ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
I am
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
|
ตอบเมื่อ:
08 ม.ค. 2008, 8:24 am |
  |
คราวนี้พูดถึงเรื่องภาวนา ถ้าไม่เกิดความรู้จากภาวนาแล้วไม่ได้เห็นตามเป็นจริงเลย พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เห็นตามเป็นจริง เบื้องต้นท่านให้ภาวนาให้จิตสงบเสียก่อน อบรมให้เป็นสมาธิเสียก่อน เมื่อเป็นสมาธิแล้ว มันคิดพิจารณาไปเอง เกิดสลดสังเวชขึ้นในตัวของเรา
สลดคืออะไร ใจมันหดหู่ แต่ไม่ใช่ใจเศร้าหมอง ใจเศร้าหมองกับใจหดหู่มันต่างกัน ใจหดหู่นั้นมันสลดสังเวช แล้วมันคิดถึงตัวของเราจะต้องเป็นอย่างนั้นแล้ว มันหดหู่ลงไป
ส่วนใจเศร้าหมองนั้น คิดถึงเรื่องความแก่ ความตาย แล้วเศร้าโศกเสียใจอาลัยอาวรณ์ กลัวเราจะเป็นอย่างนั้น เรียกว่าเศร้าโศก จิตไม่ตั้งมั่นอยู่ในที่เดียว
ส่วนหดหู่นั้นจิตใจยิ่งตั้งมั่นลงไป แล้วเกิดความสลดสังเวชในตัวของตน เราเกิดมาได้ของไม่ดีซึ่งเราหลงใหลมานมนานแล้ว เข้าใจว่าได้ของดี จะมีอายุยืน จะมีสุขภาพดี แท้ที่จริงมันได้ของตาย ของอสุภะ ปฏิกูล ของชำรุดทรุดโทรมทั้งนั้น
เราบำรุงบำเรอรักษาทุกเมื่อ แต่ว่ามันก็ชำรุดไปทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที ไม่มีอะไรจะมั่นคงถาวรอยู่ได้มันจึงค่อยเห็นความจริงว่ามันทรุดโทรมไปทุกวัน เป็นเหตุให้ได้คิด เกิดสลดใจว่า ตนลืมตนหลงตัวเพิ่งมารู้เดี๋ยวนี้เอง เวลาล่วงเลยมานาน ไม่เกิดความรู้ความเข้าใจตามความเป็นจริงของสังขาร
เหตุนั้นจึงว่าการทำสมาธิ ภาวนามี อานิสงส์มาก ทำให้เห็นชัดตามความเป็นจริง ถ้าเห็นตามความเป็นจริงแล้ว สิ่งทั้งหลายนี้จะแปร ปรวนก็ตามจะดับสูญสิ้นไปก็ตาม อัตภาพมันเป็นอยู่อย่างนั้น ใครห้ามไม่ได้ใครบอกก็ไม่ฟัง มันเกิดขึ้นมานานแล้วมันต้องแปรปรวนไปอย่างนั้นเอง
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เห็นตามเป็นจริง พิจารณาตามเป็นจริง พระพุทธศาสนาสอนของจริง สอนตามความเป็นจริง มนุษย์คนเราเข้าใจผิดไปไม่เห็นตามเป็นจริง เอาตัวของเรานี่แหละเป็นตัวอย่างอธิบายให้ฟัง ความเสื่อม ความสิ้นไป เป็นธรรมดาของสังขารทั้งปวงของมนุษย์ที่เกิดมาเป็นอย่างนั้น
แต่มันไม่เห็นตามเป็นจริงเพราะจิตไม่เป็น สมาธิภาวนา คนที่เป็นสมาธิภาวนาแล้วเห็นชัดตามเป็นจริงไม่มีหวั่นไหว การพิจารณาความเกิดกับความดับพิจารณา ด้วยอาการอย่างนี้
: ความเกิด ความดับ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
http://www.thewayofdhamma.org/page3_2/patum70.html
 |
|
_________________ ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก |
|
     |
 |
ธำรงค์ศักดิ์
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 03 ม.ค. 2008
ตอบ: 39
ที่อยู่ (จังหวัด): สระบุรี
|
ตอบเมื่อ:
08 ม.ค. 2008, 4:11 pm |
  |
กราบโมทนาสาธุครับ |
|
_________________ จงทำจิตให้ผ่องใสอยู่เสมอ |
|
  |
 |
p.somchai
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 22 พ.ย. 2007
ตอบ: 48
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
|
ตอบเมื่อ:
09 ม.ค. 2008, 7:22 am |
  |
สลดคืออะไร ใจมันหดหู่ แต่ไม่ใช่ใจเศร้าหมอง ใจเศร้าหมองกับใจหดหู่มันต่างกัน ใจหดหู่นั้นมันสลดสังเวช แล้วมันคิดถึงตัวของเราจะต้องเป็นอย่างนั้นแล้ว มันหดหู่ลงไป
ส่วนใจเศร้าหมองนั้น คิดถึงเรื่องความแก่ ความตาย แล้วเศร้าโศกเสียใจอาลัยอาวรณ์ กลัวเราจะเป็นอย่างนั้น เรียกว่าเศร้าโศก จิตไม่ตั้งมั่นอยู่ในที่เดียว
ขออนุโมทนาสาธุอย่างแรงครับ  |
|
_________________ หนทางหมื่นลี้ ย่อมมีก้าวแรก |
|
  |
 |
กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
09 ม.ค. 2008, 8:55 pm |
  |
การเจริญภาวนา ให้จิตสงบผ่องแผ้วแล้ว
จะเกิดปัญญาพิจารณาสภาวะธรรมในขณะนั้น
อนุโมทนาสาธุค่ะ  |
|
|
|
    |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
16 ม.ค. 2008, 12:48 pm |
  |
สาธุ สาธุ สาธุจ้า...คุณ I am
ํธรรมะสวัสดีค่ะ
 |
|
|
|
   |
 |
|