร วันนั้นเปิดเลย พระสารีบุตรก็แสดงฤทธิ์เต็มเหนี่ยว พระโมคคัลลาน์เหมือนกัน เหาะขึ้นเหาะลงอะไร พอเสร็จแล้วก็บอกว่าวันนี้ประตูพระเชตวันเปิดหมดเลย บรรดาพระทั้งหลายที่อยู่ในวัดนี้ จะไปส่งพระสารีบุตรซึ่งเป็นพี่ของเธอทั้งหลายให้ไปได้ วัดนี้เปิดประตูเลย จะเอาไปทั้งหxxx็ได้ นั่นท่านเมตตามาก จะไปนิพพานที่ห้องประสูติ คือจะไปโปรดแม่ในวาระสุดท้าย แม่เป็นมิจฉาทิฐิ พระสารีบุตรก็ไปแสดงฤทธิ์ให้แม่เห็น
เริ่มแต่เทวดาชั้นต่างๆ ลงมาให้เห็นชัดเจน แสดงฤทธิ์ให้เทวดาลงมา พระสารีบุตรเปิดโอกาสให้ทั้งเทวดาทั้งแม่ได้เห็นกันชัดเจน เห็นกันและกันเหมือนเรามองเห็นกัน เทวดาชั้นนี้มาแล้วชั้นนี้มาๆ เรื่อยๆ แม่ก็ดู พอเทวดาชั้นนี้เคลื่อนออกไป ก็เข้ามาถามลูก ลูกก็บอกว่านี่เทวดาชั้นนั้น เดี๋ยวมาอีกๆ ฟังให้ดีนะ นี่ละศาสนาพระพุทธเจ้าของเราอุตริหลอกลวงโลกไหม บรรดาเทวดาทั้งหลายมาเป็นชั้นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างการแต่งเนื้อแต่งตัว รูปร่างลักษณะทุกอย่างๆ จะละเอียดลออขึ้นเรื่อยๆ แม่ดูอยู่ เพราะแม่เป็นมิจฉาทิฐิไม่ยอมฟังเสียงลูกเลย เวลาลูกจะมานิพพานยังบอกว่า เออ อุปดิสออกไปบวชแล้ว แก่จนขนาดนี้จะยังมาสึกอะไรกัน นึกว่าลูกจะมาสึก
พระสารีบุตรจึงอบรมสั่งสอนแม่ ท้าวมหาพรหมมาครั้งสุดท้าย เหลืองอร่ามไปหมด ครั้งสุดท้ายท้าวมหาพรหมเป็นหัวหน้าลงมา พระสารีบุตรก็เทศน์โปรดแม่ แม่ร้องไห้นะ โอ้โห ลูกเราเป็นอย่างนี้เชียวเหรอ นึกว่าจะมาสึกบั้นแก่ แล้วมาเป็นอย่างนี้ให้เราเห็น แม่เกิดความสลดสังเวชร้องห่มร้องไห้ เหล่านี้เหมือนกับสามเณรของอาตมา ฟังซิน่ะ ตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมานี้เท่ากับสามเณรของอาตมานั้นแหละ ก็ยิ่งเห็นชัดเจนว่าลูกของเรานี้ใหญ่โตขนาดไหน ยิ่งอัศจรรย์ พอเสร็จจากนั้นท่านก็นิพพาน แม่ดูเหมือนสำเร็จเป็นอริยบุคคลโสดา จากนั้นมาแล้วเรื่องเชื่อบุญเชื่อกรรมไม่ต้องบอก พุ่งเลยเทียว ถ้าลงขั้นโสดาไม่มีถอยละ xxxขั้นโสเดานี้มันเป็นพิษเป็นภัย งูเห่างูจงอางอยู่ในนั้นนะ เข้าใจไหมโสเดา โสดากับโสเดามันต่างกัน โสเดาพอดุด่าว่ากล่าวแล้วออกไปแสดงพิษเข้ามาต่อสู้ผู้แนะนำสั่งสอน นี่พวกโสเดา พอถูกดุด่าว่ากล่าวแล้ว ออกไปก็ไปตั้งพิษเป็นงูจงอางงูทำทานเข้ามา เป็นงูเห่าแผ่พังพานเข้ามา แสดงฤทธิ์เข้ามาต่อสู้ทำลายครูบาอาจารย์ผู้สั่งสอน นี่พวกโสเดา พากันจำเอานะ
มาวัดมาวาก็มาอย่างนั้นละ งูเห่างูจงอางยังไม่แผ่ เอาไว้อย่างนั้นเสียก่อน พอขัดใจอะไรแล้วก็แผ่พังพานขึ้นมา กลับเป็นพิษเป็นภัยต่อครูต่ออาจารย์ไป มีเยอะนะ ดูเอา มันแฝงมาในตัวของมัน ตัวนี้เป็นพิษ เวลามาหาอรรถหาธรรมก็หมอบนิดหน่อยๆ พอไม่ถูกใจก็แผ่พังพานขึ้น นี่มีเยอะ แทนที่จะนำไปพินิจพิจารณา เห็นโทษเห็นกรรมของตนตามที่ท่านแนะนำสั่งสอน แล้วมากล่าวมาบอกขอขมาท่าน เรื่องดีก็จะดีขึ้นตรงนั้น ท่านก็จะพอใจแนะนำสั่งสอนต่อไป ก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ นี่กลับแผ่พังพานขึ้นมาก็ยิ่งจมไปเลย นี่พวกโสเดา เข้าใจไหม
อ่านเต็มที่นี่ครับ >>http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3318&CatID=0
 |
|
|
|
  |
 |
Earthy
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 เม.ย.2005, 2:01 pm |
  |
อิทธิปาฏิหารย์ หายตัวได้หรือเหาะได้ก็ย่อมเก่งกว่าคนสามัญธรรมดา เป็นเรื่องของมานะอัตตาตัวตนว่าฉันเก่งกว่าคนอื่น ตราบใดที่สักกายะทิฐิ(มีความหลงตัวหลงตน เป็นเจ้าเรือน) ครองใจสัตว์โลก อิทธิปาฏิหารย์ก็ยังเป็นที่นิยมตราบนั้น ผู้ที่ทำได้จริง(หรือแสดงมายากลก็แล้วแต่)แต่นำมาใช้ในทางหาเอกลาภ แสวงหาสรรเสริญ สั่งสมศิษย์ เป็นการมอมเมาหลอกลวงผู้คน ผู้นั้นย่อมได้รับผลบาปกรรม ส่วนผู้ที่หมกมุ่นสนใจแต่อิทธิปาฏิหารย์ ชอบเครื่องทุ่นแรงกำลังภายในหรือพลังลี้ลับ งมงายไม่สนใจเหตุผล ไม่สดับตรับฟังกัลยาณมิตรตักเตือน ชี้แนะ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้ที่มืดมามืดไป ตราบนานเท่านาน ส่วนกัลยาณมิตรที่เมตตาสงเคราะห์เตือนสติแก่ผู้หลงงมงายในอิทธิปาฏิหารย์ ท่านเหล่านั้นย่อมได้บารมีความดีติดตัวทั้งปัจจุบันและอนาคต จงทำความดีนั้นต่อไปอย่าได้ท้อถอย ถึงคนเค้าจะเกลียดชังต่อต้านที่ท่านไปขัดใจขัดกิเลสเค้า แต่เทวดา อินทร์ พรหม ก็โมทนาสาธุ สรรเสริญ |
|
|
|
|
 |
|