ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
สายลม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 ก.ค.2004, 3:00 pm |
  |
ที่ตั้งคำถามนี้เพื่อต้องการให้ผู้ที่มีความรู้
หรือผู้ที่กำลังปฏิบัติแบบดูจิต ได้เข้ามาอธิบายวิธี
การปฏิบัติแบบดูจิต เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ที่กำลัง
สนใจแนวทางนี้อยู่
บางคนบางท่านอาจจะได้ยินได้ฟัง หรือ
ได้อ่านมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นลงมือ
ปฏิบัติอย่างไร หรือจะไปสอบถามใคร
ก็ขอกรุณาผู้รู้ หรือผู้ที่กำลังปฏิบัติตามแนว
ทางปฏิบัติแบบดูจิตนี่ ได้เข้ามาอธิบาย บอกกล่าว
พุดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยครับ
ถ้ายังไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นตั้งคำถาม หรือตอบอย่างไร ผมจะเริ่มตั้งคำถามให้ก่อนก็แล้วกันครับ
- ดูจิต คืออะไร ?
- ดูจิต เริ่มต้นอย่าไร ?
- ดูจิต ดูอย่างไรจึงจะถูกต้อง และไม่ถูกต้อง ?
- ดูจิต ปฏิบัติแล้วได้อะไรบ้าง ?
.......
ขอขอบคุณล่วงหน้า ที่กรุณาเข้ามาให้คำอธิบายครับ
......
ส่วนท่านอื่นๆ ที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ก็ฝากคำถามของท่านทิ้งไว้ได้เลยครับ
|
|
|
|
|
 |
ninja2000
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 ก.ค.2004, 4:11 pm |
  |
ผมคิดว่าเจ้าของกระทู้หมายถึงดูจิต ตอนนั่งกรรมฐาน ใช่หรือไม่
พอดีผมไม่เคยนั่งกรรมฐาน
ถ้าจะหมายถึงดูจิตเราว่าขณะนี้ยังมี โลภ โกรธ หลง
แบบนี้ เรียกว่า " ดูจิต " ไหมครับ |
|
|
|
|
 |
satima
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120
|
ตอบเมื่อ:
10 ก.ค.2004, 4:33 pm |
  |
ขอตอบในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติแบบดูจิต คนนึงนะคะ ซึ่งก็ยังคงเป็นแบบที่
ยังไม่ได้ปฏิบัติไปถึงไหนเลย จะว่ายังไม่เอาไหนก็ว่าได้
มีก็แต่ข้อผิดพลาดและความเข้าใจของตัวเองเป็นหลัก ผิดถูกอย่างไร ก็ขอ
บารมีครูบาอาจารย์เมตตาด้วยค่ะ
การดูจิตคือการเจริญสติปัฏฐานในหมวดจิตตานุปัสสนาและธรรมานุปัสสนา
โดยเน้นในเรื่องการมีสติสัมปะชัญญะ หรือที่เรียกว่ารู้ตัว เป็นหลัก
เริ่มต้นก็คือจิตจะต้องพร้อมด้วยสติสัมปะชัญญะ รู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับกายใจอย่าง
เป็นกลาง และตามรู้ ตามดู โดยปราศจากการแทรงแซง และวิจารณ์ใดๆ
เพื่อให้จิตได้เรียนรู้ตนเอง สิ่งที่มากระทบกับจิต แล้วเกิดความพอใจหรือ
ไม่พอใจอย่างใด เราทำหน้าที่รู้ไป และสิ่งที่เราไปดู ไปรู้ ก็จะกลายเป็นสิ่ง
ที่ถูกดู ถูกรู้
ถ้าเราทำถูกต้อง จะเป็นความรู้ ที่เบา สบาย แจ่มชัด เราจะเห็นโลกนี้ชัดเจน
สดใสขึ้นกว่าแต่ก่อน (อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นเอง) เหมือนคนที่หลับแล้ว
ตื่นขึ้นมา โลกจะแจ่มใส ชัดเจน แต่เป็นอย่างที่มันเป็น ที่สำคัญคือเราไม่ทุกข์
ไปกับสิ่งแวดล้อม แต่กลับรู้และเข้าใจยิ่งขึ้น
กิลสที่เป็น ราคะ โทสะ โมหะ จะเป็นสิ่งที่เรารู้ได้ และเบาบางไปเรื่อยๆ เหมือน
กับเราดูหนังดูละคร แต่ไม่อินกับมัน เราสามารถเห็นมันอย่างที่มันเป็น และ
ไม่ทุกข์ร้อนไปกับมัน เหมือนแต่ก่อน (น้อยลงไป เรื่อยๆ ค่ะ)
สิ่งที่ผิดพลาด มีเพียงสองประการ (ใหญ่ๆ แต่เล็กน้อยมีมาก )
คือความหลงเผลอไป กับการเพ่ง ที่ว่าหลงเผลอ คือลืมไปเลย ลืมดูจิต ปล่อย
ให้ตัวเองหลงฝันไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ลืมตาตื่นอยู่แท้ๆ
พอไม่หลงเผลอไป ก็พยายามจะดู จ้อง จนเกิดอาการเพ่ง ถ้าเพ่งแบบมากเลย
ทำให้เกิดอาการแน่น ตึง ปวด ไปได้เลย ถ้าน้อยๆ พอดีๆ ก็เข้าฌานไปเลยได้
เพราะการเพ่ง ทำให้เกิดสมาธิ เป็นสมถะ ที่ได้ผลคือฌาน ซึ่งก็ผิดหลักดูจิตไป
ที่จริงตัวเองก็ได้บอกแล้วว่า ยังเป็นผู้ปฏิบัติอยู่ ยังมีข้อผิดพลาดมากมายเกิน
จะมากล่าวกับพวกเราได้ ก็ถือว่าพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงนี้นะคะ
รอให้อ.สุรวัฒน์ มาอธิบายเพิ่มเติมน่าจะเหมาะสมมากกว่า
ถ้าอยากทราบมากกว่านี้ ก็ลองอ่านหนังสือประทีปส่องธรรม ในลานหนังสือ
ธรรมะของเวปลานธรรมจักรดูนะคะ
ผิดพลาดอย่างไร ขอเมตตาจากครูบาอาจารย์ได้โปรดอภัยและคุ้มครองด้วยค่ะ  |
|
|
|
   |
 |
Anatta
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 มิ.ย. 2004
ตอบ: 25
|
ตอบเมื่อ:
10 ก.ค.2004, 6:05 pm |
  |
สาธุกับคุณสติมาค่ะ ขออนุญาตเพิ่มเติมนิดนึงตามปัญญาแค่หางอึ่ง
เมื่อสติอยู่กับฐานไม่ส่งออกแล้ว จะเห็นอาการของจิตหรือสิ่งที่จิตแสดงออกมา
เช่นความรู้สึกทุกอย่างทั้งกุศลและอกุศล เห็นนาม- รูปทุกอย่าง ก็ต้องตามรู้อยู่เนืองเนือง จนอาการที่จิตแสดงออกดับเร็วขึ้น จิตเกิดการเรียนรู้ธรรมชาติแท้ จิตยอมรับแล้วเกิดการปล่อยวางเป็นขั้น ๆ ไป
และหดสั้นเข้าไป ๆ จนถึงอาการที่ไม่ปรุงไม่แต่ง นั่นแหละคือ"จิต"
เพราะฉะนั้นผู้ที่ฝึกเบื้องต้นจึงเป็นผู้ตามดูพฤติกรรม(อาการ) ของจิตก่อนค่ะ
ไม่ต้องคำนึงถึงจิตให้มาก เมื่อฐานมั่นคงก็จะเห็นจิตเอง |
|
|
|
  |
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
11 ก.ค.2004, 12:11 am |
  |
|
   |
 |
Satami
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 ก.ค.2004, 12:51 pm |
  |
เอ๊ ... เขาเรียก ดูโมนทวารหรือป่าว ครับ  |
|
|
|
|
 |
สุรวัฒน์
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 14 มิ.ย. 2004
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
14 ก.ค.2004, 4:06 pm |
  |
ท่านสายลม คะยั้นคะยอให้ผมตอบกระทู้หลายครั้งแล้ว
ก็เลยเค้นออกมาได้ว่า....
- ดูจิต คืออะไร ?
ดูจิต คือแนวทางการภาวนาแนวทางหนึ่งที่ศานุศิษย์ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ยึดถือปฏิบัติกัน
โดยมีสาระเด่นอยู่ที่ การเรียนรู้อริยสัจจ์แห่งจิต (เรียนรู้ด้วยการเฝ้าดู-ตามดู-ตามรู้) ที่หลวงปู่ดูลย์กล่าวไว้ว่า
จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ
การเรียนรู้อริยสัจจ์แห่งจิตนี้ เปรียบได้กับรอยเท้าเล็กๆ รอยหนึ่งในรอยเท้าช้าง
รอยเท้าช้างที่ว่าก็คือ การปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน 4 นั่นเอง
การดูจิตนี้ หลายคนที่ทำกัน ก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยในการทำที่ไม่เหมือนกัน
แต่สุดท้ายก็จะมาลงตรงอริยสัจจ์แห่งจิตเหมือนกันทั้งหมด
- ดูจิต เริ่มต้นอย่างไร ?
การเริ่มต้นดูจิต คงต้องเริ่มหลังจากที่เรามีความเข้าใจหลักแห่งพระพุทธศาสนาแล้วว่า
พระพุทธศาสนามุ่งหมายประโยชน์ไปที่ ความพ้นทุกข์ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์อย่างอื่น
และเราเองก็มีความปรารถนาที่จะพ้นทุกข์ ไม่ได้ปรารถนาอย่างอื่นจากการปฏิบัติตามแนวทางของพุทธศาสนา
อีกทั้งมีความศรัทธาและเชื่อมั่นว่า การดูจิตอย่างต่อเนื่องนี่แหละที่จะพาปสู่ความพ้นทุกข์ได้
เมื่อจะลงมือดูจิตกันอย่างจริงจัง สิ่งแรกที่ต้องฝึกกันก็คือ
เราต้องฝึกให้เราเองสามารถที่จะมีความรู้สึกตัว (มีสติ+สัมปชัญญะ) ได้บ่อยๆ
โดยยังไม่ต้องสนใจว่าเราต้องดูอะไร (สนใจเพียงว่า เรารู้สึกตัวได้บ่อยๆหรือยัง)
ครูบาอาจารย์บางท่านก็จะสอนให้รู้จักว่า การรู้สึกตัวเป็นอย่างไร การไม่รู้สึกตัว (เผลอไป) เป็นอย่างไร
จนกระทั่งเรามีความรู้สึกตัวได้บ่อยๆ ในขณะใช้ชีวิตประจำวันตามปรกติ
หรือบางท่านก็สอนให้มีความรู้สึกตัวบ่อยๆ ด้วยการฝึกเดินจงกรม ฯลฯ
การที่เรามีความรู้สึกตัวนี้ จะทำให้เรามีจิตที่ตั้งมั่น
ไม่เอนเอียงไปตามสิ่งต่างๆที่ปรากฏขึ้นในการรับรู้ของเรา
ซึ่งจะทำให้ เมื่ออะไรปรากฏขึ้นในการรับรู้ของเรา
เราก็จะรับรู้สิ่งเหล่านั้นในลักษณะที่เหมือนเราคอยรับรู้อยู่ห่างๆ
เปรียบเหมือนเรารับรู้ว่ามีน้ำไหลเชี่ยวกรากด้วยการนั่งดูน้ำอยู่บนฝั่ง
ที่เห็นการไหลที่เชี่ยวกรากของสายน้ำโดยที่เราไม่ถูกสายน้ำพัดพาไปจนจมน้ำตาย
- ดูจิต ดูอย่างไรจึงจะถูกต้อง และไม่ถูกต้อง ?
การดูจิตที่ถูกต้องนั้น จะเป็นการดูสิ่งต่างๆที่ปรากฏขึ้นในการรับรู้ทางใจด้วยความรู้สึกตัว
ซึ่งจะทำให้เราคอยรับรู้สิ่งที่ปรากฏขึ้นนั้นแบบรู้อยู่ห่างๆ โดยไม่ไปแทรกแซงใดๆ กับปรากฏการณ์นั้น
อย่างเช่น พอเรารู้สึกได้ว่ามีความโกรธปรากฏขึ้น
ด้วยการที่เราผ่านการฝึกจนรู้สึกตัวได้บ่อยๆ เราก็จะรับรู้ความโกรธนั้นได้แบบรู้อยู่ห่างๆ
โดยไม่ต้องไปทำสิ่งใดเลยที่จะทำให้ความโกรธนั้นดับไป
และรับรู้จนสามารถเห็นความจริงของสิ่งต่างๆ ได้ว่า ล้วนแต่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
- ดูจิต ปฏิบัติแล้วได้อะไรบ้าง ?
ตอบง่ายๆ เลยครับว่า ได้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ได้มรรคผลพระนิพพานเป็นที่สุด แม้ยังไม่ถึงที่สุด ก็จะเป็นผู้ที่มีทุกข์น้อยลงไปตามลำดับครับ
- ดูจิต ปฏิบัติแล้วได้อะไรบ้าง ? |
|
|
|
  |
 |
สายลม
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
|
ตอบเมื่อ:
14 ก.ค.2004, 11:21 pm |
  |
ขออนุโมทนสาธุ กับคำอธิบายของ อ.สุรวัฒน์ ด้วยครับ
 |
|
|
|
    |
 |
สายลม
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
|
ตอบเมื่อ:
09 พ.ค.2005, 8:30 pm |
  |
กระทู้เก่า ดึงมาให้อ่านกัน  |
|
|
|
    |
 |
ปะทะปะระมะ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
31 พ.ค.2006, 6:54 am |
  |
สาธุ
ชัดเจนดีแท้ๆ
ขออนุโมทนาบุญครับ
 |
|
|
|
|
 |
ทศพล
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 10 ก.พ. 2008
ตอบ: 153
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
05 ส.ค. 2008, 4:52 pm |
  |
|
     |
 |
|