Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ผมจะทำอย่างไรดีจึงจะไม่ฟุ้งซ่านและหาเป้าหมายของชีวิตเจอครับ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
titisak
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 9:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผมคิดไปไกลเกินไหมครับ ผมอยากรวยอยากมีฐานะที่ดี แต่พอนึกถึงเรื่องธรรมะ บางทีผมก็คิดกลับกันว่าอยากรวยไปทำไมนักหนา อยากได้อยากมีเหมือนคนอี่นไปทำไมนัก แต่สุดท้ายมันก็อยากได้อยากมีเหมือนเดิม จนทำให้ฟุ้งซ่าน อยากทำโน่นทำนี่ แล้วพอคิดจะทำมันก็กลัวกลัวว่าจะไม่สำเร็จ กลัวจะผิดหวัง เพราะผมเคยพลาดพลั้งในการทำงานมาก่อนหน้านี้ ทำให้จำต้องลาออกจากงาน ไม่ใช่เพราะผมทุจริต แต่เพราะผมไม่เคารพเชื่อฟังหัวหน้างาน เพราะผมใจร้อน ผมโมโหง่าย ต้องทำให้ผมหางานใหม่แล้วได้งานที่ไม่ได้ชอบนักเพราะมันต้องอยู่กับห้องแล๊ปตลอด ผมไม่ใช่คนที่ชอบอยู่เฉยๆหรือเงียบๆมากนัก ผมชอบคุยชอบพบปะผู้คน แต่ก็นั่นแหละครับ บางครั้งก็รู้สึกดีว่าเงียบๆก็ดี แต่อยู่ๆไปมันก็ทำใจไม่ได้มันอึดอัด เลยจะลาออก มาเปิดติวเตอร์ของตัวเอง แต่ก็ต้องคิดหนักเพราะกลัวว่าจะไม่สำเร็จ ต่อไปจะทำอะไรยังไงต่อ คิดไปหมดเลยครับ มันเลยเครียด กังวล ผมไม่แน่ใจว่าผมเป็นคนจับจดหรือเป่า ที่ได้งานใหม่แล้วก็ไม่ชอบทำงานไม่เต็มที่ แต่กลับชอบสอนหนังสือมากกว่า งานเดิมก็เป็นอาจารย์มาก่อนซึ่งทำได้ดี แต่ก็นั่นแหละครับ ออกมาแล้ว ผมเลยไม่รู้จะยังไงกับชีวิต จะเรียนต่อ หรือจะทำงานไปเรื่อยๆ คิดถึงพ่อแม่ก็คิดถึง เป็นห่วง สงสารท่าน ที่ต้องคอยเป็นห่วงผม ทั้งที่ท่านก็เกษียณแล้ว แต่ผมเป็นลูกคนเดียว เลยห่วงมาก

ผมหาเป้าหมายของตัวเองไม่เจอ รู้แค่ว่า อยากรวย และอยากทำประโยชน์เพื่อสังคม อยากมีความสุข อยากอยู่กับพ่อแม่ตอบแทนบุญคุณท่าน ไม่รู้ว่าจะอยู่กรุงเทพหรือกลับบ้านนอกดี กลับไปก็หาเงินยาก อยู่กรุงเทพหาเงินง่าย แต่ก็ไม่ชอบสังคมเมืองที่วุ่นวาย ตัวใครตัวมัน เครียดครับ

อยากได้คำแนะนำครับ ว่าผมควรจะทำอย่างไรดี และผมอยากหาที่ปฎิบัติธรรมสงบจิตใจได้ที่ไหนดีครับ ขอบคุณครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 10:16 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แค่อยากรวยอย่างเดียวก็จะปวดหัวตายแล้วนะครับ คุณ titisak นี่อยากตั้งหลายอย่าง
อ้อ...แล้วไม่อยากมีแฟนบ้างหรอครับ ฮิฮิ (แซ่วๆ) ชีวิตก็งี้แหละครับ หากมีแต่สุขอย่างเดียว พระพุทธเจ้าคงไม่ตรัสว่า เราสอนแต่เรื่องทุกข์และความดับทุกข์ ไว้หรอกครับ

อ่านข้อคิดนี้ดู ครับ

ตัวสภาวะและสมมุติ เป็นสิ่งจำเป็น
ตัวสภาวะ (นิยมเรียกกันว่าปรมัตถ์) เป็นเรื่องของธรรมชาติ
ส่วนสมมุติ เป็นเรื่องของประโยชน์สำหรับความเป็นอยู่ของมนุษย์
แต่ปัญหาเกิดขึ้น เพราะมนุษย์เอาสภาวะกับสมมุติมาสับสนกัน คือ เข้าไปยึดเอาตัวสภาวะ
จะให้เป็นตามสมมุติ จึงเกิดวุ่นวายขึ้น
ตัวสภาวะไม่วุ่น เพราะมันเป็นไปอย่างนั้นเอง ตามปกติธรรมดา
ไม่เกี่ยวกับใครจะไปยึดหรือไม่ มนุษย์เป็นผู้วุ่นไปฝ่ายเดียว
และเพราะมันไม่วุ่นด้วย มนุษย์จึงยิ่งวุ่นวายใหญ่ เพราะขัดความปรารถนาถูกบีบคั้น
จึงเกิดเป็นปัญหาแก่มนุษย์เอง


ลองอ่านเก็บสาระธรรม จาก 2 ลิงค์นี้ดูครับ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14744

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13590
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 1:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บริกรรมเยอะ จะได้มีสติมากขึ้น

หรือสวดมนต์มากๆ ก็ได้ จะได้สติมากขึ้น ฟุ้งซ่านเพราะสติน้อย สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
รุ่งลลิดา สกุลงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 ก.ค. 2007
ตอบ: 53
ที่อยู่ (จังหวัด): 75/8 ม.3 ม.จามจุรี 2 ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120

ตอบตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 3:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เห็นด้วยกับท่านกรัชกายและท่าน RARM ปฏิบัติไปเถิดแล้วจะมีคำตอบในตัวเอง
รู้ได้ด้วยตัวเอง พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าทุกข์ให้กำหนดรู้
 

_________________
มีสติไว้
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
มรรคคา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 30 มี.ค. 2008
ตอบ: 77
ที่อยู่ (จังหวัด): ภูเก็ต

ตอบตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2008, 1:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การงานทุกวันนี้ หายากนะครับ ยิ่งเป็นยุคข้าวยากหมากแพง อย่างทุกวันนี้ด้วยแล้ว
ผมว่าอย่าพึ่งลาออกเลยนะครับ
เพราะว่าถ้าลาออกก็จะเป็นทุกข์มากกว่าที่เป็นอยู่
ใหนจะต้องหางานใหม่ ใหนจะต้องกินต้องใช้ ในแต่ละวัน ใหนจะต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ และอื่น ๆ อีก มากมาย


ชีวิตฆราวาสสิ่งสำคัญไม่ใช่การทำมรรคผลให้แจ้ง แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ อาชีพ การงาน การใช้ชีวิต เพราะถ้าหากว่าเรื่องอาชีพ การงาน เรื่องปากท้อง ยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่สบายแล้ว
ก็อย่าคิดที่จะเริ่มปฏิบัติธรรมเลยครับ เพราะจิตจะว้าวุ่น ไม่สงบ ไม่เป็นสมาธิ

ผมว่าคุณน่าจะทำงานนั้นต่อไป เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เราแน่ใจได้ว่าเมื่อเรามีงานทำ
เราก็จะมีเงินเดือน ที่จะใช้อยู่ ใช้กิน ในแต่ละวัน เมื่อเรื่องปากเรื่องท้องอยู่ตัวไม่ได้เป็นปัญหา
ในการใช้ชีวิตแล้ว หลังจากนั้นก็ลองหาหนังสือที่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม การทำสมาธิ
หรือการเจริญสติในชีวิตประจำวัน เริ่มจากเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปก่อน

เมื่อเห็นว่าเริ่มสงบดีแล้ว มีความสุขในชีวิตดีแล้ว ค่อยหาเวลาว่า ไปเข้ากรรมฐานสักเจ็ดวัน
เพื่อว่าจะได้แนวทางในการปฏิบัติเพื่อเพิ่มภูมิจิตภูมิธรรม ให้ตัวเอง

ส่วนเรื่องความอยากของคุณ ไม่ว่าจะอยากรวย อยากช่วยสังคม ช่วยพ่อแม่ หรืออื่น ๆ นั้น
ผมว่าก่อนที่จะคิดช่วยคนอื่นให้ช่วยตัวเองก่อน ถ้าช่วยตัวเองยังไม่รอดแล้ว จะหวังที่จะช่วยคนอื่นได้อย่างไรครับ จริงใหมครับ

ความอยากรวย เป็นเรื่องธรรมดาของคนเรา เพราะเรามีความอยากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
แต่ความรวยของคนเรามีหลายแบบครับ
บางคนเกิดมาก็รวยเพราะว่าพ่อแม่สร้างไว้ให้ บางคนต้องฝ่าฟัน บางคนรวยเพราะบุญหล่นทับ บางคนรวยเพราะอาศัยบุญเก่าเกื้อหนุน

ก่อนที่จะคิดถึงความรวยในวันข้างหน้า ลองถามตัวเองในวันนี้ว่าวันนี้เป็นอย่างไรก่อน
ถ้าวันนี้มีเงินจากการทำงาน แต่ไม่ได้ส่งเงินให้พ่อแม่ เพราะเงินไม่พอใช้
หรือ มีเงินใช้ และได้ส่งให้พ่อแม่ด้วย หรือมีเงินใช้ ได้ส่งให้พ่อแม่ และเหลือเงินเก็บ
ถ้ามีเงินเก็บแล้วก็ค่อยเก็บเล็กผสมน้อยจนเป็นเงินก้อนใหญ่ในวันหน้า
เมื่อวันนั้นมาถึง คุณก็จะรวย (แต่ละคนไม่เท่ากัน) ได้ช่วยเหลือพ่อแม่ ได้ช่วยเหลือสังคม(บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ) ได้ปฏิบัติธรรมตามภูมิจิตภูมิธรรม ของตัวเอง

สิ่งที่อยากฝากคือ ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ควรจะเหลือเงินไว้ให้พ่อแม่บ้างในแต่ละเดือน
เพราะว่าพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของบุตร ถ้าไม่ทำบุญกับพ่อแม่แล้ว ก็อย่าหวังว่าจะพบความเจริญ ในชีวิตเลยนะครับ ถึงท่านจะมีเงินอยู่แล้ว ก็ควรจะทำเพื่อเป็นการสร้างบุญ สร้างกุศลให้ตัวเองครับ

พระพุทธองค์ทรงสอน ให้อยู่กับปัจจุบัน อย่าจมอยู่กับอดีต เพราะผ่านมาแล้ว แก้ไม่ได้
อย่าหลงอยู่กับอนาคต เพราะยังมาไม่ถึง ทำอะไรไม่ได้ ทั้งสองอย่างไม่มีประโยชน์ มีแต่โทษ เพราะทำให้ฟุ้งซ่าน เราควรจะอยู่กับปัจจุบัน เพราะปัจจุบันแก้ไขได้

เห็นไหมครับว่าทุกอย่างต้องอาศัยเวลา เหตุ ปัจจัย

ถ้าเหตุและปัจจัยครบสมบูรณ์ เราจึงจะใช้ประโยช์ได้
 

_________________
มีสติสัมปชัญญะกับทุกลมหายใจเข้าออก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มรรคคา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 30 มี.ค. 2008
ตอบ: 77
ที่อยู่ (จังหวัด): ภูเก็ต

ตอบตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2008, 2:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อชีวิตมีความสุข สงบดีแล้ว
ปากท้องสบายดีแล้ว
การปฏิบัติธรรม เป็นไปด้วยดีแล้ว (ต้องรู้ให้เท่าทันกรรม ไม่เช่นนั้นจะพลาดได้)
ก็ทำไปเรื่อย ๆ รอเวลาที่ทุกอย่างจะบริบูรณ์
เหมือนผลไม้ที่แก่จัด ที่รอเวลาที่จะสุกเท่านั้น
เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการ
อะไรคือ สิ่งที่คุณควรจะทำ
หรืออะไรคือเป้าหมายของชีวิต

ถ้าเหตุและปัจจัยทุกอย่างลงตัว ครบถ้วนแล้ว
คุณจะรู้ได้ด้วยตัวคุณเองว่า การมีชีวิตที่เรียบง่าย สุข สงบ ท่ามกลางความเร่าร้อน ความวุ่นวาย ของผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร

ธรรมทุกอย่างเป็น ปัจจัตตัง ครับ
รู้ได้เฉพาะตัว ให้คนอื่นรู้ด้วยไม่ได้

เราทำ เราก็ได้รับผลจากการกระทำนั้นเท่านั้น

ขอให้คุณพระรัตนตรัยช่วยคุ้มครอง และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในชีวิตคุณนะครับ

สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ

อนุโมทนามิ
 

_________________
มีสติสัมปชัญญะกับทุกลมหายใจเข้าออก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มรรคคา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 30 มี.ค. 2008
ตอบ: 77
ที่อยู่ (จังหวัด): ภูเก็ต

ตอบตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2008, 5:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากแนะนำหนังสือ

เจ็ดเดือนบรรลุธรรม ของ ดังตฤณ ครับ

อยากแนะนำสำหรับผู้เริ่มปฏิบัติใหม่ ๆ เผื่อจะเกิดความศรัทธาเหมือนอย่างในหนังสือครับ
 

_________________
มีสติสัมปชัญญะกับทุกลมหายใจเข้าออก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2008, 12:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รวยแล้วเป็นสุข...จริงหรือ?
แต่ "สุข" ได้ โดยไม่ต้อง "รวย"...นี้แน่นอนกว่า

แม้ว่าเราจะ"ดูจน" ในสายตาคนอื่น
แต่ถ้าเรารู้สึกว่า "พอ"แล้ว
เราจะ "ร่ำรวย" อยู่เสมอ


อย่างไรก็ตาม...

เชื่อว่า คุณ titisak สามารถใช้ปัญญาทางโลกที่มีเป็นทุนเดิม
สร้างโอกาส และประโยชน์ทั้งแก่ตน
แก่เยาวชน และสังคมได้อย่างมากมาย
ตราบใดที่ยังมีศรัทธาในการเป็น "ผู้สร้าง" และ "ผู้ให้" ในวิชาชีพครู
แม้ว่าจะไม่อยู่ในองค์กร หรือสถาบันการศึกษาใดใดแล้วก็ตาม...

คนเรานั้นสามารถสร้างบุญ
และปฏิบัติธรรมได้หลายรูปแบบตลอดเวลา
ทั้งจากการทำทาน ถือศีล และเจริญภาวนา
และบุญกิริยาวัตถุต่างๆ


แม้แต่การปฏิบัติหน้าที่การงานของตนในทางที่ชอบ
ด้วยความตั้งใจ เพียรพยายาม และซื่อสัตย์สุจริต

ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรอให้รวยก่อน
แล้วจึงค่อยทำบุญ ทำประโยชน์ให้สังคม


การแสดงธรรม และสร้างธรรมทาน
ก็นับเป็นการให้ทานที่ให้ผลบุญอันยิ่งยวดประการหนึ่ง

เวลา และโอกาส...ไม่สำคัญเท่า ศรัทธา & ความเพียร...นะคะ

ถ้ารอให้ทะเลหมดคลื่นก่อน
แล้วค่อยล่องเรือ....
ไฉนเลย...จะมีวันถึงฝั่ง


บางทีคุณ titisak
อาจพบว่า....


ความสุขที่แท้จริงของการล่องเรือนั้น
อยู่ระหว่างเส้นทางแห่งการเดินทาง
หาใช่ที่จุดหมายปลายทางไม่....

ระหว่างทาง...คือเป้าหมาย
เป้าหมาย...คือเส้นทาง


เป็นกำลังใจ และขออนุโมทนาล่วงหน้าที่จะไปปฏิบัติธรรมด้วยนะคะ สู้ สู้ ยิ้ม

สาธุ สาธุ สาธุ

สถานที่ปฏิบัติธรรม สาธุ
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=9 สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2008, 10:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมทั้งหลายมีเหตุเป็นแดนเกิด เมื่อสิ้นเหตุเหล่านั้นจึงดับทุกข์ได้..............
หาเหตุที่แท้ให้เจอครับ...มองตามความเป็นจริง อย่าไปฝืน อย่าไปบังคับ ปล่อยมันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามเหตุปัจจัยของมัน เพราะมันเป็นสิ่งที่เราบังคับไม่ได้ กิเลส ตัณหามันมีของมันอยู่อย่างนี้อยู่แล้ว เหมือนกับวัตถุอะไรสักอย่างที่ไม่มีเจ้าของ ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่สีสันรูปร่าง เสียง กลิ่น รส สัมผัส ให้เราเกิดอารมณ์ต่างๆขึ้นมา หากเราเห็นตามความเป็นจริงแล้ว เราก็จะรู้ว่ามันไม่มีอะไรเป็นสาระได้ เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปยึดถือไว้ทำไม....หนักเปล่า
................เปรียบเทียบ............จิตเราเป็นสัตว์ ส่วนกิเลส ตัณหา นั้นเปรียบเสมือนนายพราน ซึ่งจะต้องล่าสัตว์เพื่อความอยู่รอด ฉะนั้นระหว่างสัตว์ และนายพรานจึงไม่สามารถอยู่ร่วมกันโดยสันติได้ นายพรานจะต้องล่า สัตว์ต้องถูกล่า อยู่ในวงจรเช่นนี้ นายพรานจะมีวิธีการต่างๆนาๆ เริ่มตั้งแต่เอาปืนไล่ยิงบ้าง ขุดหลุมดักบ้าง วางกับดักบ้าง ฯลฯ ซึ่งแต่ละวิธีของนายพรานนั้นก็เปลี่ยนไปตามสภาพการณ์ว่าจะล่าสัตว์ที่ใด สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร ควรต้องใช้อุบายใดมาล่า ส่วนสัตว์นั้นหากไร้ปัญญา ก็ไม่สามารถจะเห็นได้ว่าที่ใดมีนายพรานอยู่ ที่ใดมีหลุมพราง ที่ใดมีกับดัก ก็จักเดินไปโดยประมาท โดยมากมักจะติดกับดักที่นายพรานได้วางไว้ เมื่อถูกจับได้ก็ต้องตกเป็นอาหารของนายพราน ซึ่งนั่นคือความทุกข์...ทุกข์ที่เกิดขึ้นกับจิตที่เป็นสัตว์ แต่หากจิตละเอียดขึ้นถึงขั้นที่จะเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์.....มนุษย์ที่เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ประเสริฐแล้ว......ย่อมรู้จักว่าสิ่งใดคือความประมาท ฉะนั้น มนุษย์ผู้ประเสริฐจะไม่พาตัวเองไปติดกับดักของนายพรานเป็นแน่ เพราะรู้ได้ว่านั่นเป็นกับดัก ตรงนั้นมีพรานซุ่มอยู่ก็จะไม่เดินไปขวางวิธีกระสุน หรือติดกับดักนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้นายพรานก็หมดที่ล่า เมื่อนายพรานล่าสัตว์ไม่ได้ก็ต้องอดกิน เมื่อไม่ได้กินก้จะไม่มีแรงไปล่าสัตว์ได้อีกสุดท้ายก็อดตาย................
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง