Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พระจูฬปัณถก ผู้มีปัญญาเสื่อมลงแล้วกลับเจริญขึ้นโดยพลัน อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
ผู้ตั้ง ข้อความ
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2005, 5:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องราวของ “พระจูฬปัณถก” ถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจเกี่ยวกับการเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงของปัญญาได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างหนึ่งเลยทีเดียวครับ

ภพชาติในอดีตพระจูฬปัณถก เคยเกิดเป็นพระธรรมกถึก คือ ใคร่ต่อการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติจนมีความรู้แตกฉาน เทศน์สอนได้อย่างน่าประทับใจมีชื่อเสียงมาก แต่ในชาตินั้นเอง ท่านทะนงตนว่าทรงจำธรรมะได้มาก ท่านเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งมีสติปัญญาด้อยกว่า ท่านจึงพูดจาดูถูกพระภิกษุรูปนั้น ว่าเรียนรู้ช้า ทรงจำช้า อยู่ไปก็รกพระศาสนา ทำนองนี้นะครับ จนพระภิกษุรูปนั้นเสียใจ ท้อแท้ที่จะอยู่เป็นพระภิกษุต่อไป จึงได้สึกออกไปเป็นฆราวาส ด้วยกรรมที่ท่านประกอบในชาตินั้น ทำให้ชาติต่อๆ มา พระจูฬปัณฏก มาเกิดเป็นผู้ที่มีสติปัญญาทึบไปทุกชาติๆ เลย แต่ก็เพราะมีกัลยาณมิตร จึงทำให้ท่านได้ที่พึ่งไปจนภพชาติสุดท้ายเลยทีเดียวครับ

มีอยู่ชาติหนึ่ง ท่านเกิดเป็นชายแก่ยากจน และมีสติปัญญาทึบ แต่ลูกชายของท่านคือ พระโพธิสัตว์ กลับเป็นผู้มีสติปัญญาสามารถ จนได้ไปรับราชการในรั้วในวัง อยู่มาวันหนึ่ง ชายแก่ผู้เป็นพ่อ อยากจะให้ลูกชายช่วยทูลขอวัวควายมาไถนาเพิ่มให้หน่อย เพราะวัวควายมีอยู่น้อยไม่พอไถนา ลูกชายก็บอกว่า เดี๋ยวตนจะพาพ่อไปเข้าเฝ้า แล้วให้พ่อพูดทูลขอพระราชาได้เลย พ่อก็บอกว่า คำพูดในรั้วในวัง พูดไม่เป็นเดี๋ยวพูดผิดพูดถูก

พระโพธิสัตว์ก็แนะนำ ให้พ่อพูดว่า “วัวควายของข้าพเจ้ามีน้อย ขอพระองค์พระราชทานมาให้เพิ่มด้วย พระเจ้าข้า” แล้วให้พ่อท่องไปท่องมา ซึ่งต้องท่องอยู่นานจนท่องได้ พอถึงวันนัดแนะ ท่านก็พาพ่อไปเข้าเฝ้าแล้วให้พ่อทูลขอ พ่อจึงพูดว่า “วัวควายของข้าพเจ้ามีน้อย ขอพระองค์จงโปรดรับไปด้วยเถิด พระเจ้าข้า” พระราชาถามว่าอะไรนะ เขาก็ยังทูลเหมือนเดิม จนพระราชาต้องหันไปถามพระโพธิสัตว์ว่า “วัวควายที่บ้านคงจะมีมากกระมัง” พระโพธิสัตว์ จึงใช้ไหวพริบตอบไปว่า “ถ้าพระองค์ประทานเพิ่มให้ก็จะมีมาก พระเจ้าข้า” พระราชาพอพระทัย จึงให้วัวควายเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก

และในชาติสุดท้ายพระจูฬปัณถก ก็ได้บวชเป็นพระภิกษุตามคำชวนของพระพี่ชาย แต่ท่านมีสติปัญญาทึบมาก พระพี่ชายซึ่งเป็นพระอรหันต์ ให้ท่านท่องพระคาถา แค่บรรทัดเดียว ท่านใช้เวลา 4 เดือนยังท่องไม่ได้ ได้หน้าก็ลืมหลัง ได้หลังก็ลืมหน้า พระพี่ชายจึงไล่ให้ไปสึก ท่านเสียใจ วิ่งออกไป และแล้วพระพุทธเจ้าก็เสด็จมาเป็นกัลยาณมิตรให้ท่าน โดยเนรมิตผ้าขาวผืนหนึ่งให้ท่านเช็ดมือไป ท่องคำว่า ผ้าเช็ดธุลีไปด้วย ท่านเช็ดไปท่องไปใจก็เป็นสมาธิ สักพักท่านดูผ้าที่มือเห็นผ้าสกปรก ก็สลดใจว่า ร่างกายคนเราสกปรกถึงเพียงนี้เชียวหรือ พระพุทธเจ้าท่านจึงเทศน์โปรดอีกหน่อย พระจูฬปัณถก ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แถมสมบูรณ์ด้วยสติปัญญาโดยฉับพลันทีเดียว

จะเห็นว่า เหตุหนึ่งที่ทำให้สติปัญญาเสื่อมได้ คือ เพียงแค่ไปดูถูกคนที่มีสติปัญญาด้อยกว่าเท่านั้นเอง และสติปัญญากลับเจริญขึ้นได้เพราะมีกัลยาณมิตรครับ
 
ppj
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2005, 6:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนา

และขอขอบคุณ ในคำชี้แนะ

ให้ได้นำไปพิจารณาต่อไป



 
TU
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589

ตอบตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2005, 6:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จะเห็นว่า เหตุหนึ่งที่ทำให้สติปัญญาเสื่อมได้
คือ เพียงแค่ไปดูถูกคนที่มีสติปัญญาด้อยกว่าเท่านั้นเอง
และสติปัญญากลับเจริญขึ้นได้เพราะมีกัลยาณมิตร


สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวYahoo Messenger
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 มี.ค.2005, 12:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

....กรรมให้ผล + ดอกเบี้ยมากกว่าที่คิดไว้มาก... ...

...แย่แล้วสิเรา...



สาธุ..สาธุ..สาธุ..
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 มี.ค.2005, 9:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีอีกตอนหนึ่งที่ผมสังเกตุดูนะครับ ชาติที่พระจูฬปันถกเกิดเป็นพ่อผู้มีสติปัญญาทึบ แต่ลูกชายที่เป็นพระโพธิสัตว์ กลับมัสติปัญญาชาญฉลาดมากๆ แสดงสติปัญญาไม่ได้สืบทอดจากกรรมพันธุ์ แต่สืบทอดจากเหตุในอดีต และการกระทำในปัจจุบันประกอบกันครับ ซึ่งหนึ่งในการกระทำในปัจจุบันนั้น จะต้องประกอบด้วย ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บูชาบุคคลที่ควรบูชา (คือมีกัลยาณมิตรนั่นเอง) บันไดขั้นแรกของมงคลชีวิตเลยครับ

 
ppj
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 มี.ค.2005, 7:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณอีกครั้งจ้ะ

 
jp
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 มี.ค.2005, 11:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
ppj
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 มี.ค.2005, 1:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
tapom
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 07 มี.ค.2005, 3:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
 
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 4:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 8:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เอ้า .... ไม่คิดจะเพ่งโทษผู้ใดนะ เพียงแต่พักนี้ค่อนข้างจะเห็นคนที่อวดอ้างตัวเองว่ารู้ รู้มากกว่าครูบาฯ เจาะจงเจตนาว่ากล่าวครูบาฯท่านหาว่าทำสัทธรรมปฏิรูปบ้างล่ะ หาว่าท่านสอนผิดแนวทางบ้างล่ะ แม้แต่พระสงฆ์ก็ยังไม่มีการยกเว้น เจตนาล่วงละเมิดท่านอย่างเห็นได้อย่างชัดๆ แล้วบางทีมีการกล่าวอ้างว่าเป็น " อริยะ " จริงๆแล้วน่าจะเรียกว่า " อริแยะ " มากกว่า แต่อย่างว่าแหละกุศลแต่ละคนสร้างสั่งสมมาไม่เท่ากัน อย่าได้มาเที่ยวละเมิดครูบาฯกันอีกเลย ไม่ควรจะมาแบ่งแยกยกย่องครูบาฯตามที่ตัวเองเคารพนับถือ ควรจะยกย่องทุกครูบาฯ เพราะท่านคือครูบาฯ
ขออนุโมทนาสาธุกับท่านเจ้าของกระทู้ ที่นำเรื่องนี้มาโพส เผื่อคนที่กำลังหลงผิดได้มาอ่านจะได้กลับจิตให้ถูกต้องได้
สาธุ ... สาธุ ... สาธุ ...
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มุทิตาภาวนา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 24 ก.พ. 2008
ตอบ: 62

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2008, 6:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ พุทโธ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2008, 7:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระอรหันต์แต่ละคนบรรลุธรรมต่างกัน

พระที่บรรลุธรรมได้เร็วที่สุด น่าจะเป็น พระมหากัสสปะ พระพุทธเจ้าแค่ชูดอกไม้ขึ้น
ท่านก็บรรลุธรรมแล้ว

พระที่บรรลูธรรมได้ช้ามาก คือ พระอานนท์ เป็นเพราะท่านท่องจำและรู้คำสอนของพระพุทธเจ้า
มากเกินไป รู้ไปแต่ปฏิบัติไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้เป็นอรหันต์สักที

ตอนหลังท่านเห็นว่าต้องไปสังคายนาพระไตรปิฎก ท่านจึงเร่งทำความเพียรอย่างหนักเพื่อให้สำเร็จ
อรหัตต์ก่อนการทำสังคายนา แต่ทำยังไง ท่านก็ไม่สำเร็จสักที เพื่อน ๆ ได้ตักเตือนท่านว่า ในวันรุ่งขึ้น
ท่านจะต้องเข้าไปนั่งในสังฆสันนิบาตแล้ว ท่านเองเป็นพระเสขบุคคลอยู่ ขอให้ทำความเพียร อย่าประมาท

ในคืนนั้น ท่านได้เดินจงกรม กำหนดกายคตาสติ จนจวบปัจจุสมัยใกล้รุ่ง ท่านก็ไม่สามารถบรรลุอรหันต์
แต่พอท่านลงจากที่จงกรม หมายใจจะหยุดนอนพักผ่อนในวิหารสักครู่ก่อน จะสำเร็จอรหันต์หรือไม่
จะได้เข้าร่วมสังคายนาหรือไม่ ท่านก็ไม่สนใจแล้ว ปล่อยวางหมด พอเอนกายลงนอนเท่านั้น

ศีรษะยังไม่ทันถึงหมอนและเท้าทั้งสองยังไม่พ้นจากพื้น ท่านก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทันที

ในพระไตรปิฎก ไม่มีการตีความเรื่องนี้ ผมจึงถือโอกาสตีความให้ พระอานนท์บรรลุอรหันต์
เพราะในภาวะที่บีบค้นสุดขีด พระอานนท์กลับปล่อยวาง อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด จะสำเร็จ
อรหันต์หรือไม่ จะได้เข้าร่วมสังคายนาหรือไม่ ท่านก็ไม่สนใจ ปล่อยวางทั้งหมด นี่เป็นเหตุผลที่
พอพระอานนท์เอนกายลงนอนเท่านั้น ท่านก็บรรลุอรหันท์เลย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ค.2008, 8:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณwalaiporn

คุณธรรมต้องเข็มแข็ง พวกที่อวดอ้างว่าตนวิเศษ ด่าว่าครูบาอาจารย์ ยกตนตีเสมอพระพุทธเจ้า โดยปัจจุบันพวกนี้ก็มีสัญญาวิปปลาสอยู่แล้ว

มีวาจาที่หยาบคายด่าคนอื่นให้กลัว แล้วแสดงตนว่าเป็นคนมีปัญญาลึกซึ้งเพื่อให้คนเกรงกลัวแล้วยอมตัวเป็นสาวกเขา

บ่อบครั้งที่ตัวเองจำแลงเป็นผู้นิยมชมชอบตนเสียเหลื่อเกิน

ทั้งหมดนี้เป็นการผิดศีล หลอกลวงผู้อื่น

ผิดทั้งจริยธรรมและคุณธรรม

ยิ่งเกิดขึ้นในเวปธรรมะยิ่งน่าสลดหดหู่ใจ

ผมเรียกคนพวกนี้ว่าเป็นพวกจิตเภท

มีท่านกัลยณมิตรที่ผมนับถือมานานนับปี แต่ไม่รู้จักตัวจริงของท่านหรอก

ท่านเคยกล่าวกับผมว่า บุคคลประเภทนี้น่าสงสาร

พูดแบบชาวบ้านก็คื่อเป็นคนบ้าประเภทหนึ่ง

เขาเหมือนอยู่ในวินิบาตในปัจจุบัน

คิดดู ตรองดูก็ออกจะเห็นด้วยว่าใช่

ผมจึงไม่ค่อยถื่อสา

ความจริงบางครั้งก็สงสาร

บางครั้งก็สมเพช

เคยลองคิดเตื่อนสติอยู่หลายๆครั้ง กับ หลายๆคน

แต่ถูกด่ากลับเกือบทุกครั้ง

จึงได้แต่อุทิศส่วนกุศลให้ แผ่เมตตาให้

ผู้ใดก่อกรรมใดๆไว้ในอดีต จักต้องเป็นทายาทแห่งมรดกกรรมนั้นแน่นอน

วิบากเป็นสัจจธรรม ที่ทุกคนควรสงวร

ทั้งนี้ผมไม่ห่วงศาสนาว่าจะถูกบิดเบือนไปได้หรอกครับ

สังเกตุมีแต่คนเอือมระอาในคำโอ้อวดอันวิปริต ไม่มีใครเชื่อ

นรกอยู่ในใจจริงๆ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 1:37 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ mes ครับ

ถ้าคุณหมายถึงผม ผมไม่เคยอวดอ้างว่าตนวิเศษ ไม่เคยด่าว่าครูบาอาจารย์ ไม่เคยยกตนตีเสมอ
พระพุทธเจ้า และผมก็มิได้มีสัญญาวิปปลาสด้วย ถ้าคุณมีหลักฐานใดๆขอได้โปรดแสดงด้วยครับ

แต่ไม่เป็นไรครับ ผมให้อภัย และขออโหสิกรรมให้คุณ

ฟ้าดินจงเป็นพยาน ผม นายพลศักด์ วัววิวัฒน์ ขอให้กรรมที่คุณกล่าวร้ายผมในเว็บนี้หรือเว็บอื่นๆ
จงเป็นโมฆะด้วยเถิด
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 12:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมไม่รู้ว่า ใครวิปลาสหรือไม่ แต่ผมรู้ว่า คุณวลัยพรและ คุณ mes กำลังพูดชี้ไปที่ตัวบุคคลซึ่งไม่เกี่ยวกับกระทู้ และเป็นความติดพันมาจากกระทู้อื่น ซึ่งเป็นการเก็บกดจากภายใน อันไม่ยอมละวาง นั้นหมายถึงว่า มีจิตที่ผูกโกรธอยู่ ทั้งๆ ที่คุณ พลศักดิ์ แกก็ไม่ได้ไป ตามด่าตามว่า คุณทั้งคู่เลย

ถึงแกจะวิปลาส อะไรก็ตาม แต่แกมีจิตเมตตา แม้ว่าผิดพลาดก็ยังดีกว่า คนที่ พูดธรรมถูกต้องแต่ไม่ได้มีจิตเมตตาในใจ

ผมถามว่า บุคคล 2 จำพวกนี้ใครตกนรกก่อน

คนหนึ่งมีเมตตา อยากจะให้ผู้อื่นเห็นจริง แต่สิ่งที่ตนรู้อาจจะไม่ถูกต้องและไม่เคยตามด่าตามว่าใคร ยังคงแสดงธรรมตามที่ตนรู้
กับอีกคนหนึ่ง รู้สิ่งที่ถูกต้อง แล้วตามโกรธ ตามไม่พอใจกับบุคคลคนแรก
แล้วคอยตามด่า ตามว่าเขา โดยไม่ได้พิจารณาในหลักธรรม

สิ่งที่ใบไม้แสดงธรรมมา ไม่ได้มีผิดไปเสียทุกอย่างหรอก

ผมมองตามความเป็นจริง พิจารณาด้วย
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 3:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขนธ์ พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้ว่า ใครวิปลาสหรือไม่ แต่ผมรู้ว่า คุณวลัยพรและ คุณ mes กำลังพูดชี้ไปที่ตัวบุคคลซึ่งไม่เกี่ยวกับกระทู้ และเป็นความติดพันมาจากกระทู้อื่น ซึ่งเป็นการเก็บกดจากภายใน อันไม่ยอมละวาง นั้นหมายถึงว่า มีจิตที่ผูกโกรธอยู่ ทั้งๆ ที่คุณ พลศักดิ์ แกก็ไม่ได้ไป ตามด่าตามว่า คุณทั้งคู่เลย


คุณเอาอะไรมาวินิฉัยกล่าวหาว่าผมเก็บกด



อ้างอิงจาก:
คนหนึ่งมีเมตตา อยากจะให้ผู้อื่นเห็นจริง แต่สิ่งที่ตนรู้อาจจะไม่ถูกต้องและไม่เคยตามด่าตามว่าใคร


คุณทราบได้อย่างไร เอาหลักประกันอะไรรับรองคำพูดคุณ

อ้างอิงจาก:
ถึงแกจะวิปลาส อะไรก็ตาม แต่แกมีจิตเมตตา แม้ว่าผิดพลาดก็ยังดีกว่า คนที่ พูดธรรมถูกต้องแต่ไม่ได้มีจิตเมตตาในใจ


อย่างนี้ถือว่าไม่ยอมละวาง และยังผูกใจเจ็บอยู่หรือเปล่า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 5:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณขันธ์ครับ


"ธรรมใดๆก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ" คำกล่าวของคุณชอบแล้ว ผมคารวะด้วยใจจริง



คุณmes ครับ



คุณขันธ์ไม่ใช่อวตารของผมแน่นอนนะครับ ผมไม่ขอตอบโต้อะไรกับคุณในเรื่องที่จะนำไปสู่การ
ทะเลาะเบาะแว้งนะครับ ผมมาเพื่อจุดประสงค์เดียว คือ เสนอกระทู้ในเรื่องที่เป็นใบไม้นอกกำมือ
พระพุทธเจ้า หรือที่อยู่ในกำมือพระพุทธเจ้า แต่คนทั่วไปตีความผิดหรือคลาดเคลื่อน

ส่วนใครจะเชื่อผม หรือไม่เชื่อ เป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละบุคคล
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 10:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ใบไม้ เขามีความพยายาม ในการเผยแผ่ ธรรมะของเขา เขาเคยทำหนังสือแจกจ่าย เขาเอาธรรมะมาให้คนอื่น จะด้วยเหตุใดก็ตามผมถือว่า เขามีจิตที่เป็นกุศลอยู่บ้าง


เขาไม่เคยตามด่าใคร คือ เขาไม่เคยอยู่ดีๆ แล้วมาว่าผมและเพื่อนๆว่า ธรรมะคุณไม่ดี หรือ คุณเป็นคนไม่ดี เขาไม่เคยเริ่มก่อน เว้นแต่ว่า ถ้าเถียงกันอยู่แล้วเขาจะอวตารมาด่าคนอื่น หรือ ออกมาแสดงการโต้แย้ง ข้อนี้หมายความว่า เขาก็เถียงไปตามบุคคลทั่วไป ที่จะเกิดอารมณ์ หรือ เกิดความไม่พอใจ ได้ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเขาเป็นคนที่ ตามด่าคนอื่น


ข้อที่ผมบอกว่า คนที่ไม่มีจิตเมตตาในใจ ผมก็พูดไปตรงๆ ไม่ได้เกี่ยวว่าจะไปจองล้างจองผลาญใคร ผมพูดตามธรรมนะครับ ผมชี้ให้คุณเห็นแล้ว

ทีนี้คุณ ต้องดูว่าผมเอ่ยถึงบุคคล 2 คนคือ คุณ mes และคุณ วลัยพร ซึ่งกำลังมีพฤติกรรมไปในทางที่ ไม่ได้พิจารณาธรรม แต่พิจารณาที่ตัวบุคคล

ผมกับใบไม้ เถียงกันมา และใบไม้ก็อวตารมาด่าผมเสียๆ หายๆ แต่ผมดูแต่ธรรมของเขาว่า ข้อใดตรง ข้อใดไม่ตรง ถ้าไม่ตรงผมก็ออกมาเตือนครับ
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 8:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ทีนี้คุณ ต้องดูว่าผมเอ่ยถึงบุคคล 2 คนคือ คุณ mes และคุณ วลัยพร ซึ่งกำลังมีพฤติกรรมไปในทางที่ ไม่ได้พิจารณาธรรม แต่พิจารณาที่ตัวบุคคล


ผมกำลังเตือนคนที่กล่าวจาบจ้วงพระเถระผู้ใหญ่

อย่าเอาการทำบุญมาอ้างลบล้างความผิด

ผมก็ทำ ทั้งทำหนังสือธํรรมแจก ทั้งบริจาดเป็นค่ารักษาผู้ป่วยทุกเดือน ทั้งสร้างเครื่องมือแพทย์

แต่ไม่มีใครสามารถเอามาเป็นข้ออ้างสำหรับล่วงเกิดพระภิกษุที่นับถือของศาสนิกชนได้

ยิ่งไม่สามารถนำมาอ้างเพื่อแสดงบิดเบือนธรรมของตถาคตได้

ศาสนาเป็นของสาธารณะชน เห็นพระทุศีลทุกคนต้องจัดการไม่ปล่อยปะละเลย

ก็เอาครับในเมื่อผมทำหน้าที่ของศาสนิกแล้วกลายเป็นคนต้องตกนรก เป็นคนมีอคติกับเพื่อนมนุษย์ แต่ผมจะทำหน้าที่ต่อไป


ไม่ได้หรอกครับที่มีใครบอกว่าเป็นผู้มีเมตตาแล้วปู้ยี่ปู้ยำหลักธรรมได้ตามใจชอบ

คุณขันธ์เห็นอย่างไรเป็นเรื่องของคุณขันธ์ ก็ได้บันทึกลงตรงนี้ว่าความคิดคุณขันธ์เป็นเช่นนี้ แต่ก่อนที่คุณขันธ์จะกล่าวหาใครขอให้พิจาราณให้ถี่ถ้วนก่อนว่าเขาทำด้วยอคติ หาเรื่อง เกะกะระราน หรือปกป้องศาสนา

จะลากใครลงนรกไม่เป็นไร ระวังตัวเองจะลงนรกก่อน

คุณกล่าว่าผมก่อนน่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง