กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
14 ส.ค. 2008, 10:25 pm |
  |
เ อ า ต น เ อ ง เ ป็ น พ ย า น
พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
ธรรมะนี้เปรียบเหมือนผลไม้ที่เราไปบ้านญาติบ้านเพื่อน
แล้วเขาเอาผลไม้ฝากเรา เราหยิบผลไม้ไว้ในมือของเรา
แต่เราก็ไม่รู้เปรี้ยว หวาน ฝาดอะไรต่างๆ
คือจับผลไม้แล้วก็ยังไม่รู้รสผลไม้
จะรู้รสก็ต้องเอามาทาน ขบเคี้ยว
จึงจะรู้ว่ามันเปรี้ยว มันหวาน
มีรสชาติต่างๆ ตามสัญญาของเรา
ธรรมะนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น
ทุกอย่างท่านให้เอาตนเองเป็นพยาน ไม่ต้องเอาคนอื่น
เรื่องของคนอื่นตัดสินยากลำบาก
เพราะเป็นเรื่องของคนอื่น
ถ้าเป็นเรื่องของเราแล้วมันง่ายที่สุด
เพราะความจริงมันอยู่กับเรามีเราเป็นพยาน
ธรรมะนี้เมื่อฟังแล้วก็ต้องเอามาภาวนา
ให้เป็นปริยัติศาสนา ปฏิบัติศาสนา ปฏิเวธศาสนา
ปริยัติคือการเรียนรู้
รู้แล้วเอามาปฏิบัติตาม
ก็เกิดความรู้ขึ้นมาตามความเป็นจริง
ถ้าฟังเฉยๆ ก็รู้ด้วยสัญญา
เอาไปพูดก็ตามสัญญา
ไม่ได้พูดความจริงให้ฟัง
นี่เราจึงยังเข้าไม่ถึงธรรมะ
ไม่สอดส่องธรรมะ ใจยังไม่เป็นธรรม
แต่พูดเป็นธรรมได้ ทำเป็นธรรมได้
นี่เรียกว่ายังไม่สมบูรณ์แบบตามทางพุทธศาสนา
ที่มา : จากเทปพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ชา ม้วนที่ ๒
ใน “ความผิด ในความถูก” โดย พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท),
พิมพ์ครั้งที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง), หน้า ๓ |
|
|
|