Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
อยู่กับความขัดแย้งการเมืองอย่างไร....ไม่ให้ทุกข์
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 10:04 pm
อยู่กับความขัดแย้งการเมืองอย่างไร....ไม่ให้ทุกข์!?!?
มีผู้กล่าวไว้ว่า หากอยากรักษาไมตรีกับใคร
ก็อย่าคุยเรื่องการเมือง
เพราะลักษณะของการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
มักจะทำให้เกิด
คู่ ความขัดแย้ง
ที่เห็นแตกต่างกันคนละขั้วอยู่เสมอ
นำไปสู่การแยกเขา-แยกเรา
ความเครียด ความโกรธ เกลียด
อยากเอาชนะ ฯลฯ เกิดความไม่สบายใจ
ซึ่งหากไม่รู้จักวิธีการผ่อนและคลาย
ก็จะสะสมกลายเป็นความทุกข์ก่อผลร้ายแก่ร่างกายและจิตใจ
ข่าวจากการทำโพลระบุว่า คนไทยไม่น้อยกำลังเครียด
และทุกข์จากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน
ไม่ว่าในที่ทำงาน ที่บ้าน ฯลฯ
วิธีการต่อไปนี้สามารถช่วยให้เรามีสภาพจิตใจและร่างกาย
ที่ไปพ้นจากความเครียดความทุกข์
ที่เกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองได้
หากทดลองปฏิบัติกันดู คือ
๑. เปิดใจกว้าง ไม่มองผู้ที่เห็นต่างจากเราเป็นศัตรู
คนเรานั้นเห็นต่างกันได้
จึงเป็นธรรมดาที่มีบางคนหรือหลายคนยังนิยมชมชื่นคนที่เราไม่ชอบ
การที่เขาเห็นต่างจากเราเพราะได้รับข้อมูลต่างจากเรา
หรือเพราะมีเกณฑ์วัดความดีหรือความสำเร็จไม่เหมือนเรา ฯลฯ
จะเป็นเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
ข้อสำคัญก็คือคนที่เห็นต่างจากเราไม่ใช่คนเลว
คนดีก็มีสิทธิเห็นต่างจากเราได้
ดังนั้นจึงไม่ควรเห็นเขาเป็นศัตรู
ขอให้ระลึกว่า
เขาอาจเห็นต่างจากเราในเรื่องนี้
แต่เรื่องอื่นอาจเห็นเหมือนกับเรา
และเรื่องที่เห็นเหมือนกันนั้นอาจมีมากกว่าเรื่องที่เห็นต่างกันก็ได้
๒. มองให้ไกล แล้วช่องว่างจะลดลง
แม้สองฟากถนนจะห่างกัน
แต่เมื่อมองไกลสุดสายตา ทั้งหมดก็ไปบรรจบที่จุดเดียวกัน
ฉันใดก็ฉันนั้น วันนี้เรากับเขาอาจอยู่คนละมุม
แต่พรุ่งนี้เรากับเขาอาจร่วมมือร่วมใจกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้
(ปรากฏการณ์ที่เห็นชัดที่สุดคือ ตอนที่คนไทยร่วมใจกู้ภัยสึนามิ)
เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งทะเลาะกันจนมองหน้าไม่ติด
วันพรุ่งนี้ยังรอให้เรามาจับมือกันทำงานใหญ่ก็ได้
อย่าลืมว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนไทยเช่นเดียวกับเรา
มิหนำซ้ำบางคนก็เป็นคู่รักและผู้มีพระคุณกับเรา
บุคคลที่เป็นชนวนให้เกิดความเห็นแตกต่างกันอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น
ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องไป (จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่)
แต่เราทุกคนที่เหลือยังจะต้องอยู่ร่วมกันบนผืนแผ่นดินนี้
และบางคนก็ยังต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ร่วมสำนักงานเดียวกัน
ในเมื่อเราทุกคนยังจะต้องอยู่ร่วมกันไปอีกนาน
ดังนั้นจะทะเลาะวิวาทกันไปทำไม
อย่าให้ใครคนเดียว
มาเป็นเหตุให้เราต้องเหินห่างหมางเมินกับคู่รัก
พ่อแม่พี่น้อง หรือมิตรสหายเลย
สายสัมพันธ์ของเรามีค่ากว่านั้นมาก
๓. เอาคู่ตรงข้ามออกจากใจบ้าง
อย่าให้คู่ตรงข้ามที่เราไม่ชอบ ไม่เห็นด้วย ยึดครองจิตใจของเรา
จนไม่มีที่ว่างให้กับเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญเลย
ชีวิตเรายังมีอีกหลายเรื่องที่สำคัญ
เอาเขาออกไปจากใจของเราเสียบ้าง
จิตใจของเราจะได้โปร่งโล่งหายอึดอัดกลัดกลุ้ม
อย่างน้อยเวลากิน เวลานอน ก็อย่าไปหมกมุ่นครุ่นคิดว่า
ใครจะอยู่หรือไป ใครแพ้ใครชนะ
เวลาทำงานก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่
อย่าเอาเขามาเป็นอารมณ์จนไม่เป็นอันทำงานหรือเสียสมาธิ
ข่าวสารการเมืองจากหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์
เป็นสิ่งที่เราควรสนใจก็จริงอยู่
แต่อย่าเสียเวลากับข่าวเหล่านั้น
จนไม่เป็นอันทำอย่างอื่น
อย่าลืมว่าการเมืองไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตเรา
หากเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้น
ชีวิตเรายังมีอีกหลายเรื่องที่ควรใส่ใจ
๔. แผ่เมตตาให้คู่ตรงข้ามบ้าง
ความโกรธเกลียดไม่เป็นผลดีแก่จิตใจของเรา
ทุกครั้งที่เรารู้สึกโกรธเกลียด มีจิตปรารถนาร้ายต่อใคร
คนแรกที่ถูกทำร้ายคือเรา
ความโกรธเกลียดนั้นทำร้ายเราก่อนที่จะไปทำร้ายคนอื่นเสียอีก
เพียงแค่คิดถึงเขาก่อนนอน ก็อาจทำให้เรานอนไม่หลับ
เกิดความเครียด ความดันโลหิตขึ้น
อย่าปล่อยให้ความโกรธเกลียดบั่นทอนจิตใจของเรา
ขับไล่ความโกรธเกลียดไปด้วยการแผ่เมตตา ทุกคืนก่อนนอน
ลองแผ่เมตตาให้คู่ตรงข้ามกับความคิดของเรา
อธิษฐานด้วยความปรารถนาดี
ขอให้เขาหลุดพ้นจากวังวนแห่งความทุกข์
ขอให้ความโลภ โกรธ หลงอย่าได้เกาะกุมจิตใจเขาเลย
ขอให้เขามีสัมมาทิฏฐิ
และมีโอกาสเข้าถึงความสงบสุขที่ลึกซึ้งในชีวิตด้วยเทอญ
เวลาอ่านหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ
หรือดูโทรทัศน์พบเห็นภาพของคู่ตรงข้ามที่เราไม่ชอบใจ
ก็แผ่เมตตาทำนองนี้ให้เขาด้วยก็ดี
อย่างน้อยใจเราจะได้ไม่เร่าร้อนหรือถูกเผาลนด้วยความโกรธเกลียด
๕. ผ่อนคลายด้วยลมหายใจ
เมื่อมีความเครียดหรือรู้สึกโกรธเกลียด
ลองดับความเร่าร้อนด้วยลมหายใจดูบ้าง
โดยหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ หายใจออกยาวๆ ช้าๆ
น้อมใจมาอยู่ที่ลมหายใจทั้งเข้าและออก
ให้ใจอิงแอบอยู่กับลมหายใจอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
พร้อมกับนับทุกครั้งที่หายใจออก
เริ่มจาก ๑ ไปถึง ๑๐ จะทำกี่รอบก็ได้ ยิ่งนานยิ่งดี
บางครั้งใจจะเผลอแวบไปนึกเรื่องอื่น
รู้ตัวเมื่อไร ก็ดึงจิตกลับมาที่ลมหายใจ
ถ้าจำไม่ได้ว่านับไปถึงไหนแล้ว ก็ให้เริ่มนับ ๑ ใหม่
วิธีนี้ทำได้ทุกที่ ระหว่างชุมนุมก็ได้
ดูทีวี หรือระหว่างนั่งรถก็ได้
หรือระหว่างที่กำลังฟังคนที่เห็นต่างจากเราก็ได้
วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย หายเร่าร้อนแล้ว
ยังทำให้เกิดความสงบภายใน
และช่วยให้สมองปลอดโปร่ง คิดอะไรได้ดีขึ้น
๖. พักผ่อนให้เต็มที่
อย่าให้การเมืองแย่งเวลาของการพักผ่อนและนอนหลับอย่างเต็มที่
การอดนอนอย่างสะสมจะทำให้สมองตื้อและเครียด
หงุดหงิดฉุนเฉียวได้ง่าย เรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่
ดังนั้นควรหาเวลาพักผ่อน
ไม่จดจ่อแต่การเมือง การอยากเอาชนะ
การจัดเวลาจึงมีความสำคัญ
นอกจากการพักกายแล้ว ก็ควรพักใจด้วย
โดยการปล่อยวางจากเรื่องที่เคร่งเครียดบ้าง
หรือถอนตัวออกจากเหตุการณ์ที่วุ่นวายสักระยะหนึ่ง
จะใช้ลมหายใจช่วยด้วยก็ได้ เมื่อจิตใจปลอดโปร่ง
ตั้งหลักให้สบายคลายเครียดแล้ว ค่อยมาติดตามต่อไป
หากทำได้อย่างนี้ ก็จะอยู่อย่างไม่ทุกข์
หรือทุกข์น้อย ทุกข์ไม่นาน
กับสถานการณ์ความขัดแย้งในวิกฤตการณ์ปัจจุบัน
และยังอาจมีพลังของการสร้างสรรค์สิ่งดีงามได้อีกด้วย
ที่มา :
เครือข่ายพุทธิกา
http://budnet.info/
ชาญวิทย์
บัวเริ่มพ้นน้ำ
เข้าร่วม: 04 พ.ค. 2008
ตอบ: 152
ตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 8:23 pm
ทุกคนในโลก เป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น รักกัน อภัยให้กัน นะครับผม ขอบคุณคุณกุหลาบสีชาครับ
_________________
ธรรมะคือธรรมชาติ
chill
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 22 ก.พ. 2008
ตอบ: 85
ตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 10:15 pm
อนุโมทนานะคะ
_________________
มีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี..
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 8:00 pm
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th