ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
p.somchai
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 22 พ.ย. 2007
ตอบ: 48
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
|
ตอบเมื่อ:
01 ม.ค. 2008, 10:33 pm |
  |
คาถาหลวงพ่อปัญญา 'ลดทุกข์-เพิ่มสุข' 'เพื่อชีวิตใหม่' ปีหนู
เข้าสู่ “ปีใหม่” คำอวยพรที่ให้แก่กันประโยคหนึ่งซึ่งถือเป็นประโยคอมตะก็คือ “ขอให้มีความสุข” เพราะไม่ว่าใครก็ย่อมต้องการที่จะมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังมิได้ทำให้ตัวเองมีสุข
อยากมีความสุขก็ต้องรู้จักที่จะขจัด “ความทุกข์”
หาก “ลดทุกข์” ได้...ก็ย่อมจะเป็นการ “เพิ่มสุข”
ทั้งนี้ กับเรื่อง “ความสุข-ความทุกข์” นั้น พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ท่านระบุไว้ในหนังสือ “ชีวิตของข้าพเจ้าและคำบรรยายวิชาพุทธศาสน์” หนังสือธรรมะที่แพร่หลายมากเล่มหนึ่งหลังหลวงพ่อปัญญาละสังขารเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยในบทธัมมจักกัปปวัตนสูตร ความบางตอนคือ.....
“...หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าในแง่ความทุกข์นี่ก็เหมือนกัน พระองค์บอกว่ามีแต่ความทุกข์ ส่วนสุขคืออะไรเล่า สุขก็คือทุกข์ที่ลดลงไป ถ้าเราพูดตามภาษาคำนวณว่า ทุกข์ 100 ถ้าลดลงมา 5 ส่วน ที่ลดลงมา 5 นี่แหละคือของเรา ถ้าลดลงไป 10 เราก็ได้สุข 10 สมมุติเชื่อว่าเป็นความสุข
ความจริงความสุขนั้นก็คือทุกข์ลดลงนั่นเอง แต่ทุกข์ยังอยู่อีกตั้ง 95, 90 แม้ลดลงไป 50 ทุกข์ก็ยังอยู่ตั้ง 50 แต่นับว่าเบาลงไปหน่อย คือเรียกว่าลดลงไปเท่านั้นเอง การที่ตรัสเช่นนี้เรียกว่าพระพุทธเจ้าตรัสในสิ่งที่เป็นสัจจะ เป็นธรรมะให้เรารู้ความจริงว่า โลกนี้มีความทุกข์
ส่วนที่เราเรียกว่าสุขนั้นไม่ใช่สัจจะ ไม่ใช่ความจริง แต่เป็นการพูดตามภาษาชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจ ถ้าเราพูดไปว่าวันนี้ทุกข์ลดลงไป 5 แล้ว ก็ฟังไม่รู้เรื่อง จึงบอกว่า เป็นสุข วันนี้สบายดี การที่สบายดีก็คือว่า ทุกข์ลดลงไปหน่อย การที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า โลกนี้มีความทุกข์ พูดในแง่ความจริง พระพุทธเจ้ามองโลกในแง่ความจริง มีพุทธสุภาษิตบทหนึ่งว่า “เธอทั้งหลายจงมองทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เป็นจริง” ภาษาบาลีว่า “ยถาภูตญาณทัสสนะ” หมายความว่า “มองสิ่งทั้งหลายตามที่เป็นจริง”
การที่คนเราวุ่นวายก็เพราะเราไม่ได้มองอะไรๆ ตามที่เป็นจริง เรามองเห็นสิ่งที่เป็นมายา เห็นสิ่งที่เขาคลุมเขาแต่งไว้ แต่ไม่มองลงไปให้เห็นเนื้อแท้ของสิ่งนั้นว่าเป็นอะไร เมื่อเรามองไม่เห็นเนื้อแท้ เราก็ไม่เห็นสิ่งที่เป็นมายาหลอกลวง ก็วุ่นวายไปด้วยประการต่างๆ
ในหนังสือเล่มเดิมหลวงพ่อปัญญาระบุไว้อีกว่า.....เมื่อใดเรามองอะไรในสภาพที่เป็นจริง เราก็เห็นความจริง และเมื่อเราเห็นความจริง เราก็จะไม่ยึดถือ ไม่หลงผิดต่อไป อันนี้เป็นหลักสำคัญในทางพระพุทธศาสนา ใช้ได้ทุกแง่ ไม่ว่าในแง่การเมือง หรือในแง่เศรษฐกิจ อะไรก็ตาม ถ้าเรามองในแง่ของความจริงในสิ่งนั้นๆ แล้ว จะไม่ทำให้เราวุ่นวายในทางจิตใจ จะทำให้เราเข้าใจสิ่งนี้ตามสภาพที่เป็นอยู่จริงๆ
จึงใคร่ขอฝากทรรศนะข้อนี้ไว้แก่พวกเธอทั้งหลายว่า เราจะมองโลกต้องมองให้เห็นตามสภาพที่เป็นจริง มองคนก็มองให้เห็นสภาพที่เป็นจริง เหตุการณ์อันใดเกิดขึ้น เราต้องมองให้ซึ้ง ให้เห็นภาพที่เป็นจริง การมองอะไรๆ ตามสภาพที่เป็นจริงนั้น เป็นการมองด้วยปัญญา เป็นการมองตามแบบที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรามอง และเราจะเข้าใจสิ่งนั้นมากขึ้น ขอให้เข้าใจในเรื่องความทุกข์ตามนี้...”
หลวงพ่อปัญญายังได้ระบุถึงเรื่อง “ความทุกข์” ไว้ในหนังสือเล่มเดิมอีกหลายส่วน อาทิ... “...ความเกิดขึ้นแห่งความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องอะไรๆ ก็ตาม เป็นความทุกข์ ขณะใดใจเราเกิดความคิดยึดมั่นถือมั่นอะไร ก็เป็นทุกข์...” “...ยึดมั่นว่ารูปเป็นของฉัน เวทนาเป็นของฉัน สัญญาเป็นของฉัน วิญญาณเป็นของฉัน เราก็เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะความยึดถือ ถ้าไม่ยึดถือก็ไม่มีความทุกข์หรือความเดือดร้อนเลย...”
“ขอให้เราจำไว้ว่า ความทุกข์เกิดเพราะความอยาก อยากมากทุกข์มาก อยากน้อยทุกข์น้อย ถ้าไม่อยากเลยก็สบายใจ ไม่มีความทุกข์อะไร อยู่โดยไม่อยากนี่จะอยู่ได้ไหม อยู่ได้ แต่ว่าคนเราไม่ฝึก ไม่ฝึกอยู่เพื่อไม่อยาก ฝึกอยู่แต่เรื่องอยากกันทั้งนั้น จึงวุ่นวายกันนักหนา”...หลวงพ่อปัญญาระบุ
เหล่านี้ต้องนับว่าเป็น “ธรรมะสร้างความสุข”
อย่างไรก็ดี ถ้าใครอยากรู้วิธีสร้างความสุขโดยไม่ต้องอิงกับคำว่าทุกข์เลย หลวงพ่อปัญญาท่านก็เคยให้คำแนะนำชัดๆ เป็นข้อๆ ไว้ 6 ข้อ ในหนังสือชื่อ “วิธีสร้างความสุขสดใสให้ชีวิต” ซึ่งใครจะเรียกว่าเป็น “คาถาสร้างสุข” ก็น่าจะได้ โดยหลักใหญ่ใจความคือให้ “หยุดสำรวจตรวจสอบตัวเอง” กล่าวคือ.....
1. ชีวิตเราที่ผ่านมานี้ เป็นอย่างไร ?, 2. สุขภาพกาย สุขภาพจิต เป็นอย่างไร ?, 3. เศรษฐกิจส่วนตัวเรา ในครอบครัวเรา เป็นอย่างไร ?, 4. เราได้รับใช้ประเทศชาติ อย่างไร ?, 5. เราทำงานด้วยความเสียสละ ซื่อสัตย์ ขนาดไหน ?, 6. เราทำด้วยความสำนึกในหน้าที่ อย่างไร ?
หลวงพ่อปัญญาท่านใช้ “ฯลฯ” ต่อท้าย 6 ข้อคำถามนี้ไว้ด้วย ซึ่งโดยนัยก็น่าจะหมายถึงอาจตั้งคำถามเพิ่มเติมได้ แต่สำคัญคือก็ต้องเป็นคำถามเพื่อการตรวจสอบตัวเองในทางสร้างสรรค์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้รู้-ให้ตระหนักถึงตัวตนของเราในช่วงที่ผ่านมา เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนทำให้ชีวิตตนเองสดใสสดชื่น “มีความสุข”
“ปีใหม่” อีกแล้ว !! ก็ถือเป็นฤกษ์ดีที่จะ “สำรวจตัวเอง”
พบว่ามี “ปัจจัยสร้างทุกข์” ก็พยายามลด-ละมันลงเสีย
ลดทุกข์ได้ก็เท่ากับ “สร้างความสุข” ได้นั่นเอง !!!!!.
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เวลา 08:39 น. |
|
_________________ หนทางหมื่นลี้ ย่อมมีก้าวแรก |
|
  |
 |
I am
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
|
ตอบเมื่อ:
03 ม.ค. 2008, 8:31 am |
  |
 |
|
_________________ ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก |
|
     |
 |
กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
05 ม.ค. 2008, 2:44 am |
  |
“ปีใหม่” อีกแล้ว !! ก็ถือเป็นฤกษ์ดีที่จะ “สำรวจตัวเอง”
พบว่ามี “ปัจจัยสร้างทุกข์” ก็พยายามลด-ละมันลงเสีย
ลดทุกข์ได้ก็เท่ากับ “สร้างความสุข” ได้นั่นเอง !!!!!.
ถึงปีนี้จะเป็นปีหนู
แต่ถ้าหมั่นทำเช่นข้างต้นนี้...
ก็ไม่มีวันจะชวด...บุญ
สาธุ....สาธุ...สาธุด้วยนะคะ คุณ p.somchai  |
|
|
|
    |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
16 ม.ค. 2008, 12:41 pm |
  |
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
ธรรมะสวัสดีค่ะ
 |
|
|
|
   |
 |
|