Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เราได้อะไรจากการสวดมนต์ครับ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
Por
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.พ.2005, 4:10 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมคาใจในเรื่องของการสวดมนต์ครับ ว่าพุทธคุณของการสวดมนต์นั้นช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร เช่นบาง คาถาบอกว่า สวดแล้วจะเจริญรุ่งเรือง หรือ สวดแล้วชีวิตจะพบกับความสุขสงบ ซึ่งแต่ละคาถานั้นมีพุทธคุณต่างกัน

1. ขอให้ท่านผู้รู้ช่วยอธิบายหลักเหตุและผลของการสวดมนต์ให้หน่อยครับ ว่าทำไมการสวดมนต์นั้นถึงช่วยให้ชีวิตดีขึ้นตามลักษณะคาถาที่สวด?

2. อีกข้อหนึ่ง คือถ้าเราสวดมนต์โดยไม่ทราบความหมาย แต่สวดด้วยใจที่เป็นสมาธิ จดจ่อและมั่นคงต่อบทสวดมนต์ นอกจากสมาธิที่เกิดขึ้นขณะสวดมนต์นั้น ไม่ทราบว่าชีวิตเราจะดีขึ้นตามคาถานั้นๆ หรือเปล่าครับ หรือว่าเราได้เพียงจิตใจที่สงบจากการสวดมนต์เท่านั้น?

ตัวอย่าง:

พระคาถาชินบัญชร: ผู้ใดได้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นประจำอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้เกิดความสิริมงคลสมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่กลํ้ากราย ไปทางใด ย่อมเกิดเมตตามหานิยม เกิดลาภผลพูนทวี ขจัดภัยจากภูตผีปีศาจ ตลอดจนคุณไสยต่างๆ ทำน้ำมนต์รดแก้วิกลจริตแก้สรรพโรคภัยหายสิ้น เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต มีคุณานุภาพตามแต่จะปรารถนา ดังคำโบราณว่า "ฝอยท่วมหลังช้าง" จะเดินทางไปที่ใดๆ สวด ๑๐ จบ แล้วอธิษฐานจะสำเร็จสมดังใจ

ชัยมงคลคาถา: ผู้ใดสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากา เป็นประจำทุกๆ วันแล้ว มีแต่ชัยชนะทุกประการ เรียนหนังสือก็เกิดปัญญา มีแต่ความเก่งกล้าสามารถ ผู้ใดสวดทุกเช้า ค่ำ คิดสิ่งใดที่ดีเป็นมงคลจะสมความปรารถนาทุกประการ

ขอบคุณมากครับ
 
TU
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589

ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.พ.2005, 9:37 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อานิสงส์ของการสวดมนต์โดยรู้คำแปล

๑. เพิ่มพูนศรัทธาในพระรัตนตรัย อันจะเป็นพลังทำให้เรามีชีวิตชีวา
และดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า

๒. เพิ่มพูนปัญญา ที่เกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองธรรมะ อันจะทำให้
เราเข้าใจโลกและชีวิตตามความเป็นจริง

๓. เมื่อน้อมข้อธรรมที่ได้สวดมาปฏิบัติ ทำให้ดับทุกข์ในวัฏสงสารเสียได้
ดังข้อความในวิมุตตายตนสูตร ว่า

“บางคนหมั่นสวดมนต์หรือสาธยายข้อธรรมที่ได้เรียนมา
และขณะที่สวดมนต์ ด้วยจิตเป็นสมาธินั้น เขาน้อมข้อธรรม
มาปฏิบัติ จนบรรลุถึงความพ้นทุกข์ได้”


(อง. ปญจก. ๒๒/๒๖/๒๒)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวYahoo Messenger
ชัช
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.พ.2005, 11:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การสวดมนต์ และผลที่ผู้สวดได้รับ...

ลองเข้าไปที่http://www.mvvt.org ดูซิครับ เพราะมีการอธิบายและการนำเสียงสวดมารักษาโรคโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ทางยุโรป

น่าจะอธิบายเทียบเคียงกับการสวดมนต์ของเราชาวพุทธได้บ้างนะครับ

 
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.พ.2005, 12:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

........ .....
 
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.พ.2005, 3:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องที่ถามนี่มิใช่เรื่องจะอธิบายได้ง่ายๆ
การถามเรื่องนี้เกิดจากเหตุสงสัยดังที่ผู้ถามได้ยกมา เป็นเหตุสมควรถาม
สิ่งที่น่าสังเกต คือ

1. มักจะมีการพรรณนาคุณการสวดมนต์บทสวดมนต์ต่างๆว่าบทสวดนั้น บท
สวดนี้มีคุณมากมาย และคุณที่กล่าวถึงนั้นมักจะกล่าวถึงการมีชีวิตดีขึ้นด้วย
เหตุผลจากการสวดมนต์ จนทำให้มองว่าบทสวดมนต์นั้นแก้ปัญหาได้ทุก
เรื่อง เพียงนำมาสวดเท่านั้น

2. การพรรณนาคุณของบทสวดมนต์แต่อย่างเดียว เป็นการค้านกับหลักกรรม
ของพุทธศาสนา เพราะวิบากหรือผลกรรมที่สัตว์จะได้รับย่อมมีอยู่ วิบากกรรม
ที่ให้ผลและการสวดมนต์ไม่สามารถปัดเป่าให้พ้นนั้นก็มีอยู่ การพรรณนาคุณ
ของบทสวดมนต์ที่ค้านกับหลักกรรม จึงถือว่าเป็นการพรรณนาคุณบทสวด
มนต์โดยไม่ชอบ เพราะพูดด้านเดียวและพรรณานาแล้วไม่สามารถพิสูจน์
ได้จริงไปทั้งหมด

3. การกล่าวถึงคุณค่าการสวดมนต์ตามความเป็นจริงหาได้ยาก ทั้งที่
ประโยชน์ของการสวดมนต์นั้นมีอยู่ และคุณค่ามีมาก การสวดมนต์เป็น
การเจริญภาวนาอย่างหนึ่งในลักษณะการบริกรรม การฟังการสวดมนต์ถือ
เป็นการฟังธรรมอย่างหนึ่ง เช่นการสวดบท "ธรรมจักกัปวัตนสูตร" ก็เหมือน
กับปัญจวัคคีย์ฟังธรรมจักกัปวัตนสูตรในสมัยก่อน เพราะบทสวดมนต์ที่สวด
นั้นมาจากพระสูตร แม้จะเป็นการสวดบทอื่นแล้วมีคนฟังก็ถือว่าเป็นการฟังธรรม
ด้วยเหตุนี้พิธีสวดมนต์จึงมีการอัญเชิญเทวดา การอัญเชิญเทวดาก็เพื่อให้
เทวดามาฟังการสวดมนต์ การฟังการสวดมนต์นั้นถือว่าเป็นการฟังธรรม
เหมือนคนฟังเทศน์ตามวัด

การสวดมนต์และการฟังการสวดมนต์ แม้ไม่รู้ความหมายของบทสวดมนต์
นั้นก็ได้บุญกุศล การสวดมนต์และการฟังจึงถือเป็นบุญกุศล นี่คือประโยชน์
ของการสวดมนต์

ส่วนการสวดมนต์ทำให้ชีวิตในปัจจุบันดีขึ้นหรือไม่ ไม่สามารถแสดงให้เห็น
อย่างชัดเจนได้ แต่ดูว่าหลังการสวดมนต์แล้วผู้สวดมนต์มีจิตใจดีขึ้นหรือไม่
มีความสุขขึ้นหรือไม่ สิ่งเหล่านี้สามารถสังเกตได้ ถ้ามีความสุขแล้วการดำ
เนินชีวิตของบุคคลผู้นั้นที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆไปในทางที่ดีขึ้นหรือแตก
ต่างจากก่อนหน้านั้นหรือไม่ เพราะการใช้ชีวิตในทางที่ดีย่อมนำสุขมาให้
การเปรียบเทียบทำนองนี้ดีกว่าการมองในรูปของการได้มาซึ่งวัตถุ ซึ่งเป็น
ความหลงงมงาย อย่างไรก็ตามเราต้องยอมรับในเรื่องของผลกรรมและวิบาก
ที่เกิดขึ้นด้วย

การสวดมนต์เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรม เป็นการขัดเกลาจิตใจของตัว
เราเอง การชักนำคนให้สวดมนต์ควรพูดด้วยถ้อยคำที่ควรจะเป็นไปได้ และ
ไม่ควรยกตัวอย่างที่มหัศจรรย์มากล่าว แม้ว่าในบางครั้งความมหัศจรรย์นั้น
อาจมีอาจเกิดขึ้นได้ แต่นั่นมิใช่เหตุผลที่ควรจะนำมากล่าวเพื่อแสดงให้
สาธารณชนเห็นว่าเป็นเช่นนั้น คุณและความมหัศจรรย์ของการสวดมนต์
ย่อมมีตามเหตุตามปัจจัยองค์ประกอบต่างๆ เช่นเรื่องกรรม เรื่องของสมาธิใน

การสวด ซึ่งมีปัจจัยต่างๆ มาเกี่ยวข้อง
ความเชื่อความศรัทธาในการสวดมนต์ย่อมนำความเจริญมาสู่ผู้สวด นำชีวิต
ไปสู่สุคติอันเป็นที่เจริญ
 
Por
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.พ.2005, 1:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณทุกท่านมากครับที่พยายามแสดงความคิดเห็นในหลายๆ แง่มุม ขอถามคำถามต่ออีกนิดหนึ่งนะครับ เพื่อจะได้คลายข้อสงสัยทั้งหมด

1. หลังจากอ่านความคิดเห็นของคุณ TU ดูแล้ว ผมเกิดข้อสงสัยตามมาอีก เช่น

- เพิ่มพูนปัญญา ที่เกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองธรรมะ อันจะทำให้ เราเข้าใจโลกและชีวิตตามความเป็นจริง (และ ข้อ 2 นี้ นำไปสู่ข้อ 3: การนำธรรมนั้นไปปฏิบัติ)

แต่ในบทสวดมนต์ทั่วไป เช่นพระคาถาต่างๆ โดยเนื้อหาของคำแปลนั้น เป็นการคล้ายๆ กับขอพรเสียส่วนใหญ่ เช่น ขอพรให้เทพต่างๆ มาคุ้มครอง เมื่อเป็นเช่นนี้ นอกจากศรัทธาแล้ว เราก็จะไม่ได้อานิสงส์จากการทราบความหมายของคำแปลนั้นๆ ใช่ไหมครับ เพราะเป็นการขอพรหรือการระลึกถึงองค์พระรัตนตรัยเสียมากกว่า ผมจึงสงสัยว่าถ้าเป็นเช่นนี้แล้วเราจึงไม่ต้องทราบคำแปลก็ได้เนื่องจาก ศรัทธา นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่นำบทสวดมนต์ขึ้นมาสวดแล้ว ผิดถูกอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยครับ

2. ได้ตามลิ้งค์ที่คุณ ชัช ให้ไว้ ผมยังอ่านไม่จบดี แต่พอจับทางได้ว่าสาเหตุที่คนที่เป็นโรคแล้วหายไม่ใช่เพราะศรัทธาในบทนั้นๆ แต่เป็นเพราะจังหวะต่างๆ ของตัวบทสวดมนต์นั่นเอง เรื่องนี้น่าสนใจดีครับ เพราะผมลองสังเกตุบทสวดมนต์ เช่น ชินบัญชร และ พาหุงฯ จะมีจังหวะ สั้นและยาว สม่ำเสมอ คล้ายกันไปตลอดทั้งบท ถ้าเราต้องการเพียงพุทธคุณจากบทสวดมนต์นั้นๆ เราจึงไม่จำเป็นต้องทราบคำแปลใช่ไหมครับ

ขอบคุณมากครับ
 
ไอธรรมไอที
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 12 ธ.ค. 2004
ตอบ: 28

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.พ.2005, 12:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1069
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.พ.2005, 1:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทสวดมนต์ที่ยกมาตามความเห็นที่ 5 เป็นการยกมาบางส่วน บทสวดมนต์มีหลายลักษณะ และหลายเนื้อหา ต้องดูที่พระใช้สวดประจำ ว่าพระสวดบทไหนบ้าง จะเข้าใจบทสวดมนต์ได้ดีในบทสวด พระสูตร พระอภิธรรม และพระปริตเป็นต้น และจะเข้าใจความหมายที่คุณ TU ได้แสดงความเห็นไว้ว่าตรงความหมายทีเดียว

เรื่องสวดมนต์แล้วหายจากโรคนี่ ไม่ควรไปยึดถือและวินิจฉัยเอง ในสมัยพุทธกาลมีบางครั้งต้องอาศัยบทสวดมนต์บางบทรักษาโรคการป่วยหนัก ซึ่งพระพุทธเจ้ารู้เหตุเป็นพุทธวิสัย

การสวดมนต์นี่อยากให้ปฏิบัติด้วยการสวดบทสวดต่างๆให้บ่อยๆ และให้รู้ด้วยตนเองว่าดีอย่างไรกับชีวิต แต่ไม่ควรพูดว่าดีอย่างนั้น แก้ปัญหาอย่างนั้นได้ อย่างนี้ได้ เพราะบุคคลแต่ละคนได้รับผลการสวดมนต์ไม่เหมือนกัน

แต่ถ้าต้องการให้ชีวิตมีความสุขแล้วให้สวดมนต์เป็นประจำเถิด ย่อมเป็นสิ่งดีแก่ชีวิตแน่นอน
 
Por
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.พ.2005, 4:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Thank you very much for your answer krub khun โอ่.



 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.พ.2005, 12:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นบ้างนะครับ การสวดมนต์ถ้าจะให้ได้ผลอย่างสมบูรณ์นั้น จะต้องเป็นการสวดมนต์บูชาคุณพระรัตนตรัยครับ ซึ่งจะทำให้ได้ผลดังนี้

1. เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต 1 ใน มงคลชีวิต 38 ประการ ชื่อว่า บูชาบุคคลที่ควรบูชา โดยเฉพาะถ้าผู้สวดสวดแล้วมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัยจริงๆ ทำไมต้องบูชาพระรัตนตรัย เพราะพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มีพระคุณกับเราอย่างมากมายมหาศาล ยกตัวอย่าง ถ้าเราตกน้ำ แล้วมีคนมาช่วยเราให้รอด เรารู้สึกว่า เขามีพระคุณช่วยชีวิตเราใช่มั้ยครับ แล้ว การที่เราเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วนอยู่ในทะเลทุกข์แห่งสังสารวัฎ แล้ว ถ้ามีเรือลำใหญ่มาช่วยเรา หลังจากนั้น พาเราไปส่งที่ฝั่งล่ะครับ เขาจะมีพระคุณกับเรามากมายขนาดไหน สมควรสรรเสริญพระคุณของเขาหรือไม่ ก็ต้องลองคิดดู

พระพุทธ - หมายถึง กัปตันเรือ
พระธรรม - หมายถึง ตัวเรือ
พระสงฆ์ - หมายถึง ลูกเรือ

ระยะทางจากทะเลสู่ฝั่ง - หมายถึง หนทางที่ถูกต้อง ที่จะนำเราให้หลุดพ้นจากความทุกข์ในวัฏฏสังสาร จนถึง พระนิพพาน บรมสุข ซึ่งเป็นการช่วยเหลือของพระรัตนตรัยให้กับเราข้ามภพข้ามชาติไปจนถึงฝั่งพระนิพพานเลยทีเดียว แล้วจะไม่บูชาได้อย่างไร

2. ช่วยให้รอดพ้นภัยอันตราย และโรคร้าย ต้องขึ้นกับเงื่อนไข เนื่องจากพระคุณของพระรัตนตรัยมีมากมหาศาล ถ้าใครเลื่อมใสจริงๆ ย่อมเกิดบุญมหาศาลเช่นเดียวกัน แต่บุญนั้นก็จะตัดรอนวิบากกรรมของตัวเรา ถ้าเราทำบาปมาหนามาก บุญก็ช่วยไม่ได้หมด แต่จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา หรือ ถ้าตายก็ไปดี

เช่น คนป่วยใกล้ตาย ก่อนตายเห็นพระพุทธเจ้ามีจิตเลื่อมใส ตายแล้วไปเป็นเทพบุตร จะเห็นว่า บาปกรรมทำมามาก บุญไม่พอจะช่วยชีวิต แต่ช่วยให้ไปดี

แต่ถ้าทำบาปกรรมมาเบาบาง บุญนี้ก็จะช่วยได้ครับ เหมือน ที่คุณโอ่พูดมานั่นแหละครับ ที่พระพุทธเจ้าไปสวดพระปริตร (ไม่แน่ใจคำสะกด) รักษาโรค

3. เป็นการทำให้ใจสงบเป็นสมาธิ ตรงนี้เองที่เป็นคุณของการสวดมนต์ทั้งนอกพระรัตนตรัย (สวดบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ ลูกกรอก กุมารทอง เทพเจ้าต่างๆ) และการสวดมนต์ในพระรัตนตรัย ซึ่งถ้าเป็นในพระรัตนตรัยก็จะน้อมนำสู่การปฏิบัติธรรมะเบื้องสูงได้

แต่ถ้าสวดบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกพระรัตนตรัย จะไม่ได้ประโยชน์ของข้อ 1 และข้อ 2 นะครับ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีไม่ได้มีพระคุณช่วยให้เราพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้เหมือนพระรัตนตรัยครับ
 
ppj
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 มี.ค.2005, 8:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สะอาด
สว่าง
สงบ
 
ท่านจันทโชต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 มี.ค.2005, 11:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เราเข้าใจบทสวดไหม มันแปลว่าอะไร ถ้าไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรอย่าง ไม่เข้าใจ เพราะเป็นภาษาบาลี อย่างนี้เป็นสมาธิ เพราะเราผูกจิต ผูกความรู้สึกไว้กับบทสวดนั้น ไม่ให้เผลอไม่หลงลืม จิตแน่แน่วไปกับบทสวดนั้นๆ ด้วยไม่ฝืนความรู้สึก ฯลฯ

ส่วนที่เขาแปลบทสวดไว้ สวดไปด้วย เข้าใจด้วย จึงเกิดสัทธา ต่อพุทธคุณ ธรรมะคุณ และสังฆคุณ + ด้วยสมาธิจะเกิดไปพร้อมๆ กัน ฯลฯ

ส่วนที่ว่า ทำให้อยุ่ดีมีสุขประสบความสำเร็จในชีวิต นั้นต้องมีองค์ประกอบอีกหลายอย่าง ไม่ใช่แค่สวดๆๆๆ

คาถาอะไรๆ ต่างๆ ทีอวดสรรพคุณไว้ นั่นเป็นการโฆษณาผิดหลักพุทธธรรม ฯลฯ
 
รุ่งลลิดา สกุลงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 ก.ค. 2007
ตอบ: 53
ที่อยู่ (จังหวัด): 75/8 ม.3 ม.จามจุรี 2 ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120

ตอบตอบเมื่อ: 26 มี.ค.2008, 7:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การสวดมนต์เป็นการเจริญพุทธานุสติ ธรรมานุสติ และสังฆานุสติ ทำให้เกิดสมาธิ มีจิตตั้งมั่น
การมีจิตตั้งมั่นทำให้การทำงานการตัดสินใจต่างๆ มีเหตุมีผล.......... สาธุ ขอยกตัวอย่าง
แบบวิทยาศาสตร์น่ะค่ะ................ ซึ้ง ซึ้ง ซึ้ง สาธุ
 

_________________
มีสติไว้
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2008, 11:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง