Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พระห้ามไหว้พระ... อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 8:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตามข่าวมีเจ้าอาวาสวัดหนึ่งปิดป้ายห้ามชาวพุทธไหว้พระพุทธรูป

สมาชิกลานธรรมมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไรกันบ้างครับ

มีใครเคยไปวัดนี้ หรือเคยปฏิบัติธรรมตามรูปแบบที่ทางวัดนี้สอนบ้างครับ

เนื้อข่าวด้งนี้ ครับ


กรณีมีผู้ร้องเรียนเข้ามายัง “ไทยรัฐ” ว่าที่วัดสามแยก บ้านห้วยยางทอง ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มีการเขียนป้ายติดไว้ด้านหน้าองค์พระพุทธรูปว่า “ทองเหลืองหล่อนี้ไม่ใช่พุทธเจ้าแน่ ไม่ต้องกราบมัน” และ “ห้ามนำดอกไม้และเครื่องบูชามาวางบริเวณนี้” โดยพระเกษม อาจิณสีโล เจ้าอาวาสวัดสามแยก อธิบายว่าเป็นกุศโลบายในการสั่งสอนไม่ให้ชาวพุทธยึดติดกับวัตถุที่เป็นพุทธพาณิชย์ แต่เน้นให้ยึดถือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ตามพระไตรปิฎกมากกว่า จนเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสมหรือไม่นั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. พระครูวิชัยพัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดศิลาวดี หมู่ 3 ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ในฐานะเจ้าคณะตำบลหลักด่าน สายธรรมยุต ซึ่งดูแลรับผิดชอบวัดสามแยก กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวานนี้ จึงเพิ่งทราบเรื่องราวดังกล่าว คงจะต้องเข้าไปตรวจสอบดูอีกทีก่อน

สำหรับพระพุทธรูปนั้นเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนพุทธองค์ การเขียนป้ายติดแบบนั้นน่าจะไม่เหมาะสม หากพบว่ามีข้อความอยู่ในวัดดังกล่าวจริง คงต้องไปแจ้งแก่พระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าอาวาส ให้เอาออก หากไม่ทำตามคงต้องหารือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ต่อไป สำหรับพระเกษมนั้น บวชมานานกว่า 20 พรรษาแล้ว และไม่ได้มีสมณศักดิ์แต่อย่างใด

http://board.palungjit.com/showthread.php?t=141309
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ใบโพธิ์
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 8:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

พบวัดพิลึก ห้ามไหว้พุทธรูป

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ภายหลัง นสพ.ไทยรัฐ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ไปทำบุญที่ วัดสามแยก บ้านห้วยยางทอง ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ว่า ทางวัดห้ามชาวบ้านกราบไหว้ พระพุทธรูปแถมยังติดป้ายข้อความไว้หน้าองค์พระอย่างไม่เหมาะสม กลายเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านทั้งในและพื้นที่ใกล้เคียง จ.เพชรบูรณ์

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบเป็นวัดอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ 150 กม. ทางเข้าวัดเป็นลูกรังขรุขระ ระยะทางกว่า 13 กม. ด้านหน้าวัดมีป้ายขนาดใหญ่เขียนแจ้งให้ผู้ที่เข้ามาภายในเขตวัดอ่านและปฏิบัติตามกฎของวัดอย่างเคร่งครัดหลายสิบข้อ ก่อนเข้าวัดมีเหล็กกั้นขวางทางเข้า-ออก ลักษณะเป็นเหล็กแป๊บยาวที่ใช้กั้นทางเข้าเขตหวงห้ามทั่วไป ภายในวัดมีโรงธารขนาดใหญ่ ศาลาการเปรียญสองชั้น 1 หลัง ในศาลามีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้จับภาพผู้ที่เข้ามาภายในวัด บริเวณด้านหลังวัดมีกุฏิพระหลังเล็กๆ อยู่ล้อมรอบหลายหลัง แต่ไม่มีโบสถ์วิหารเหมือนวัดทั่วไป รวมทั้งห้ามถ่ายภาพนิ่งภายในเขตวัดและบริเวณสงฆ์

ส่วนหน้าศาลาการเปรียญมีป้ายข้อความเขียนอย่างเด่นชัดว่า “ตามที่ข้าฯ สอนคำพุทธองค์ยังพึ่งมนต์ การปลุกเสกเครื่องรางฯ รูปเคารพ ถ้าอยากฟัง สิ่งที่ข้าฯ พูดให้ได้ประโยชน์ ควรนำสิ่งเหล่านั้นออกให้พ้นจากความคิด แล้วมาฟังถามปัญหากับข้าฯ ใครทำไม่ได้อย่ามา เสียเวลาเหนื่อยเปล่าๆ ทั้งคนพูดและคนฟัง ขอยืนยันคำพุทธแท้ท่านไม่ให้พึ่งสิ่งเหล่านั้น ใครพึ่งถือว่าเป็นชาวพุทธสกปรก” ลงชื่อ พระเกษม อาจิณณสีโล

อีกป้ายมีข้อความว่า “เมื่อข้าฯ เทศน์ให้ผู้พึ่งมนต์ เครื่องรางของขลังฟัง ข้าฯเหนื่อย หงุดหงิด ไม่สบายใจ รู้สึกไม่ดี เมื่อไม่พึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง ไม่ต้องมาฟังข้าฯ เทศน์ ข้าฯ เหนื่อยโดยเปล่าประโยชน์ เพราะผู้มีเครื่องรางของขลัง ของอย่างนี้ฟังไม่เข้าใจ” นอกจากนี้ ในศาลาการเปรียญยังมีข้อความคำสอนที่อ้างอิงจากพระไตรปิฎกติดไว้ตามเสาศาลาการเปรียญจำนวนมาก และพบพระพุทธรูปทองเหลืองคล้ายพระพุทธชินราช สูงประมาณ 150 ซม. หน้าตักกว้าง 90 ซม. ตั้งอยู่บนแท่นมีป้ายข้อความ 2 แผ่นวางไว้หน้าองค์พระ ป้ายแรกวางระบุว่า “ห้ามนำดอกไม้และเครื่องบูชามาวางไว้บริเวณนี้” ส่วนอีกป้ายวางไว้ตรงฐานพระเขียนว่า “ทองเหลืองหล่อนี้ ไม่ใช่พุทธเจ้าแน่ ไม่ต้องกราบมัน”

สอบถามทราบว่า เจ้าอาวาสวัดนี้ชื่อ พระเกษม อาจิณณสีโล อายุ 48 ปี ถึงเหตุผลที่ต้องปิดป้ายห้ามกราบไหว้พระพุทธรูปจนกลายเป็นเรื่องฮือฮาในหมู่ชาวพุทธ ได้รับการชี้แจงว่า หากใครไม่ยินดีที่จะรับฟังคำสอนก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางมา เพราะวัดนี้ได้ยึดตามแนวพระไตรปิฎกทั้งสิ้น โดยไม่ยึดถือตำราใดๆ และการมีวัตถุมงคลนั้นถือเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงแก่นของพระพุทธศาสนา หากผู้ใดไม่นำสิ่งของวัตถุมงคลทั้งพระพุทธรูป ตะกรุด พระห้อยคอต่างๆออกจากตัวและบ้านพักเคหสถาน แล้วก็ไม่ต้องเข้ามาที่วัดแห่งนี้ เพราะที่วัดสอนอย่างมีหลักการและเหตุผลสำหรับคนที่เปิดประตูรับเท่านั้น และจะต้องไม่ติดยึดกับวัตถุมงคลเพราะเป็นพุทธพาณิชย์

พระเกษมยังกล่าวอีกด้วยว่า การสอนธรรมะก็เช่นกัน ในพระไตรปิฎกได้บัญญัติไว้ว่าให้สอนธรรมะด้วยภาษาท้องถิ่น การสวดเป็นภาษาบาลีให้คนไทยฟังโดยไม่มีความเข้าใจในความหมายนั้นจะไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก่อนหน้านั้นผู้ที่มีความรู้หรือการศึกษาระดับสูงเคยเข้ามาที่วัดครั้งแรกก็ไม่เข้าใจในแนวทางนี้ แต่เมื่อได้รับหนังสือของวัดไปศึกษาก็บังเกิดความเข้าใจและกลับไปนำพระพุทธรูปออกจากบ้าน นำพระเครื่องออกจากคอและหันกลับมาศึกษาในพระไตรปิฎกซึ่งเป็นแก่นแท้ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง “อาตมาไม่ได้มุ่งหวังจะให้ทุกคนต้องเข้ามาตามแนวทางนี้ หากมา 10 คนสามารถเข้าถึง 1 คน หรือหากมา 100 เข้าถึง 5 คน ก็ไม่เป็นไร ได้เท่าไรก็เท่านั้นเพราะขึ้นอยู่กับการเปิดรับของแต่ละบุคคล แม้มีเพียง 5 คนที่เข้าใจก็จะสอนให้ เท่านั้น” พระเกษมกล่าว

จากการสอบถามลูกศิษย์คนหนึ่งของพระเกษม กล่าวว่า คำสอนของพระเกษมไม่ให้ติดยึดกับเครื่องรางของขลัง ก่อนหน้านั้นที่บ้านของตนมีพระพุทธรูปและพระเครื่องที่ได้มาจากบรรพบุรุษ แต่พอได้ฟังธรรมจากพระเกษมที่สอนว่าในพระไตรปิฎก ไม่ได้กล่าวถึงการสร้างวัตถุมงคล หรือพระพุทธรูป ถือเป็นสิ่งงมงายกับวัตถุที่อุปโลกน์กันขึ้นมา แถมยังทำให้จิตใจผูกติดอยู่กับสิ่งนั้น ไม่เข้าใจถึงแก่นของพระธรรม คำสอนของพุทธเจ้าได้ พระอาจารย์สอนว่า ที่ผ่านมาเราเชื่อและกราบไหว้พระพุทธรูป ก่อนตายให้นึกถึงคุณพระเอาไว้ ทำให้จิตของคนที่กำลังจะตายติดอยู่ในพระพุทธรูปองค์แล้วเราก็นำมา กราบไหว้โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังไหว้วิญญาณของคนที่ตายไป ที่ถูกควรระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่มายึดถือกราบไหว้พระพุทธรูป

ลูกศิษย์พระเกษมกล่าวอีกว่า วัดสามแยกเคยได้รับบริจาคพระพุทธรูป วัตถุมงคลจำนวนมาก หลังรับมาแล้ว พระอาจารย์จะขุดหลุมนำพระพุทธรูปและวัตถุมงคลต่างๆ วางในหลุมแล้วราดด้วยน้ำกรดผสมเกลือเพื่อให้ผุพังและฝังกลบทิ้งทันที เหลือแต่พระพุทธรูปทองเหลืองเพียงองค์เดียวที่ทางวัดเก็บไว้ให้เป็นการเตือนสติ ไม่ให้ยึดถือโดยเขียนป้ายห้ามกราบไหว้ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งคำสอนไม่ให้ติดยึดกับวัตถุมงคลอาจจะแตกต่างจากวิถีชีวิตของพุทธศาสนิกชนทั่วไป แต่ที่จริงแล้วก็เหมือนกัน เพราะดำเนินการไปตามแนวทางของพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด

ด้านนายอินทภร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนมาหลายเดือน ได้ส่งเรื่องถึงพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุตไปแล้ว เพื่อดำเนินการไปตามขั้นตอนของสงฆ์ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงที่พักสงฆ์ไม่ใช่วัด ส่วนการห้ามกราบไหว้พระพุทธรูปนั้นอาจไม่เหมาะสม

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ฝ่ายธรรมยุตถึงเรื่องเดียวกันได้รับการเปิดเผยว่า เรื่องร้องเรียนพระเกษมที่ได้รับมาครั้งแรกเป็นเรื่องห้ามชาวบ้านแขวนพระเครื่อง และได้ให้เจ้าคณะอำเภอไปว่ากล่าวตักเตือนแล้ว ส่วนเรื่องห้ามกราบไหว้พระพุทธรูป หรือทำลายพระพุทธรูปนั้นยังไม่ทราบเรื่อง ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน “พระเกษมเป็นคนที่เถรตรงเกินไป เรื่องบางเรื่องไม่เหมาะสมก็ทำ อย่างเรื่องการโอนบุญให้เชื้อโรคก็ไม่เคยมีในศาสนาพุทธ แต่กลับทำกัน เรื่องนี้ต้องขอตรวจสอบก่อน” เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าว


หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [26 ก.ค. 51 - 03:44]
 

_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ใบโพธิ์
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 8:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
พระเกษม อาจิณณสีโล


จัดการวัดห้ามไหว้พระ นำเสนอ 'ที่ประชุมมส.'

กรณีมีผู้ร้องเรียนเข้ามายัง “ไทยรัฐ” ว่าที่วัดสามแยก บ้านห้วยยางทอง ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มีการเขียนป้ายติดไว้ด้านหน้าองค์พระพุทธรูปว่า “ทองเหลืองหล่อนี้ไม่ใช่พุทธเจ้าแน่ ไม่ต้องกราบมัน” และ “ห้ามนำดอกไม้และเครื่องบูชามาวางบริเวณนี้” โดย พระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าอาวาสวัดสามแยก อธิบายว่าเป็นกุศโลบายในการสั่งสอนไม่ให้ชาวพุทธยึดติดกับวัตถุที่เป็นพุทธพาณิชย์ แต่เน้นให้ยึดถือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ตามพระไตรปิฎกมากกว่า จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสมหรือไม่นั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. พระครูวิชัยพัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดศิลาวดี หมู่ 3 ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ในฐานะเจ้าคณะตำบลหลักด่าน สายธรรมยุต ซึ่งดูแลรับผิดชอบวัดสามแยก กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวานนี้ จึงเพิ่งทราบเรื่องราวดังกล่าว คงจะต้องเข้าไปตรวจสอบดูอีกทีก่อน

สำหรับพระพุทธรูปนั้นเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนพุทธองค์ การเขียนป้ายติดแบบนั้นน่าจะไม่เหมาะสม หากพบว่ามีข้อความอยู่ในวัดดังกล่าวจริง คงต้องไปแจ้งแก่พระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าอาวาส ให้เอาออก หากไม่ทำตามคงต้องหารือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ต่อไป สำหรับพระเกษมนั้น บวชมานานกว่า 20 พรรษาแล้ว และไม่ได้มีสมณศักดิ์แต่อย่างใด

ด้านนายสว่าง พุทธิวงศ์ กำนันตำบลวังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า เคยเข้าไปศึกษาธรรมกับพระอาจารย์เกษมที่วัดอยู่บ้างเป็นบางครั้ง โดยสิ่งใดที่นำมาประพฤติได้ก็จะทำ หากสิ่งไหนทำไม่ได้ก็ไม่ทำ ส่วนตัวเห็นว่าแนวทางคำสอนของพระอาจารย์เกษมจะเน้นเรื่องของพระไตรปิฎก เกี่ยวกับนรกสวรรค์บาปบุญคุณโทษ พระอาจารย์เป็นคนพูดเสียงดัง คนที่ไม่เข้าใจอาจมองว่าท่านเป็นคนดุ แต่เท่าที่เห็นท่านก็จะช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงที่มีความเดือดร้อน ท่านจะมอบข้าวของเครื่องใช้ที่มีคนมาถวายให้ไปบรรเทาความเดือดร้อนอยู่เสมอ

ส่วน นายมนูญ คำแพร นายก อบต.วังกวาง กล่าวว่า ไม่ค่อยได้เข้าไปที่วัดสามแยกสักเท่าใด ทราบแต่เพียงว่า อดีต ผกก.สภ.น้ำหนาว เคยนิมนต์พระอาจารย์เกษม ไปเทศน์ที่โรงพักบ่อยครั้ง ในวันนี้ตนก็ได้รับโทรศัพท์จากปลัดอำเภอน้ำหนาวคนหนึ่งว่า ให้เข้าไปดูที่วัดดังกล่าวด้วยเพราะเป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ทราบว่า ผกก.สภ.น้ำหนาว ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงจากชาวบ้านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยชาวบ้านที่เข้าวัดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นราษฎร หมู่ 9 ที่อยู่ใกล้วัด ส่วนตำบลอื่นจะไม่มีคนเข้าไป แต่มีคนจากต่างจังหวัด มาจากอุดร ขอนแก่น โคราช กรุงเทพฯ เป็นประจำ บางครั้งมาจากทางภาคใต้ก็มี เคยทราบข่าวว่ามีการอัดเทปออกอากาศทางสถานีวิทยุเกี่ยวกับอาจารย์ว่าสามารถรักษาโรคได้ จึงมีผู้คนจากต่างจังหวัดหลั่งไหลเข้ามาพบเสมอ

“ก่อนหน้านี้เคยทราบมาอีกเหมือนกันว่า หลวงตามหาบัวได้ส่งพระมาเตือนพระอาจารย์เกษมว่า ให้ระมัดระวังในการสอนธรรมะแก่พุทธศาสนิกชน อย่าให้ผิดแปลกจากแนวทางทั่วไปนัก และเคยนิมนต์ให้ออกจากพื้นที่ไปอยู่ที่วัดอื่นด้วย แต่จะเท็จจริงอย่างไรไม่ขอยืนยัน” นายก อบต.วังกวางกล่าว

ขณะที่ลูกศิษย์ใกล้ชิดของพระเกษม อาจิณณสีโล ผู้หนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยนาม กล่าวว่า คำสอนของพระเกษมนั้น เน้นให้ทำบุญโดยวิธีโอนบุญ ทำได้ทุกที่ทุกเวลา อยู่บ้านก็ทำได้ เช่น นำเงินเหรียญหรือธนบัตรมาวางบนโต๊ะ หรือถ้านั่งพื้นก็วางที่พื้น พร้อมกล่าวหรือคิดในใจว่า ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าฯ ให้ญาติ ให้เทพที่รักษา ให้นายเวร ให้เชื้อโรคของข้าพเจ้า หรือหากมอบบุญให้ผู้อื่นก็ให้เปลี่ยนจากคำว่าของข้าพเจ้าเป็นชื่อบุคคลนั้นๆ จากนั้นก็นำเงินไปทำทานแก่ผู้ยากไร้ หรือใครก็ตามที่เราอยากช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้เกิดการยึดติดในวัตถุสิ่งของและทรัพย์สมบัติใดๆ

“การทำบุญไม่จำกัดเฉพาะเงินทอง แต่สามารถทำได้ทุกอย่าง อาหารก็ทำได้ หรือการโอนบุญเมื่อไปวัดให้กล่าวว่า บุญนี้ให้แก่นายเวรที่มาถึงข้าฯ เทวดารักษาข้าฯ และคนในครอบครัว พร้อมใส่เงิน เช่น เหรียญบาทลงในตู้รับโอนบุญภายในวัด หรือขณะกราบพระก็ให้คิดโอนบุญ ตั้งแต่กราบครั้งแรกจนถึงครั้งสุดท้ายว่า บุญนี้ให้แก่ภูตผีปิศาจ เทวดาผู้สถิต ณ บริเวณนี้ได้บุญแล้วอย่ากวนข้าฯนะ ทุกอย่างเป็นกรรมทั้งสิ้น หากเราถูกใครทำให้เราเจ็บปวดก็ให้คิดตระหนักไว้ว่า ชาติที่แล้วเราไปทำให้เขาเจ็บปวดก็ให้ยอมรับไปตามนั้นแล้วชีวิตจะเป็นสุข” ลูกศิษย์พระเกษมกล่าว

ลูกศิษย์คนเดิมยังกล่าวถึงแนวทางการทำบุญตามวิธีของพระเกษมต่อไปว่า พระอาจารย์เกษมยังสอนให้รู้จักการเบิกบุญ อุทิศบุญ ส่งบุญ และโอนบุญ โดยถือว่าเครื่องรางของขลังมีอำนาจกันไม่ให้อุทิศบุญออก หรือการติดผ้ายันต์ภายในบ้านก็ไม่ดี ทำให้เป็นการเบียดเบียนวิญญาณชั้นต่ำ ทำให้วิญญาณชั้นต่ำเดือดร้อน อันจะส่งผลให้เจ้ากรรมนายเวรจองเวรเราไม่สิ้นสุด ที่ถูกต้องควรจะแผ่บุญอุทิศส่วนกุศลให้ไปจะทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และจะส่งเสริมให้เราประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน หรือหากใครที่มีญาติป่วยหนักไม่รับรู้อะไรใกล้เสียชีวิตแล้ว ให้อุทิศบุญให้แก่เขาโดยตรงเลย หรือเข้าไปกระซิบบอกเขาใกล้ๆก็ได้ว่า “คิดถึงบุญเอาไว้ หรือระลึกถึงพุทโธเอาไว้”

วันเดียวกัน นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายอินทภร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว ซึ่งวัดสามแยกมีสถานะเป็นเพียงที่พักสงฆ์เท่านั้น มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ 7 รูป ทั้งนี้ ได้สั่งการให้นายอินทภรไปสำรวจอย่างละเอียดว่าพระเกษม อาจิณณสีโล เป็นใคร มาจากไหน และให้รายงานโดยเร็วที่สุด เพื่อจะนำเข้ารายงานต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ในวันที่ 30 ก.ค.นี้ ขณะเดียวกัน ในการประชุม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ ที่จะประชุมในเดือน ส.ค.นี้ จะกำชับไปยัง พศจ.ทุกจังหวัดให้สำรวจวัด สำนักสงฆ์ รวมทั้งที่พักสงฆ์ ในแต่ละจังหวัด เพื่อจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นมาอีก ยอมรับว่าตั้งแต่ทำงานด้านพระพุทธศาสนามายังไม่เคยเจอพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน

พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่พระเกษม อาจิณณสีโล เป็นพระสงฆ์แต่ไม่นับถือพระพุทธรูป ทั้งยังห้ามพุทธศาสนิกชนกราบไหว้พระพุทธรูปอีกถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม เนื่องจากพระพุทธรูปเป็นสื่อทางพระพุทธศาสนาที่ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า

ขณะที่ พระธรรมกิตติเมธี (จำนง ธมฺมจารี) โฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาแล้วไม่นับถือพระพุทธรูป ถือว่าไม่ผิดหลักคำสอนตามพระไตรปิฎก แต่ไม่ควรลบหลู่ หรือห้ามไม่ให้คนอื่นไม่นับถือพระพุทธรูป เพราะพระพุทธรูปถือเป็นอุเทสิกเจดีย์ ซึ่งเป็นรูปสักการะแทนพระพุทธเจ้า และมีระบุในพระไตรปิฎกว่า องค์แทนพระพุทธเจ้าจะเรียกว่าเจดีย์ทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายถึงเจดีย์ที่มียอดแหลมๆ ทั้งนี้ จะประกอบด้วยเจดีย์ 4 รูปแบบ คือ 1. พระธาตุเจดีย์ คือ พระบรมสารีริกธาตุ 2. บริโภคเจดีย์ คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคยใช้สอย เช่น ต้นโพธิ์ 3. ธรรมเจดีย์ คือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน และ 4. อุเทสิกเจดีย์ คือ รูปเหมือน เช่น พระพุทธรูป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สังคมกำลังเกิดความแตกแยก พระสงฆ์ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่ชี้นำความถูกต้องให้ประชาชนไม่ควรที่จะสร้างความแตกแยกขึ้นในสังคมอีก


หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [27 ก.ค. 51 - 03:20]
 

_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ใบโพธิ์
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 8:53 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15059

เคยฟังท่านเทศน์ทางซีดี และวีซีดี
โดยส่วนตัวแล้ว ท่านเทศน์ได้ดี
เน้นเรื่องวิญญาณ ภูต-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค
สัตว์ภพภูมิต่ำ ฯลฯ ก็รับฟังที่ท่านเทศน์ไว้ค่ะ

แต่พอมาเจอข่าวนี้ เรื่องห้ามไหว้พระพุทธรูป
จ๋อยเลยค่ะ ท่านไปไกลเกินคำสอนของพระพุทธเจ้านะค่ะ
ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย จริงๆ ค่ะ สงสัย เศร้า

พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า
ควรจะมีความชาญฉลาดในการเผยแผ่ธรรม
เข้าใจและเผยแผ่ธรรมตามระดับจิตของสาธุชน
 

_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 9:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอลบความเห็นออก
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ


แก้ไขล่าสุดโดย คามินธรรม เมื่อ 31 ก.ค.2008, 11:17 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 2:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมคิดว่าท่านคงมีเจตนาเอาไว้สอนคนไม่ให้เชื่ออะไรงมงายนะครับ...

คงไม่มีเจตนาลบหลู่...แต่อย่างใด...

สาธุ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สมคิด
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 20 ก.พ. 2008
ตอบ: 2
ที่อยู่ (จังหวัด): อุดรธานี

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 9:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ท่านแสดงพระธรรมเทศนาได้ลึกซึ้งมาก ก่อนจะด่วนสรุปอะไรและคิดเห็นอย่างไรต้องพิจารณาให้ละเอียดก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเป็นการปรามาสท่านเราจะเป็นบาป
 

_________________
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิด - ดับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
human
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 01 พ.ย. 2006
ตอบ: 41

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 10:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การไม่ยึดติดในวัตถุใดๆ เป็นการสมควรนะครับ แต่ไม่น่าห้ามคนอื่นกราบไหว้ บูชา พระพุทธรูปนะครับ เพราะคนที่กราบไหว้พระพุทธรูปด้วยจิตใจเลื่อมใส ก็มีนะครับ เพราะพระพุทธรูปก็คือ อุทเทสิกเจดีย์ นั่นเอง ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของสัมมาสัมพุทธเจดีย์ สมควรกราบไหว้ บูชา เคารพ สักการะได้ด้วยจิตใจที่เลื่อมในพระรัตนตรัย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กตัญญุตา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 29 มิ.ย. 2008
ตอบ: 73

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2008, 3:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยอ่านหนังสือของท่านค่ะ ตอนกลับเมืองไทย มีคนเอามาให้แม่ แล้วแม่อ่านแล้วก็เอามาให้เราอ่าน จำชื่อได้แม่นยำเลย ยิ่งอ่านสัมภาษณ์ยิ่งมั่นใจว่าใช่องค์เดียวกัน รู้สึกท่านจะสอนวิธีการโอนบุญให้กับเชื้อโรคด้วยน่ะค่ะ ท่านเขียนว่าท่านเห็นเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกายเราเนี่ยแหล่ะ เวลาตายเค้าก็เป็นวิญญาณแล้วเหมือนจะเกาะเราหรืออะไรเนี่ย ให้แผ่ให้เชื้อโรคด้วย เพราะว่าหลายๆ คนไม่รู้ ท่านว่าท่านเห็นนะคะ แล้วก็เวลาที่เราไม่สบายแล้วกินยาเข้าไปแล้วเชื้อโรคมันก็ตาย ถ้าเราไม่แผ่มันก็จะกลับมาอีก ทำให้เราเป็นอีกอยู่เรื่อยๆ อ่ะค่ะ และเคยมีพี่คนหนึ่งเค้าก็เป็นหมอดูที่แม่นมาก คือดูทางโทรนะคะ แต่ว่าเหมือนเห็นกันเลยอ่ะ เค้านั่งสมาธิด้วยแล้วรู้สึกว่าจะเอาวิธีโอนบุญนี่มาจากที่นี่หรือเปล่าไม่ทราบ พี่เค้าก็สอนให้เราโอนบุญ หรือ เบิกบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรให้เทวดาประจำตัวของเราทุกวันน่ะค่ะ..ซึ่งเราก็ทำอยู่ พอมีข่าวออกมาอ่านแล้วคิดว่าใช่องค์นี้แน่ ๆ เลย แต่เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรนะคะ ก็แค่อ่านเฉยๆ เพียงแต่เราก็ยังเคารพพระพุทธรูปต่อไปค่ะ และเบิกบุญเราก็เบิกต่อไป...เช่นกันค่ะ ยิ้ม
 

_________________
สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2008, 7:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยไปมาแล้วครับวัดสามแยก เป็นวัดที่ไม่เหมือนวัด (หมายถึงวัดทั่วไป) คือจะไม่มีอะไรให้กราบไหว้ แล้วบริเวณที่พระภิกษุอยู่ก็ไม่อนุญาตให้ฆารวาสเข้าไป แต่ที่ชื่นชมวัดนี้เพราะเห็นว่า หลวงปู่เกษม ท่านสอนได้ตรงครับ แล้วเวลาทำบุญกับพระภิกษุ ก็สอนให้ทำด้วยอาหาร อันนี้รู้สึกว่าจะถูกต้องมากครับ แล้วอีกอย่างก็คือ หลวงปู่ท่านไม่เคยถามใคร และไม่เคยขอให้ใครช่วยครับ เห็นมีแต่คนเข้าไปหาท่านถามปัญหาต่างๆ มากมายให้ท่านตอบ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
ใบโพธิ์
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2008, 6:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

สมภารไม่ยอม ถอดป้ายหมิ่นฯ

จากกรณี พระเกษม อาจิณณสีโล สมภารแห่งที่พักสงฆ์สามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ สร้างพฤติกรรมห้ามชาวบ้านกราบไหว้พระพุทธรูปอ้างเป็นเพียงวัตถุ ไม่ใช่ตัวแทนพระพุทธเจ้า โดยให้เหตุผลว่าเป็นการสอนตามพระไตรปิฎกไม่ให้ติดยึดกับวัตถุ กระทั่งเจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุตสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น

ต่อมาเมื่อเช้าวันที่ 28 ก.ค. นายสอาด สิงห์งาม นอภ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มอบหมายให้นายธรรมนูญ เตยพุทรา ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงนำกำลัง อส. 5 คน เข้าไปสังเกตการณ์ภายในที่พักสงฆ์สามแยก พบภายในวัดมีกลุ่มชายฉกรรจ์ ประมาณ 20 คนคอยเดินตรวจตราคนที่เข้าออกบริเวณที่พักสงฆ์ พร้อมห้ามเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจสอบถ่ายรูปภายในที่พักสงฆ์อย่างเด็ดขาด

ขณะเดียวกันพระครูวิชัยพัชรกิจ เจ้าคณะตำบลหลักด่าน สายธรรมยุต อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งดูแลที่พักสงฆ์สามแยก พร้อมคณะประกอบด้วย พระเลขาของพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ฝ่ายธรรมยุต พระเลขาเจ้าคณะอำเภอน้ำหนาว เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ และนายปรีชา เทพแก้ว ผอ. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำหนังสือคำสั่งของพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ฝ่ายธรรมยุต มาแจ้งให้พระเกษมทราบและให้ระงับการกระทำที่ไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ในหนังสือคำสั่งระบุว่า กรณีที่นำแผ่นป้ายข้อความวางที่ฐานพระพุทธรูป และเผยแผ่คำสอนลักษณะที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อความรู้สึกอันดี และหลักการปฏิบัติตนตามหลักศาสนพิธีของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป อาศัยตามอำนาจตามกฎหมายเถรสมาคมว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ และโดยมติที่ประชุมคณะสงฆ์จังหวัดเพชรบูรณ์ (ธรรมยุต) จึงมีคำสั่งให้พระเกษม อาจิณณสีโล แห่งที่พักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ระงับการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังนี้

1. ให้นำแผ่นป้ายข้อความที่ไม่เหมาะสมออกจากฐานพระพุทธรูปทันที 2. ให้ระงับการเผยแผ่คำสอนที่คลาดเคลื่อนจากหลักพระธรรมวินัย ทั้งทางเอกสารและแผ่นบันทึกภาพและเสียงและทางอินเตอร์เน็ตหรือการกระทำใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนาโดยส่วนรวม ทั้งนี้ให้พระเกษม อาจิณณสีโล ระงับการกระทำดังกล่าวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2551 ลงชื่อ พระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ (ธรรมยุต)

ภายหลังได้รับคำสั่ง พระเกษมได้แจ้งแก่คณะสงฆ์ว่าไม่สามารถทำตามคำสั่งที่เจ้าคณะจังหวัดได้ ทั้งเรื่องนำแผ่นป้ายห้ามกราบพระพุทธรูปออกจากฐานพระหรือการหยุดเผยแผ่คำสอน และไม่หยุดการแจกจ่ายแผ่นพับหรือวีซีดีเด็ดขาด เพราะได้ทำสิ่งที่ถูกต้องตามพระไตรปิฎกทุกประการ จากนั้นคณะสงฆ์ได้เดินทางกลับ ระหว่างนั้นปลัดอำเภอน้ำหนาวได้ขอถ่ายภาพภายในที่พักสงฆ์ แต่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ห้ามถ่ายรูปอย่างเด็ดขาด อ้างว่าเกรงจะนำภาพไปลงหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์

นายปรีชา เทพแก้ว ผอ.สำนักงานวัฒนธรรมเพชรบูรณ์ กล่าวว่า หากพิจารณาดูป้ายที่ฐานพระนั้นที่กล่าวว่า “ทองเหลืองหล่อนี้ ไม่ใช่พุทธเจ้าแน่ ไม่ต้องกราบมัน” เป็นข้อความที่หมิ่นเหม่ไม่เหมาะสม แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่ายังไม่น่าจะผิดกฎหมาย

ขณะที่ พ.ต.อ.สุนทร กมลพันธฤกษ์ รอง ผบก.ภ. จ.เพชรบูรณ์กล่าวว่า หลัง นสพ.ไทยรัฐ เสนอข่าวได้สั่งให้ พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.สภ.น้ำหนาว เข้าไปเก็บข้อมูลรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้ว สำหรับข้อความที่ระบุที่ฐานพระนั้นตามกฎหมายถือว่าเข้าข่ายดูหมิ่นเหยียดหยามพระพุทธศาสนา แต่ยังไม่สามารถดำเนินคดีได้เพราะยังไม่มีเจ้าทุกข์ หากหน่วยงานที่ดูแล อาทิ สำนักพุทธศาสนาจังหวัดหรือแม้แต่ประชาชนเพียง 1 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถดำเนินคดีได้ทันที และตามขั้นตอนของกฎหมายจะต้องออกหมายเรียกมาพบพนักงานสอบสวน หากมอบตัวก็จะปล่อยตัวชั่วคราวได้ หรือถ้าศาลออกหมายจับต้องตกเป็นผู้ต้องหาทันที และคงต้องทำการสึกออกจากความเป็นพระทันทีเช่นกัน


หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [29 ก.ค. 51 - 12:04]
 

_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2008, 9:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โดยส่วนตัวคิดว่าเข้าใจในเจตนาของท่าน
แต่อุบายในการสอน หรือการแสดงเจตนา
โดยเฉพาะกับเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้
ก็เป็นสิ่งที่ควรไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง
เพราะมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเจตนาเลย...นะคะ

ด้วยเหตุที่ว่าปัญญาและจริตของปุถุชนมีความแตกต่างกัน
ดังนั้นการสร้างความเข้าใจพื้นฐานแก่พุทธศาสนิกชนที่มีต่อ
จุดประสงค์ของการสร้างและการกราบพระพุทธรูป
ว่าเป็นการแสดงคารวะอย่างสูงสุด
เป็นอุบายในการลด "อัตตาตัวตน"
ที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ปุถุชนได้วิธีหนึ่งอย่างแยบยล

และเหนือสิ่งอื่นใดเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณของพระบรมศาสดา
ซึ่งก็นับว่าเป็น นามธรรม

เหตุผลดังกล่าวนี้...
นับเป็นสิ่งที่ควรได้รับการถ่ายทอดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา
สู่พุทธศาสนิกชนอย่างเร่งด่วนกว่าในเวลานี้หรือไม่?

สาธุ สาธุ สาธุ

การกราบไหว้พระพุทธรูป : พระธรรมเมธาภรณ์ (ระแบบ ฐิตญาโณ) สาธุ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16894
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 5:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การยึดมั่นเกินก็ไม่ดี การล้มล้างธรรมเนียมเกินก็ไม่ดี
ให้เป็น มัฌิมาปฏิปทา จะดีสุด
 

_________________
ทำดีทุกทุกวัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ศุภมณฑา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 07 ม.ค. 2008
ตอบ: 43
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 03 ส.ค. 2008, 9:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยอ่านหนังสือท่านค่ะ สอนไม่ให้สวดมนต์ แลดูแล้วก็งงๆ แต่ดิฉันก็ไม่ได้เชื่อนะค่ะ ก็สวดมนต์ดีกว่า ไหว้พระพุทธรูป ระลึกถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ไม่เห็นได้ยึดติดอะไร ไม่ได้ยึดติดแบบวัตถุมงคล
หรือรูปวัตถุ แต่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของท่าน แต่ถ้าเราชาวพุทธเหยียบย่ำพระพุทธรูปเสียเองแล้ว แล้วต่างชาติเอาไปเหยียบย่ำ ทำย่ำยีพระพุทธรูปแล้วเราจะทำอย่างไรกัน
พระธรรมคือตัวแทนพระพุทธเจ้า พระปฎิมาก็คือตัวแทนพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน ขนาด มหาเจย์ดี หรือพุทธสถาน แม้แต่เขตขันธสีมา ดิฉันเองยังต้องเคารพ ไม่กล้าทำอะไรที่ไม่ดีเลย
คราวนี้ขอออกความเห็น แบบฟันธงค่ะ
(ถ้าเป็นความเห็นทางการเมืองดิฉันไม่ฟันกับใครหลอกค่ะ)
 

_________________
ขยัน อดทน ทำดี คิดดี พูดดี จะประสบความสำเร็จที่ดี
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 11:16 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ท่านพุทธทาส ท่านเคยกล่าวไว้ว่า

พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า

แต่ท่านก็ไม่เคยห้ามใครมิให้กราบไหว้

สุดท้ายเมื่อขัดญาติโยมไม่ได้ท่านเลยให้สร้างพระพุทธรูปจากปูนปลาสเตอร์

ในความคิดของผม ท่านสมภารเกษมไม่ผิดครับ

แต่ไม่ถูกกับสิ่งแวดล้อม แลยุคสมัยเท่านั้น

อย่างนี้เรียกภพได้ไหมครับ ท่านกรัชกาย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ทศพล
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 10 ก.พ. 2008
ตอบ: 153
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 5:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขำ
 

_________________
"ธรรมทาน คือ ทานอันสูงสุด"
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"

http://www.wimutti.net
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ใบโพธิ์
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 11:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

จ่อฟันพระเหยียบพุทธรูป

ภายหลังที่มหาเถรสมาคมได้มอบหมายให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้แจ้งความดำเนินคดีกับพระเกษม อาจิณณสีโล สมภารแห่งที่พักสงฆ์สามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ในข้อหาดูหมิ่นพระพุทธศาสนา เนื่องจากพระเกษมไม่ทำตามคำสั่งของคณะสงฆ์ที่ให้กลับไปต้นสังกัดเดิมที่ จ.อุดรธานี หลังสร้างพฤติกรรมห้ามชาวบ้านกราบไหว้พระพุทธรูปอ้างเป็นเพียงวัตถุนั้น

ต่อมาวันที่ 31 ก.ค. ผู้สื่อข่าวเข้าไปสังเกตการณ์ที่พักสงฆ์ป่าสามแยก บ้านห้วยยางทอง หมู่ 9 ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ บรรยากาศเงียบเหงา มีเพียงลูกศิษย์ของพระเกษมอยู่ 10 กว่าคน ขณะเดียวกัน พ.ต.อ. มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.สภ.น้ำหนาว ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และฝ่ายปกครองอีก 4 คนเข้าไปสังเกตการณ์ด้วย

ส่วนที่วัดสนธิกร อ.เมืองเพชรบูรณ์ พระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ (ธรรมยุต) ได้เรียกประชุมคณะสงฆ์ หาข้อสรุปเกี่ยวกับพระเกษม โดยคณะสงฆ์มีมติดำเนินการกับพระเกษม 2 ข้อ คือ 1. ให้นิมนต์พระเกษมและพระลูกวัดออกจากวัดภายใน 7 วัน และให้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปดูแลสถานที่ในเบื้องต้น 2. ให้ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นตัวแทนไปร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีกับพระเกษม ข้อหาดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนวัตถุอันเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน

ทางด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ หลังได้รับหนังสือคำสั่งของคณะสงฆ์ได้เดินทางไป สภ.เมืองเพชรบูรณ์ พร้อมนำภาพจาก นสพ.ไทยรัฐ ที่ลงรูปภาพข้อความที่เขียนไว้หน้าพระพุทธรูปว่า “ทองเหลืองหล่อนี้ ไม่ใช่ พุทธเจ้าแน่ ไม่ต้องกราบมัน” กับข้อความ “ห้ามนำดอกไม้และเครื่องบูชามาวางบริเวณนี้” และแผ่นซีดีบันทึกภาพเคลื่อนไหวของพระเกษมที่แสดงท่าใช้เท้าเหยียบฐานพระพุทธรูปเข้าหารือกับ พ.ต.ท.พิชิต พิชิตทรชน พนักงานสอบสวนถึงแนวทางการดำเนินคดีก่อนจะไปแจ้งความที่ สภ.น้ำหนาว

จากนั้น นายอินทพรเปิดเผยว่า เรื่องการแจ้งความดำเนินคดีกับพระเกษมได้ประสานกับ พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.สภ.น้ำหนาว แล้วว่าจะไปแจ้งร้องทุกข์ ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ขณะที่ พ.ต.อ.มาโนชเปิดเผยว่า เมื่อมีการแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานมาพิจารณาว่า ผู้ถูกกล่าวหามีความผิดหรือไม่ หากมีความเห็นว่าผิดตามที่แจ้งความ ต้องนำพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดหล่มสักขอหมายจับต่อไป คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

ส่วนนายมนูญ คำแพร นายก อบต.วังกวาง กล่าวว่า ตำบลวังกวางมีทั้งหมด 11 หมู่บ้าน มีเพียงเฉพาะคนในหมู่บ้านห้วยยางทองบางคนเท่านั้น ที่เข้าไปที่พักสงฆ์สามแยก เพราะพระเกษมจ้างให้ทำงานภายในที่พักสงฆ์ บางคนศรัทธาถึงขนาดทิ้งบ้านเรือน เรือกสวนไร่นาปล่อยให้ญาติดูแลแทนแล้วมาอยู่กับพระเกษม ส่วนชาวบ้านที่เหลือก็มีความคิดที่แตกต่างกันทั้งเห็นด้วยกับไม่ชอบ ก่อนหน้านั้นหลายปี ตนเคยไปร่วมงานศพลูกศิษย์ของพระเกษมที่ถูกแทงตาย ปรากฏว่า พระเกษม ได้นำศพตั้งไว้ 1 คืน โดยไม่สวดบังสุกุลหรือบทสวดทั่วไปเหมือนงานศพทั่วไป พอรุ่งขึ้นอีก 1 วันก็หามไปเผาทันที ทั้งที่ญาติคนตายไม่เต็มใจให้นำศพมาทำพิธี แต่พระเกษมส่งรถมารอรับศพถึงบ้าน

ด้าน พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ที่ จ.นครราชสีมา ถึงพฤติกรรมของพระเกษมว่า เรื่องความคิดสุดโต่งมีขึ้นอยู่เรื่อย คนไม่รู้จักคำว่าสายกลาง ชาวบ้านมีตั้งหลายระดับ อีกอย่างพระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์เหมือนศาสนาอื่นๆ อย่างพระพุทธชินราช คนเป็นทุกข์ไปกราบไหว้เห็นพระพักตร์แจ่มใสเยือกเย็น พุทธลักษณะเด่น โครงหน้าอิ่มสุข ไม่อมทุกข์ ตนคิดว่า พระพุทธรูปอาจจะเผยแพร่ได้ดีกว่าองค์ที่บ้าไม่ให้ไหว้พระพุทธรูป บอกว่าตัวเองหลุดพ้นแล้ว ไม่นับถือวัตถุ ไม่ยึดถือวัตถุ คำว่า วัตถุตะยัง แปลว่า วัตถุที่เห็นแล้วเป็นบุญหู บุญตา ใครเห็นพระพุทธรูปแล้วรกหู รกตาก็แสดงว่า ตา หู ไม่ไหวแล้ว ฉะนั้นตัวท่านก็ต้องคิดถึงคนอื่นเขาบ้าง เรื่องนี้เจ้าคณะจังหวัดท่านจัดการอยู่แล้ว แต่พระจะดื้อแค่ไหนและจะเล่นงานกับคนดื้อยังไงเท่านั้น

พระพยอมกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ชาวพุทธต้องต่อต้านและคงไม่เอาไว้แน่นอนกับพระที่เป็นขนาดนี้ และอาจติดคุกได้ อย่างเช่น เอาน้ำกรดไปราดพระพุทธรูปก็เท่ากับทำลายวัตถุหรือทำลายศาสนสมบัติ อย่างน้อยก็ถูกดำเนินคดี เพราะทำลายทรัพย์สิน อย่างที่มีภาพปรากฏใช้เท้าเหยียบนั้นเป็นการทำลายจิตใจกันมาก ชาวพุทธคงไม่ปล่อยให้ ลอยนวลแน่ “ท่านเป็นพระแต่มาทำตัวแบบนี้ต้องโดนเสียบ้าง คนอย่างนี้ไม่ช้าก็จะเป็นเหมือนสวะในทะเลจะถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งหมด เพราะอ้างว่าหลุดลอยไป ลอยเป็นสวะไปเลย เดี๋ยวก็ถูกซัดขึ้นฝั่ง” พระพยอมกล่าว


หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [1 ส.ค. 51 - 16:39]


เจ้าอาวาสวัดสามแยกเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.น้ำหนาวแล้ว

พระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าอาวาสวัดสามแยก อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ พร้อมทนายความ เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.น้ำหนาว ตามหมายจับข้อหาเหยียดหยามดูหมิ่นศาสนวัตถุ โดยมีพระลูกวัด และญาติโยม จำนวนหนึ่ง ติดตามไปให้กำลังใจ

พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหากับพระเกษม พร้อมกับพิมพ์ลายนิ้วมือ ก่อนที่จะนำตัวไปสอบปากคำนาน 4 ชั่วโมง

พระเกษม ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้ดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนวัตถุ แต่ยอมรับว่า การใช้เท้าเหยียบฐานพระพุทธรูป และใช้มือตบเศียรพระพุทธรูป เป็นความตั้งใจที่ต้องการสอนประชาชนไม่ให้ลุ่มหลงในวัตถุ ตามหลักคำสอนของพระไตรปิฏก จากนั้นพระเกษม ได้ใช้หลักทรัพย์โฉนดที่ดินมูลค่า 210,000 บาท ประกันตัวไป โดยพระเกษม และพระลูกวัด ยืนยันว่า จะไม่ออกจากวัดอย่างเด็ดขาด ตามที่คณะสงฆ์จังหวัดเพชรบูรณ์ขีดเส้นตายให้ออกจากวัดในวันพรุ่งนี้

Image
พระพรหมมุนี (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต)


ฝ่ายสงฆ์จับสึกพระเกษมไม่ได้

พระพรหมมุนี (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ฝ่ายธรรมยุติ ระบุว่า กรณีพระเกษม คณะปกครองทำได้เพียงตักเตือนเพราะการเชิญชวนไม่ให้ประชาชนกราบไหว้พระพุทธรูป ไม่ผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง และทำได้เพียงบอกกล่าวถึงความเหมาะสม ซึ่งเป็นความลำบากของคณะปกครองเช่นกันดังนั้นการจะจับสึกจึงทำได้ยาก แม้สังคมจะมองว่าผิด

และไม่อยากให้ชาวพุทธ เสื่อมถอยความเลื่อมใสในศาสนา เพียงพระประพฤติไม่เหมาะสม เนื่องจากหลักพระพุทธศาสนาไม่ได้เสื่อมตามตัวบุคคล และต้องช่วยกันดูแลสนับสนุนพระสงฆ์ที่ประพฤติดี ประพฤติถูกต้อง


http://www.ch7.com/news/
[06-08-2551 | 19:40 น.]
 

_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 11:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
แต่ยอมรับว่า การใช้เท้าเหยียบฐานพระพุทธรูป และใช้มือตบเศียรพระพุทธรูป เป็นความตั้งใจที่ต้องการสอนประชาชนไม่ให้ลุ่มหลงในวัตถุ


เป็นไงหละ ความลุ่มหลง และ ความยึดติด มันอยู่ที่ใจ ทำไมต้องแสดงอาการแบบนี้ ทั้งหมดเป็นไปเพราะกิเลสผลักดันทั้งสิ้น
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ศุภมณฑา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 07 ม.ค. 2008
ตอบ: 43
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 12:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระเกษม ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้ดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนวัตถุ แต่ยอมรับว่า การใช้เท้าเหยียบฐานพระพุทธรูป และใช้มือตบเศียรพระพุทธรูป เป็นความตั้งใจที่ต้องการสอนประชาชนไม่ให้ลุ่มหลงในวัตถุ ตามหลักคำสอนของพระไตรปิฏก ถ้าไม่ให้ยึดติด พระเกษมก็ไม่ใช่ตัวตน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เราก็ไม่ต้องเคารพ ไม่ต้องกราบ ไม่ต้องไหว้ (โดยเฉพาะพระเกษม) แต่พระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เราเคยเคารพ ยังอยู่ในใจ เป็นสรณะสูงสุด
 

_________________
ขยัน อดทน ทำดี คิดดี พูดดี จะประสบความสำเร็จที่ดี
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง