Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 มารเป็นต้นเหตุแห่งการแตกนิกายเป็นมหายานและเถรวาท อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 1:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณratchadapa บัวผลิหนอครับ


การสังคายนาครั้งที่ 2 : มูลเหตุการแตกนิกาย ผมขออนุญาตแยกไปตั้งกระทู้ใหม่นะครับ

ก่อนอื่นท่านเคยสงสัยไหมว่า ในปฐมสังคายนา ปิฎกมหายานยังอยู่ร่วมกันกับเถรวาท แต่ในการสังคายนาครั้งที่ 2 เหลือเพียงปิฎกของเถรวาทเท่านั้น เพราะอะไรทราบไหม?

ในปฐมสังคายนา มีพระมหากัสสปเป็นประธาน และมีพระอานนท์และพระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วน 500 รูปเป็นผู้รับรอง พวกท่านทั้งหมดรับรอง ไม่ใช่เฉพาะพระไตรปิฎกของเถรวาท แต่รับรองปิฎกของมหายานด้วย แล้วพระไตรปิฎกของเถรวาท มันแตกต่างจากปิฎกของมหายานตรงไหนกัน? ......มันต่างกันที่จุดเริ่มต้นครับ

พระไตรปิฎกของของเถรวาท เริ่มต้นจากอวิชชา และปฏิจจสมุปบาท ไม่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านั้น เนื่องจากพระพุทธองค์ไม่ต้องการให้เราฟุ้งซ่าน เพราะจุดมุ่งหมายของนิกายนี้ให้หาทางพ้นทุกข์อย่างเร็วที่สุด เมื่อเราเข้าถึงความเป็นอรหันต์ขีณาสพแล้ว ปัญญาเราจะเปิด และเราจะรู้ความจริงทั้งหมด ดัวยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงบอกแต่เพียงว่า จิตเดิมของเราเป็นประภัสสร มีอวิชชาเข้ามา ทำให้จิตบริสุทธิ์ของเรากลายพันธุ์เป็นอื่นเท่านั้น

ปิฎกของมหายาน เริ่มต้นตอนที่เราเป็นจิตประภัสสร ก่อนที่จะมีอวิชชาเข้ามา เป็นตอนที่จิตบริสุทธิ์ของเรายังไม่ได้กลายพันธุ์ พระพุทธเจ้าชี้ชัดเลยว่า พวกเราจิตทั้งหมดนั้นบริสุทธิ์เป็นประภัสสร และเป็นหนึ่งเดียวกับพระสยัมภูพุทธเจ้า หรือพระไวโรจนพุทธเจ้า หรืออาทิพุทธเจ้า ซึ่งก็คือ พระพุทธเจ้าต้นธาตุ(ศาสนาฮินดูและศาสนาอื่น เช่น คริสต์ อิสลาม เขาเรียกว่า "พระเจ้า" "ปรมาตมัน" "เต๋า") พระพุทธเจ้าต้นธาตุ เป็นผู้ปล่อยจิตประภัสสรต่างๆให้เป็นอิสระหลังจากพวกเราทุกจิตสร้างจักรวาลขึ้นมาแล้ว

ทุกสิ่งที่เราสร้างขึ้นล้วนเป็นมายาลวงจากความว่างเปล่าทั้งสิ้น หลังจากที่ จิตประภัสสรของพวกเราเป็นอิสระแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ในการใช้สังขารคิดปรุงแต่ง พอเราไปหลงติดกับสิ่งที่เราสร้างขึ้น กิเลส ตัญหา อวิชชาจึงเข้ามาในจิต ปฏิจจสมุปบาทจึงเริ่มทำงาน

เมื่อจุดเริ่มต้นต่างกันระหว่าง 2 นิกาย เป็นเหตุให้มารสามารถแทรกซึมได้ แต่มารเขาแทรกจิตของพระอรหันต์ขีณาสพไม่ได้ แทรกได้แต่จิตของสมมุติสงฆ์และปถุชนทั่วไป ที่ยังปฏิบัติไม่ถึงขั้น เนื่องจากจิตเหล่านั้นยังบริสุทธิ์ไม่พอ บารมียังไม่แข็ง จึงเข้าถึงความจริงสูงสุดไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ในปฐมสังคายนาให้แต่พระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วนเข้าร่วมเท่านั้น แม้แต่พระอรหันต์สุกขวิปัสสโกก็ไม่ให้เข้าร่วม เพราะพวกท่านไม่สามารถตรวจสอบสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนฝ่ายมหายานด้วยอภิญญาของท่าน เนื่องจากพวกท่านไม่มีอภิญญา

พวกที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วน จะไปมีความสามารถตรวจสอบคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อนอวิชชาได้อย่างไรกัน? เช่น เรื่องแดนสุขาวดีของพระอมิตตาภพุทธเจ้า เรื่องพระอวโลกิศวร และเรื่องพระโพธิสัตว์มหายานที่บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ จะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อใดก็ได้ แต่พวกท่านไม่ยอมเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อจะโปรดสรรพสัตว์ต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด (เช่น พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ พระสมันตภัทรมหาโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์) และเรื่องอื่นๆ

นี่เป็นเหตุให้ในการสังคายนาครั้งที่ 2 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เมื่อพระทั่วไปเข้าร่วมสังคายนาได้ พวกเขาต่างก็เข้าใจผิดกันไปหมด อย่างเรื่องพระอีศวรโพธิสัตว์ในวิมลเกียรตินิทเทสสูตร สมมุติสงฆ์แม้แต่พระอริยะสงฆ์ระดับต้น ก็ยังไม่มีทางตีความได้ นี่เป็นเหตุผลที่ในปฐมสังคายนาให้เฉพาะพระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วน เข้าร่วมเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราไปเปลี่ยนกฎให้สงฆ์ที่ไปเข้าร่วมได้ มหายานจึงต้องแยกกับเถรวาท สู้พวกมารไม่ได้ สมมุติสงฆ์และปถุชนเถรวาทเมื่อตีความเรื่องก่อนอวิชชาที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนมหายานไม่ได้ จึงไปกล่าวหามหายานว่า ถูกศาสนาฮินดูเข้ามาแทรกซึม บ่อนทำลาย และก็ไม่ยอมรับว่า พระโพธิสัตว์กวนอิม(อวโลกิเตศวร)มีตัวตนจริง ไปบอกว่าเป็นบุคคลธิษฐาน ไม่มีตัวตน และก็ไม่ยอมรับเรื่องแดนสุขาวดีของพระอมิตตาภพุทธเจ้า รวมทั้งเรื่องพระอีศวรโพธิสัตว์ ฯลฯ ด้วย

ที่สำคัญพระโมคคัลลานะตอนหลงจักรวาล ไปพบพระอมิตตาภพุทธเจ้าในโลกอื่น สมมุติสงฆ์และปถุชนเถรวาทก็ไปตัดทิ้ง เนื่องจากตีความไม่ได้ ถ้าไปบอกว่าเป็นพระอมิตตภพุทธเจ้า ก็เท่ากับยอมรับเรื่องแดนสุขาวดี หลักฐานทางฝ่ายเถรวาทจึงเหลือเพียงพระโมคคัลลานะไปพบพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งเท่านั้น แต่ไม่มีรายละเอียด รายละเอียดแท้จริงจะถูกบอกเล่าโดยพระอริยะบุคคลชั้นสูงของไทย ที่รู้เห็นด้วยฌานของท่าน
 


แก้ไขล่าสุดโดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ 04 ก.ค.2008, 11:10 am, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 3:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อจุดเริ่มต้นต่างกันระหว่าง 2 นิกาย เป็นเหตุให้มารสามารถแทรกซึมได้ แต่มารเขาแทรกจิตของพระอรหันต์ขีณาสพไม่ได้ แทรกได้แต่จิตของสมมุติสงฆ์และปถุชนทั่วไป ที่ยังปฏิบัติไม่ถึงขั้น เนื่องจากจิตเหล่านั้นยังบริสุทธิ์ไม่พอ บารมียังไม่แข็ง จึงเข้าถึงความจริงสูงสุดไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ในปฐมสังคายนาให้แต่พระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วนเข้าร่วมเท่านั้น แม้แต่พระอรหันต์สุกขวิปัสสโกก็ไม่ให้เข้าร่วม เพราะพวกท่านไม่สามารถตรวจสอบสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนฝ่ายมหายานด้วยอภิญญาของท่าน เนื่องจากพวกท่านไม่มีอภิญญา

พวกที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วน จะไปมีความสามารถตรวจสอบคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อนอวิชชาได้อย่างไรกัน?

ตรงข้อความนี้ผมมีความสงสัยครับ ขออนุญาติถามนะครับ

คือข้อความที่ทำสีแดงไว้นั้นน่ะครับ

คือพระอรหันต์สุกขวิปัสสโก จะไม่สามารถเข้าใจหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนได้เลยหรือครับ

ในเมื่อทันก็สิ้นอาสวะแล้ว และอีกอย่างหนึ่ง แสดงว่าท่านมีจิตไม่เป็นอนัตนัยหรือครับ ถึงสามารถเข้าใจจิตใจท่านได้ว่า ไม่สามารถตรวจสอบคำสอนของพระพุทธเจ้าได้

ขอความกรุณาจากท่านช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ

จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 7:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณRARM บัวพ้นดินครับ


พระอรหันต์สุขะวิปัสโก เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พระอรหันต์แห้งแล้ง ท่านมีอภิญญาอย่างเดียว คือ ทำให้อาสวะกิเลสหมดสิ้นไป ท่านไม่มีอภิญญาอีก 5 อย่างซึ่งเป็นโลกียอภิญญา เช่น แสดงฤทธิ์ได้ มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติได้ เป็นต้น

คำสอนของพระพุทธเจ้า เช่น เรื่อง นรก สวรรค์ พรหมโลก โลก
วิญญาณอะไรพวกนี้ ผู้ที่จะรู้ได้ต้องได้ฌาน 4 แต่พระอรหันต์สุขะ
วิปัสโก ท่านได้แค่ฌาน 1 แล้วเจริญมหาสติปัฏฐาน 4 เลย ซึ่งการเจริญมหาสติปัฏฐาน 4 ทำให้ได้ปัญญาทำให้อาสวะกิเลสหมดสิ้นไป
แต่ไม่ได้ทำให้เกิดโลกีย์อภิญญา อภิญญา 5 อย่างแรก ใช้โลกีย์อภิญญาจึงจะตรวจสอบได้ ส่วนอาสวักยญาณ หรือ สิ่งที่ทำให้อาสวะกิเลสหมดสิ้นไป ไม่ใช่โลกีย์อภิญญา

ศาสนาพราหมณ์ในยุคก่อนพระพุทธเจ้า เขาจึงไม่มีแม้แต่โสดาบัน
แม้ว่าจะมีฤทธิอภิญญามากมาย ศาสนาพุทธมีสิ่งที่ศาสนาพราหมณ์ไม่มี คือ มหาสติปัฏฐาน 4
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 9:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 10:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โปรดติดตาม : สาธุ ยิ้ม

นิกายในพระพุทธศาสนา โดย บัณฑิตวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย สาธุ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16447

พุทธเถรวาทกับพุทธมหายาน โดย นายแพทย์สุวัฒน์ จันทรจำนง สาธุ http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13726

นานาจริต....นานาศรัทธา : ที่มาแห่งความแตกต่างของหลากหลายนิกายของพระพุทธศาสนา
โดย รองศาสตราจารย์ฟื้น ดอกบัว
สาธุ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15764
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 11:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณกุหลาบสีชาบัวแก้วครับ

ผมได้เรื่องทั้ง 3 ที่คุณนำมาให้แล้ว เนื่องจากท่านอาจารย์ทั้ง 3 รวมทั้งคุณ
อาจจะยังไม่เข้าถึงปัญญาแท้จริง จึงยังมีความเข้าใจ
คลาดเคลื่อนอยู่ ไว้ผมจะเสนอกระทู้ไปเรื่อยๆ ผมคงไม่ต้องการ
ตอบข้อผิดพลาดที่ท่านอาจารย์ทั้ง 3 ยังไม่เข้าใจ เพราะมันเยอะมาก ต้องค่อยๆเป็นไป

ศาสนาพุทธต้องปฏิบัติสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อมาถึงจุด
หนึ่ง คุณจะพบความจริง ไว้ผมจะลองเสนอกระทู้ไป คุณมีอะไรก็ลองถกกันดู
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 11:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณRARM บัวพ้นดินครับ



ในเว็บพลังจิต ผมตอบเรื่องพระอรหันต์สุขะวิปัสโก ไม่มีฤทธิ์
อภิญญาไป ผมค้านที่หลวงพี่เล็กเทศน์ว่า พระอรหันต์สุขะปัสโก
มีฤทธิ์ มีอภิญญา ทางทีมงานเว็บพลังจิตหาว่าผมจาบจ้วง
"พระสุปฎิปันโน" แล้วเด้งผมออกมาจากเว็บ

ผมพูดแต่ความจริง หรือสิ่งที่ผมมั่นใจว่าจริง วันนี้คุณ สาธุ
อีกวันคุณอาจจะอยากไล่ผมออกไปจากเว็บก็ได้นะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลองภูมิ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 17 มี.ค. 2008
ตอบ: 16
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ค.2008, 12:35 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ศาสนาพราหมณ์ในยุคก่อนพระพุทธเจ้า เขาจึงไม่มีแม้แต่โสดาบัน
แม้ว่าจะมีฤทธิอภิญญามากมาย ศาสนาพุทธมีสิ่งที่ศาสนาพราหมณ์ไม่มี คือ มหาสติปัฏฐาน 4


อยากจะถามคุณ พลศักดิ์ว่า ศาสนาพราหมณ์ไม่มี มหาสติปัฏฐาน 4
คุณรู้ได้อย่างไร และมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นเช่นไร
ขอคำอธิบายด้วยครับ
แล้วก็ อื้ม โสดาบันในความเข้าใจของคุณเป็นเช่นไร อืมม์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ค.2008, 6:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตามความคิดของผมเอง ถ้าเรายังทำจิต ยังไม่พ้นความเป็นปุถุชนฉันใด เราคงยังต้องลูบๆ คลำๆ พระธรรมอยู่ตราบนั้น ความเข้าใจก็คงยังเป็นเพียงตัวหนังสือที่อ่านและตีความเข้าใจไปเองตาม สติ แล ปัญญาของตัวเอง ซึ่งข้อนี้ไม่ผิด

ต่อเมื่อเราดำเนินถึงเองแล้ว เราก็จะหมดความสงสัยไปเอง

ส่วนตัวผมเอง ก็กำลังดำเนินอยู่ เวลาตอบปัญหา ก็เป็นเพียงแสดงความคิดเห็น หรือสงสัยในสิ่งที่ยังศึกษาไม่ถึง

และก็หันกลับเอามาพิจารณา ว่าในแต่ละเรื่องนั้น เข้ากับอริยสัจ 4 หรือไม่ และได้เดินตามมรรคหรือไม่

เพียงเท่านี้เอง

และที่พยายามทำอยู่ปัจจุบัน ก็เพียงแต่ทำให้ให้บริสุทธิ์เท่านั้น ไม่ได้ปฏิบัติอะไรเลย

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ค.2008, 1:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอบคุณลองภูมิ บัวผลิหนอ


คุณพูดถูกแล้ว “ศาสนาพราหมณ์ในยุคก่อนพระพุทธเจ้า เขาจึง
ไม่มีแม้แต่โสดาบัน แม้ว่าจะมีฤทธิอภิญญามากมาย”
ทั้งนี้เพราะ อภิญญานั้นเกิดจากรูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4 ซึ่งเป็นวิธีการ
คุมจิตให้อยู่นิ่งระยะหนึ่งเท่านั้น สำเร็จได้ก็เป็นพรหม ยังอยู่ในภพ
สาม หลุดไปไม่ได้ แต่มหาสติปัฏฐาน 4 เป็นการฝึกให้เห็นความ
จริงว่า ทุกอย่างในภพสามอยู่ใต้กฎไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

เมื่อปฏิบัติจนเห็นความจริงแห่งไตรลักษณ์แล้ว จิตจะสิ้นราคะ
โทสะ โมหะ และกลับกลายเป็นจิตประภัสสรตามเก่า แต่เรียกชื่อ
ใหม่ว่า นิพพานจิต

ศาสนาพุทธในยุคนั้นมีสิ่งที่ศาสนาพราหมณ์ไม่มี คือ มหาสติ ปัฏฐาน 4 ศาสนาพราหมณ์ในยุคนี้ ก็มีผู้เข้าสู่อริยะบุคคลมา
กมาย เพราะความรู้เรียนทันกันหมด พระพุทธเจ้าไม่ได้ปิดบังวิธีการ เข้าสู่อริยะบุคคลเอาไว้ พระองค์เปิดเผยหมด
 


แก้ไขล่าสุดโดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ 02 ก.ค.2008, 2:00 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ค.2008, 1:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอบคุณลองภูมิ บัวผลิหนอ (ต่อ)


ผมรู้ได้อย่างไรว่า ศาสนาพราหมณ์ไม่มี มหาสติปัฏฐาน 4

ถ้าเขารู้วิธีมหาสติปัฏฐาน 4 เขาก็มีพระพุทธเจ้าแล้วซิครับ นี่แม้แต่
อุทกดาบส ซึ่งสำเร็จวิชาสูงสุดของพราหมณ์ในยุคนั้น ก็ไปถึงแค่
อรูปพรหม พราหมณ์เขาไม่รู้ว่า มีภาวะหนึ่งซึ่งอยู่กึ่งกลาง
ระหว่างรูปพรหม และอรูปพรหม ชาวพุทธเถรวาทที่เป็นสมมุติสงฆ์ก็
ไม่รู้ อริยะสงฆ์สอนก็ไม่เชื่อ

ภาวะกึ่งกลางระหว่างรูปพรหม และอรูปพรหม นั้นคือ อายตนนิพพาน หรือที่เรียกว่า ธรรมกาย ธรรมธาตุ ธรรมขันธ์ เป็นพรหมชนิดหนึ่ง เรียกว่า พรหมภูต

โสดาบันในความเข้าใจของคุณเป็นเช่นไร

โสดาบันต้องปฏิบัติจนรู้เห็นว่าทุกอย่างในโลกมันของปลอมทั้งนั้น แม้แต่ร่างกายของเราก็ปลอม จิตบริสุทธิ์พุทธะที่เป็นประภัสสรเท่า
นั้นเป็นของจริง จิตติดกิเลสอวิชชาก็ปลอม ทุกอย่างเป็นแค่มายา
มาลวงเราให้หลงว่ามันเป็นจริง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ค.2008, 7:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองภูมิ พิมพ์ว่า
อ้างอิงจาก:

อยากจะถามคุณ พลศักดิ์ว่า ศาสนาพราหมณ์ไม่มี มหาสติปัฏฐาน 4
คุณรู้ได้อย่างไร และมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นเช่นไร
ขอคำอธิบายด้วยครับ
แล้วก็ อื้ม โสดาบันในความเข้าใจของคุณเป็นเช่นไร อืมม์


แม้จะทำใจยอมรับ ควรจะวางเฉย
แต่ก็ไม่ชอบบุคคลที่มีจริตอย่างนี้ อดมีอารมณ์ไม่ได้


ถ้าผมถามคุณกลับว่า แล้วคำเหล่านั้นในความหมายของคุณคืออะไรล่ะ
คุณจะตอบไหม ... ??

มีความเสียสละ เพียงพอที่จะช่วยสละแรงกาย สละเวลาสักนิดหน่อย
พอจะช่วยแสดงธรรมอันยิ่งยงที่คุณเข้าใจอยู่...ได้ไหม

..............


ผมเห็นมาเยอะ คนประเภทคุณ
คือสักแต่ว่าแย้งได้ มีช่องให้อวดภูมิก็สำแดงเดช
ไม่กล้าหรอกที่จะอธิบายขยายความปัญญาความรู้อันยิ่งยงของตัว
คอยเพ่งโทษของคนอื่น ว่าจะถูกจะตรงกับของที่ตัวยึดถืออยู่หรือไม่


คิดว่าใครพูดอะไรผิด อะไรคิดไม่เหมือน มีอะไรไม่ถูก
ก็ช่วยๆเขียนลงมา

เอาความคิดมาประสาสะกัน แบบคนเจริญแล้ว


ถ้ามีความรู้แต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้ ... ก็ไม่ต่างอะไรกับหนังสือที่ถูกฝัง

แต่ตัวหนังสือในคัมภีร์มันอาจจะดีกว่า
ตรงที่มันไม่เที่ยวแขวะใครเพียงเพื่อจะบอกว่ามันมีความรู้
และที่ร้ายไปกว้านั้น .... เพียงเพื่อจะบอกว่า...
.."ฉันมีความรู้ .. และมันอาจจะมากกว่าคุณ"


ถ้าอะไรต่อมิอะไรไม่หนาเกินไป
ผมคิดว่า คุณยังโชคดีกว่าหนังสือนะ
หนังสือมันถูกเขียนไปยังไง มันก็จะจารึกไปอย่างนั้น
เมื่อเวลาผ่านไป หากความรู้ใหม่มันดีกว่า ถูกต้องกว่า ก็หมดสิทธิแก้ไข

แต่เกิดเป็นคน โชคดีกว่า
เพราะถ้าเราพบความรู้ใหม่ ดีกว่า ถูกต้องกว่า
เราก็สามารถสลัดความเชื่อเดิม สลัดความรู้เดิมที่ไม่ถูกต้องออกไป
สลัดความโง่ออกไป เอาความรู้ใหม่มาแทนที่ตรงนั้นได้

แต่ถ้าอุตสาห์โชคดี เกิดเป้นคน มีปัญญาอย่างคน
แต่ใช้ปัญญาอย่างกับเป้นกระดาษในหนังสือ
คืออะไรผิดไปจากที่จารึกแล้วก็ไม่ถูกทั้งสิ้น
... อันนี้ผมว่า..แย่กว่าการเกิดเป็นหนังสือ
เพราะหนังสือนั้น แม้ว่ามันจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
แต่มันไม่เที่ยวเอาตัวมันไปแขวะใครๆ เพียงเพื่อจะอวดว่ามันมีความรู้



คนเราควรจะมีปัญญา ในการแสงหาความรู้ จะได้ใช้ความรู้ให้เหมาะสม
เพราะถ้ามีความรู้ แต่ขาดเมตตา .. ก็จะใช้ความรู้นั้นในทางทำลายได้
อย่างเช่นที่ผมกำลังใช้ความรู้ ด่าคุณอยู่นี้ เป็นต้น
ดังนั้น การมีความรู้ จึงเป็นคนละเรื่องกับการมีปัญญา
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ค.2008, 10:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณคามินธรรมบัวผลิหนอครับ



ใจเย็นๆครับ เมตตาและให้อภัยกัน ผมคิดว่าคุณลองภูมิ บัวผลิหนอ ดีกว่าคนในเว็บอื่นๆมากๆๆๆเลย ยังเป็นมนุษย์ก็ยังต้องมี
อีโก้ หรือความอยากอวดเก่ง อวดรู้เป็นธรรมดา และก็ต้องมี
อารมณ์บ้างเป็นธรรมดา

เขาถาม ผมก็ตอบ เท่านั้นเองครับ ผมไม่ไปนำถ้อยคำใดๆเข้ามาเป็นอารมณ์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลองภูมิ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 17 มี.ค. 2008
ตอบ: 16
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 12:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อื้ม ขอบคุณครับ คุณพลศักดิ์ที่ตอบได้ค่อนข้างได้ดีพอสมควร เอาละผมไม่ถามคุณต่อแล้ว คราวนี้จะตามอ่านต่อเพื่อศึกษาธรรมของพุทธศาสนาต่อไป ผมเองก็ไม่เข้าใจเรื่องธรรมสายพุทธเท่าไร เพียงแต่ถ้าสงสัยก็ถาม แต่ผมก็คิดว่าผมไม่ได้อวดสักดาจะด่าใครในเว็บเลย เอ่อแปลกจิงนิ อยู่ดีๆก็มีคนมาด่า ผมก้ากกกกคนสายธรรมพุทธบางคนนี้ก็แปลกนิ อยู่ดีก็เที่ยวกัดคน

เรียนธรรมมาเพื่ออะไร กะแค่อารมณ์ในตัวหนังสือก็ หยุดมันไม่ได้ หยุดดูสักนิดว่าถนนว่างหรือเปล่า หยุดดูรองเท้าของตนว่าอยู่ดีหรือไม่ หยุดดูใจเราสักนิดว่า เราเป็นคนดีหรือยัง ...ก็แค่นั้นเอง ชิ


คุณพลศักดิ์ครับ ผมอยากจะเล่าอะไรให้ฟังเล่นๆเรื่องหนึ่ง อะเรื่องจิงนะ ไม่มุสา เมื่อวานนี้เอง ผมไปโลตัสมา ขากลับเดินกลับที่รถ ก็เห็นพนักงานเขาไล่สุนัขตัวหนึ่ง ผมก็ยืนดู ก็เห็นว่าน้ำลายสุนัขไหล ก็เข้าใจว่า สุนัขไม่สบาย แต่ได้ยินเสียงพนักงานตะโกนว่า เอาไม้ตีมันเลย เอาให้ตาย มันเป็นบ้า ผมได้ยินเช่นนั้นก็เดินไปบอกเขาว่า พี่ครับ ถ้ามันเป็นบ้า เดี๋ยวมันก็ตาย อย่าไปตีมันเลย เป็นบาปกับพี่นะ แล้วมันก็ยังไม่ได้กัดใครเลย เพียงเห็นว่ามันน้ำลายไหลก็คิดว่ามันบ้าแล้วหรือ ถ้าสมมุติว่าพี่เป็นสุนัขตัวนั้นแล้วอยู่ดีๆก็จะมีคนเอาไม้มาตีมาฆ่า พี่จะคิดยังไง ผมว่าปล่อยมันเถอะนะ รอดูสักพักก็บอกลูกค้าอย่าไปใกล้ก็พอ พวกพี่พนักงานของโลตัสก็เลยถอยออกไม่ฆ่ามัน สักพักสุนัขตัวนั้นก็ล้มลงแล้วก็หายใจแรงๆและชักกระตุก ไม่นานเท่าไรก็ขาดใจตาย .... อื้ม นี้ละถ้าไปฆ่ามันก็บาปมันจะตายอยู่แล้วจะหาเรื่องเพิ่มบาปกันทำไม นิ คุณว่ามั๊ย คิคิ

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 7:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณคามินธรรมบัวผลิหนอครับ



ใจเย็นๆครับ เมตตาและให้อภัยกัน ผมคิดว่าคุณลองภูมิ บัวผลิหนอ ดีกว่าคนในเว็บอื่นๆมากๆๆๆเลย ยังเป็นมนุษย์ก็ยังต้องมี
อีโก้ หรือความอยากอวดเก่ง อวดรู้เป็นธรรมดา และก็ต้องมี
อารมณ์บ้างเป็นธรรมดา

เขาถาม ผมก็ตอบ เท่านั้นเองครับ ผมไม่ไปนำถ้อยคำใดๆเข้ามาเป็นอารมณ์


ขอบคุณครับ บางทีผมก็อดไม่ได้ อย่างนั้นเอง

ผมก็อ่านที่เขาตอบแล้วด้านบนนี่แล้วล่ะ
แล้วก็อีกครั้งหนึ่งที่ธรรมะมันพิสูจน์ตัวเองว่า
เราก็ควรจะวางเฉย บางอย่างถือไปก็ไร้ประโยชน์

หินบางประเภท. กระเทาะ กระแทก แล้วจึงเห็นเนื้อเพชร.. พัฒนาคุณค่าขึ้นมาได้
หินบางประเภท.... ผมคิดไปเองว่าถ้าหยิบถือขึ้นมาใส่เป็นธุระ เป็นหน้าที่แล้วหวังว่า
มันอาจจะพัฒนาเป็นพลอยเป็นเพชรขึ้นมาได้


ลงท้าย มันก็เป้นได้แค่หิน เพราะธรรมชาติของมันเป็นได้แค่นั้น
มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง

ผมคิดว่า ผมต้องพยามละเลิกนิสัยที่อยากเห็นหินพัฒนาเป็นพลอยซะดีกว่า
เพราะเอาเข้าจริงมันก็แค่ อาจจะ. ไม่ใช่สัจจะ
คิดไปคิดมา ผมก็ทำเกินหน้าที่ไปจริงๆ
ไม่สำรวมในหน้าที่

..........................
ปล. คุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์
อาจจะใช้วิธีของพระพุทธเจ้า อย่างหนึ่ง คือ การไม่ตอบ
(แนะเฉยๆนะคับ ว่ายังมีวิธีนี้อยู่)
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลองภูมิ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 17 มี.ค. 2008
ตอบ: 16
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 11:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อืมม์ ผมนี้เสียนิสัยจังเลย ระงับความอยากรู้อยากเห็นก็ไม่ได้ ตื่นมาก็รีบมาเปิดเครื่องรีบดูเลยว่า อะไรจะเป็นอะไร แหม่กิเลสหนามาก คงต้องฝึกบ่อยๆ จะได้บางเบา ขำ โฮ๊ะๆๆๆๆๆ

คุณพลศักดิ์ครับ คุณคิดเหมือนผมมั๊ยว่า สมัยนี้ คนเรานิสัยแย่ลงมากกว่าแต่กว่าแต่ก่อนเลย คนแย่งกันทำมาหากิน ชอบหลอกกัน โกงกัน เพื่อตนเองทั้งนั้น เห็นคนเดือดร้อนก็มักนิ่งเฉย บางทีวิ่งมาชนเรายังไม่ขอโทษ แถมยังมามองหน้าอีก เฮ่อ.... นี้ละจิตมันต่ำลงทุกวัน ทุกวัน แทนที่จะพัฒนาทางด้านจิตใจ ก็พัฒนาแต่ด้านวัตถุ แต่ไม่เจริญสติของตนเอง ....อาทิตย์ก่อน ได้มีโอกาสไปวัดแห่งหนึ่ง เจอข้อความที่ถูกใจเลยละ เขาเขียนว่า ..อยู่ในฝูงชนต้องระวังปาก อยู่คนเดียวต้องระวังความคิด ..... เนี้ยถูกใจเลย คนเราเนี้ย ไม่ค่อยระวังความคิดตนเองเท่าไร มักเข้าข้างตัวเองคิดไปโน่นไปนี้ ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สังคมไทยทุกวันนี้เลยมีแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ใครเด่นกว่ากัน สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับไป เพราะทำไปด้วยความขาดสติ ยั้งคิด เป็นอีโก้ที่เกาะติดไปตลอดชาติ ครั้นพอคิดได้อยากปฏิบัติธรรมก็ยังทิ้งสันดานเดิมไม่ได้ เพราะอีโก้มันหนา แบบนี้ต้องขุดและขุดเอารากอีโก้ขึ้นมา แต่จะสายไปหรือเปล่า หรือต้องกลับมาเกิดอีกแปดแสนรอบถึงจะบรรลุธรรม .....เฮ่อออ...ฟังแล้วก็ย้อนกลับมาที่ตัวเรา ว่า เราจะเป็นเช่นนั้นไหม?...แต่ก็เอาน่าถ้าเราคิดว่าไม่ใช่นิสัยเราก็พอขุดได้แต่ขออย่าให้มันเป็นสันดอนเลยนะ แบบนี้ต้องพยายามขุดเอานิสัยไม่ดีทิ้งไปให้หมด โดนเฉพาะการเพ่งโทษผู้อื่น พระท่านเตือนบ่อยๆ แต่ก็ไม่วายนะ เผลอไม่ได้เป็นเรื่องทุกทีสิน่า........ อืมม์ อืมม์ อืมม์ ขำๆ

ตามที่ผมไปดูในเว็บพลังจิต ที่เขาไล่คุณออกมา เอ่อ...คุณนี้ก็ไม่เบานะ แต่ระวังละ ในเว็บนี้เขาก็ไม่ธรรมดานะ ....ในเว็บธรรมส่วนมากเดียวนี้ตามได้อ่านๆมานะ มักจะอวดภูมิธรรมของตัวเองกันเรื่อยๆ ก็มานั่งคิดดูเหมือนกันว่า เรียนธรรมพุทธศาสนากันมามาก แต่ไฉนกลายเป็นเช่นนี้ แข่งกันจังความเด่น แต่ไม่ยอมแข่งกันทำดีเลย แล้วจะเรียนไปหาสวรรค์วิมานอะไรกัน สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 12:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอบคุณลองภูมิ บัวผลิหนอ


" ถ้าสมมุติว่าพี่เป็นสุนัขตัวนั้นแล้วอยู่ดีๆก็จะมีคนเอาไม้มาตีมาฆ่า พี่จะคิดยัง "


คุณคงยังไม่ทราบ ผมโดนด่าในเว็บมาร่วมล้านครั้ง ตอนหลังผม
ใช้ตาทิพย์ดู ผมจึงพบความจริงว่า เว็บมาสเตอร์ในเว็บศาสนา
ต่างๆ รวมทั้งทีมงานเว็บมาสเตอร์ทำเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เว็บ
พันทิพย์ เว็บเมเนเจอร์ เว็บธรรมะไทย แม้แต่เว็บศาสนาอันดับหนึ่งของเมืองไทย คือ เว็บพลังจิต

พญามารใช้มารลูกน้อง เข้าสิงใจเว็บมาสเตอร์และทีมงาน เขาทำ
เพื่อปกป้องศาสนาพุทธเถรวาทของสมมุติสงฆ์ แม้แต่พระอรหันต์
และพระอริยะสงฆ์ต่างๆ พยายามเปิดเผยสัทธรรมแท้จริงของ
พระพุทธเจ้า มารเขายังตีกระจุยเลย เพื่อจะคงไว้ซึ่งสัทธรรมปฏิรูป
(ของปลอม)เอาไว้

ผมเคยรับคำท้าของคนที่ด่าว่าผมในเว็บว่าถ้าผมรู้ว่าเขาเป็นใคร เขา
จะเลิกยุ่งกับผมเลย ในเว็บพันทิพย์ ผมบอกว่าคุณมีชื่อในเว็บอยู่
เป็นสิบๆชื่อ ใช้เพื่อก่อกวนคนในศาสนาต่างๆ คุณชือ คุณวรพจน์
เป็นเว็บมาสเตอร์ของเว็บพันทิพย์ พอผมเปิดเผยออกไปเท่านั้น เขา
รับไล่ผมออกจากเว็บทันที ผมก็สมัครใหม่ ก็โดนไล่ออกอีกรวม 6
ครั้ง

ในเว็บเมเนเจอร์ก็เช่นเดียวกัน พอผมแสดงหลักฐานชัดๆว่า
เว็บมาสเตอร์ เป็นผู้ด่าผมและตั้งกระทู้ด่าผมทั้งสิ้น ใน 1 หน้ามีกระทู้
100 กระทู้ เป็นกระทู้ด่าผมถึง 90 กระทู้

ในเว็บพลังจิตก็เช่นเดียวกัน เป็นฝีมือเว็บมาสเตอร์และทีมงานของ
เว็บทั้งนั้น มีพุทธะก็ต่องมีมาร เขาต่อต้านกันอยู่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 12:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณคามินธรรม บัวผลิหนอครับ


ปรากฏการณ์ทุกอย่างในโลกนี้ มีไว้เพื่อทดสอบจิตของเรา เว่ยหลาง กล่าวว่า

" คนโง่พยายามหลักหนีปรากฏการณ์ที่ไม่ถูกใจตน แต่ไม่ยอม
หลีกหนีความคิดปรุงแต่ง คนฉลาดจะหลีกหนีความคิดปรุงแต่ง
แต่จะไม่หลีกหนีปรากฏการณ์ใดๆ "


ผมโดนด่าตามเน็ทเป็นล้านครั้ง ใหม่ๆใครด่ามา เราก็ด่าไป
พอตอนหลังจึงรู้ว่าไม่มีใครด่าเราสักคน เราดันเอาคำพูดของ
เขาเข้ามาปรุงแต่งในจิตเอง จึงเกิดความทุกข์

พระพุทธองค์สอนให้ทำตัวเหมือนแผ่นดิน ไม่คิดปรุงแต่งใดๆ
ทั้งสิ้น เมื่อรู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน
ความทุกข์ที่ไหนจะเข้ามาได้ หลวงปู่ดุลย์จึงสอนให้อย่าส่ง
จิตออกนอก ไปปรุงแต่งสิ่งใดให้เกิดทุกข์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 12:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณลองภูมิ บัวผลิหนอครับ


ก็อย่าไปคิดปรุงแต่งสิครับ เราจะมีทุกข์ได้อย่างไร พระมหา
โพธิสัตว์กวนอิม ท่านมองอยู่ทั้งโลก ใครที่ท่านพอช่วยได้
ท่านก็ช่วย แต่ถ้าเขามีกรรมหนักจนช่วยไม่ได้ ท่านก็ต้อง
วางเฉย ไม่ไปคิดปรุงแต่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลองภูมิ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 17 มี.ค. 2008
ตอบ: 16
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 11:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ อะขอบคุณที่ชี้แนะ ไม่เป็นไรครับ ท่านพลศักดิ์ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมเอาตัวรอดได้เสมอ ไม่ใช่ว่าผมจะพึ่งเข้าวงการนี้ แต่เคยแฝงตัวตามเว็บต่างๆมาช้านานแล้วตั้งแต่สมัย เว็บลานธรรมสมัยเปิดใหม่ๆ หรือเว็บ84000พระธรรมขันธ์(ไปเจอท่านที่ว่าบรรลุธรรมที่อยู่เชียงใหม่ก็ที่นี้ละ) เปิดแรกๆก็ไปทะเลาะกับเขามาเหมือนกัน แต่หลังๆก็ไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวซักเท่าไร เรื่องทะเลาะหรือด่ากัน โอ้ย ผมก็โดนมาเยอะนะ มีแม้กระทั้งอาฆาตขู่เอาชีวิตเลยที่เดียว ตอนหลังมาคิดในใจว่า คนที่ด่าเราเขามีแค่ปัญญาอันน้อยนิด ไม่ต่างอะไรจากปัญญาควายเลย (ขอโทษที่เปรียบไม่ค่อยดี แต่คิดแบบนี้จริงๆ) โอ๊ะๆๆ นี้ขนาดเว็บของคนปฏิบัติธรรมนะ ถ้าเว้บที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาละจะเป็นเช่นไร .... หลังๆมานี้เริ่มแก่มากแล้วไม่ค่อยได้ออกท่องยุทธจักร แต่ก็อยู่แต่เว็บศาสนาที่เราถนัด สำหรับเว็บนี้ก็เข้ามาอ่านและคอยสนับสนุนอยู่ห่างๆ ผมเป็นคนนับถือหลายศาสนา ไม่ยึดเพียงแค่หนึ่ง แต่ก็นับถือพระพุทธเจ้าเป็นสูงสุดเหมือนศาสนาอื่นเช่นเดียวกัน สมัยก่อนมุมมองของผมกับพุทธศาสนาจะเป็นอีกแบบ ผมว่าศาสนาพุทธนี้ดีนะ แต่คนที่คิดว่าตัวเองเป็นพุทธนี้สิ มีหลายแบบ ชอบยกอาจารย์ของตัวเองมาชูกัน ต่างคนต่างว่าอาจารย์ของตนสอนถูก สอนได้ตามหลักพระพุทธองค์ แต่พอไม่ชอบใจอีกฝ่ายก็จะยกฝ่ายของตนมาข่มทันที ก็แปลกดีนะ เห็นอยู่บ่อยๆ สายนั้นสายนี้ สายนี้ดีกว่าสายนั้น สายนั้นตกนรก สายนี้เข้านิพพานง่ายกว่า ทำยังกะว่า นิพพานเข้ากันง่ายเหลือเกิน ถามกันเข้าไปว่า แล้วใช่สายของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า ก็ใช่นะ แต่ชอบเถียงกัน หรือชอบเถียงเอาแค่ความมันเข้าว่าก็ไม่รู้ คนเราก็มีแค่นี้ละ อยู่ไม่นานก็ตาย แต่ก่อนตายทำอะไรให้สังคมหรือส่วนรวมหรือยัง ช่วยอุ้มชูพุทธศาสนาให้คงอยู่นานๆไม่ดีกว่าหรือ คุณว่าจริงมั๊ย อืมม์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง