Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 นิสัยผู้นำ : สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 12 ธ.ค.2007, 5:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

นิสัยผู้นำ
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร)
วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร


ในธรรมนิติว่า ชีวิตของคนโง่สั้นนิดเดียว
ชีวิตของคนฉลาดยืนนาน
ชีวิตของหมู่ชนอยู่ที่หัวหน้า
ชีวิตของหัวหน้าอยู่ที่นิติธรรม

ลูกทำชั่วร้อนถึงพ่อแม่
ศิษย์ทำชั่วร้อนถึงครู
หมู่ชนทำชั่วร้อนถึงหัวหน้า
เมื่อหัวหน้าทำชั่วร้อนทั่วทั้งแผ่นดิน

มนุษย์เราเป็น สังฆภูติ คือสัตว์เมือง
เพราะชอบรวมกันอยู่เป็นหมู่คณะ

ซึ่งเริ่มต้นด้วยการรวมกันอยู่เป็นครอบครัวก่อน
และแล้วก็รวมกันอยู่เป็นหมู่บ้าน
หมู่เมือง หมู่ประเทศ หมู่ชาติ ขึ้นโดยลำดับ

และต้องเกี่ยวข้องติดต่อสมาคมกันด้วยธุรกิจต่างๆ
จะแยกออกอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย หาปรากฏมีอยู่ไม่

แม้นคนเราจะชอบอยู่รวมกันอยู่ ชอบเกี่ยวข้องกัน
และชอบสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน

แต่คนในหมู่นั้นยังมีนิสัยใจคอต่างกัน
ในขณะแสวงหาความสุขเพื่อตน
อาจทำอะไรไปตามความพอใจตัว
แต่เป็นการก่อทุกข์เดือดร้อนแก่คนอื่นได้

นี่คือสาเหตุให้หมู่ชนแต่ละหมู่
จำเป็นต้องมีหัวหน้าเป็นผู้ปกครอง


วางระเบียบกฏข้อบังคับ
กำหนดสิทธิอำนาจและหน้าที่ของสังคม
สำหรับปฏิบัติต่อกันเป็นขอบเขต
เพื่อระงับทุกข์และบำรุงสุขของหมู่คณะ

แน่เหลือเกิน...หมู่ชนจำต้องมีหัวหน้า
ถ้าไม่มีหัวหน้าจะพินาศ


แต่ถ้าหากมีหัวหน้ามากจะฉิบหาย
มีหัวหน้าโง่จะวอดวาย
มีหัวหน้าไม่ดีจะป่นปี้ยับเยิน

ดังนั้นคติโบราณจึงมีว่า

บ้านเมืองจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุขสงบเรียบราบปลอดภัย
แลเจริญรุ่งเรืองอยู่สถิตย์เสถียรมั่นคง

เพราะมีหัวหน้าเป็นผู้ทรงธรรม
บำเพ็ญตนให้เป็นแบบอย่างอันดี
พรั่งพร้อมด้วยนิสัยของหัวหน้า ๑๔ ประการ
คือ มีลักษณะเป็น

ตาเมือง หูเมือง แก่นเมือง หลักเมือง ฐานเมือง ใจเมือง ขื่อเมือง
แปเมือง ฝาเมือง เขตเมือง ประตูเมือง สติเมือง ค่าเมือง และเมฆเมือง


สาธุ สาธุ สาธุ

(มีต่อ)
 


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 12 ธ.ค.2007, 10:02 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 12 ธ.ค.2007, 6:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๑.ตาเมือง

ปัญญาเป็น “ตาเมือง”
หัวหน้าผู้มีปัญญาเป็นตา
ย่อมรู้จักมองลงไปข้างล่าง
ดูผู้น้อยในบังคับบัญชา
ส่องให้เห็นทุกข์สุขและการงานของเขา
ใครมีทุกข์คอยช่วยเหลือ
ใครทำงานดีเข้าสนับสนุนให้ได้ดี

ไม่ถืออำนาจของผู้บังคับบัญชาแต่ฝ่ายเดียว
ใครเหลวไหลคอยว่ากล่าวตักเตือนด้วยหวังดี
เมื่อเขาไม่เชื่อฟัง ค่อยพิจารณาตามเหตุผล

รู้จักมองขึ้นข้างบน
ดูผู้ใหญ่ที่มีอำนาจเหนือตน
อ่านให้รู้อัธยาศัยใจคอของท่าน
เมื่อท่านประสงค์สิ่งไรในทางดีในทางชอบแล้ว
หาทางปฏิบัติให้เหมาะสม
ไม่ประจบสอพลอใช้ลิ้นเป็นอาวุธ
แต่ประจบท่านด้วยการทำงานให้ดี

หัวหน้าผู้ไม่มีปัญญาเป็นตา

ย่อมไม่รู้จักมองลงข้างล่าง ดูผู้น้อย
ไม่รู้จักมองขึ้นข้างบนดูผู้ใหญ่
ไม่เฉลียวฉลาดในอันจะหาทรัพย์
และเพิ่มพูนทรัพย์ที่มีอยู่
ทั้งไม่เฉลียวฉลาดในอันที่จะสอดส่องบาปบุญคุณโทษชั่วดีผิดถูก
นี่คือ หัวหน้าตาบอด

หัวหน้าผู้มีปัญญาเป็นตาข้างเดียว

รู้จักมองลงข้างล่างดูผู้น้อย
รู้จักมองขึ้นข้างบนดูผู้ใหญ่
เฉลียวฉลาดพอหาทรัพย์
และเพิ่มพูนทรัพย์ที่มีอยู่ให้มั่งคั่งได้
แต่ไม่เฉลียวฉลาดสอดส่องบาปบุญคุณโทษดีชั่ว ผิดถูกได้
นี่คือ หัวหน้ามีตาข้างเดียว

หัวหน้าผู้มีปัญญารอบคอบ

รู้จักมองลงข้างล่างดูผู้น้อย
รู้จักมองขึ้นข้างบนดูผู้ใหญ่
เฉลียวฉลาดพอหาทรัพย์
และเพิ่มพูนทรัพย์ให้มั่งคั่งๆได้
ทั้งเฉลียวฉลาดสอดส่องบาปบุญคุณโทษดีชั่วผิดถูดโดยครบถ้วน
นี่คือ หัวหน้ามีตาครบทั้ง ๒ ข้าง

หัวหน้าผู้มีตาครบทั้ง ๒ ข้าง
รู้จักมองลงข้างล่าง
รู้จักมองขึ้นข้างบน
เฉลียวฉลาดหาทรัพย์และเพิ่มพูนทรัพย์
ทั้งเฉลียวฉลาดสอดส่องบาปบุญคุณโทษดีชั่วผิดถูก
รอบรู้ทางเจริญทางเสื่อมอันจะมาถึงตนและบ้านเมือง
รู้จักเลือกทำแต่ฝ่ายที่ดีที่เจริญ
รู้จักหลบหลีกฝ่ายที่ชั่วที่เสื่อม
นำตนขึ้นสู่ทางที่ดีที่เจริญได้ด้วยกุศโลบาย
และคอยสังเกตระมัดระวังเหตุเภทภัย
มิให้เกิดมีขึ้นในวงงาน

แม้นจะเกิดมีได้บ้าง ก็รู้ทันท่วงทีว่าร้ายหรือดี
แล้วรับระงับ ด้วยวิธีแก้ส่วนที่ร้ายและสนับสนุนส่วนที่ดี


ถือคติว่า

“มูลเหตุอคติ ....................................ไม่เริ่มริทั้งสี่พรรค์
โทสะโมหะฉัน-...................................ทะและภยาอาวร
ครั้งหนึ่งถึงสองครั้ง ...........................ผิผิดพลั้งพึงสั่งสอน
สามซ้ำจึงกรรมกรณ์ ............................นุกิจราชอาชญา”


นี่คือหัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นตาเมือง

นิสัยหลับตาในความผิดพลาดของคนอื่น
และนิสัยตาบอดในโทษหนักเบาของเขาก็ดี
นิสัยลืมตาดูโลกให้เห็นเหตุผล
และนิสัยตาดีในความประพฤติของตน
ให้รู้ว่าเป็นบาปบุญคุณโทษก็ดี
นี่คือนิสัยของ หัวหน้าผู้เป็นตาเมือง

สาธุ สาธุ สาธุ

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 13 ธ.ค.2007, 8:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ศีลเป็นเลิศในโลก
แต่ผู้มีปัญญาเป็นผู้สูงสุด

สาธุจ้า... สาธุ สู้ สู้ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 13 ธ.ค.2007, 11:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุจ้า...คุณกุหลาบสีชา คุณ I am

ธรรมะสวัสดีค่ะ

ยิ้ม ยิ้มแก้มปริ สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 13 ธ.ค.2007, 11:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมะสวัสดียามดึกทั้ง ๒ ท่านค่า สาธุ

ขอต่อ...ข้อต่อไปนะคะ
ยังอีกยาวไกลเลยค่ะ ยิ้มเห็นฟัน ยิ้ม
 


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 13 ธ.ค.2007, 11:25 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 13 ธ.ค.2007, 11:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๒. หูเมือง

นิสัยหนักแน่นเป็นหูเมือง
หัวหน้าผู้มีนิสัยหนักแน่นเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
และหูไวทันกับเหตุการณ์

ถือผู้พูดว่าเสมือนหนึ่งผู้หว่าน
ถือผู้ฟังเสมือนผู้เก็บเกี่ยว


เมื่อรู้ข่าวอะไรแล้ว
รู้จักคัดเลือกเก็บเอาโดยเหตุโดยผล
คือฟังเหตุฟังผลมากกว่าฟังเสียง
ไม่ด่วนหูเบาเชื่อง่าย ตื่นข่าวลนลาน
อาศัยหูฟังเสียงใกล้ไกลทุกอย่าง

แต่ไม่ต้องการสิ่งที่ฟังทุกอย่างไป
ย่อมฟังหูไว้หู สืบต้นค้นปลายให้รอบคอบก่อน
ไม่ด่วนโอนเอนง่าย

พึงทราบว่าหัวหน้าที่เป็นคนหูเบา
ใจเบา และสมองเบานั้น
คือคนโง่เขลาขาดความยั้งคิด

ชอบฟังเสียงมากกว่าฟังเหตุ ฟังผล
ถูกตัวเองลวงตัวเองมากกว่าถูกคนอื่นลวงเป็นไหนๆ

เมื่อได้ฟังอะไรก็มักเชื่อตะบัน
เลยกลายเป็นหลักปักเลน
ไม่ได้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่
การงานย่อมเสื่อมเสีย

แม้จะเป็นผู้หลักแต่ไม่เป็นผู้ใหญ่
การงานก็ชักรวนเร

อย่าลืมว่าคนโง่สำคัญตัวว่าฉลาด
จะถูกกฎธรรมดาพิพากษาโทษว่า
ท่านโง่มานานแล้ว จงโง่ต่อไปทุกชาติที่เกิดมา


หัวหน้างานทุกแผนก
ผู้พกหินไว้ในอกไม่พกนุ่น
ถือหนักแน่นไว้ดีกว่าเบาหละหลวม

เป็นคนหูไวแต่ปากช้า
เมื่อได้ยินเขาพูดอะไรให้ฟังแล้ว
ชอบยับยั้งช่างคิด ฟังเหตุฟังผลมากกว่าฟังเสียง
นี่หัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นหูเมือง


ในธรรมนิติได้แสดงนิสัยของหัวหน้าชั้นตาเมือง หูเมืองไว้ว่า

“ตาและหูของหัวหน้ามีอยู่ตั้งร้อย คอยดูคอยฟังอยู่ทุกเมื่อ
แม้อย่างนั้น ก็ทำเป็นตาบอดหูหนวกได้”


นี่คือนิสัยของหัวหน้า

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 20 ธ.ค.2007, 8:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๓. แก่นเมือง

ศาสนาชื่อว่าแก่นเมือง และเป็นขั้วหัวใจของปวงชน

หัวหน้าผู้เป็นแก่นเมืองย่อมเป็นผู้มั่นคงในศาสนา
และรู้จัก จับขั้วหัวใจของปวงชน
ควรสนใจในศาสนา เช่น

เมื่อถึงวันสำคัญของศาสนา
มีวันมาฆบูชาและวันวิสาขบูชา เป็นต้น
ย่อมไม่ลืมหรือละเลยเสีย
เป็นต้องไปทำกิจศาสนาตามโอกาส

เพื่อเป็นแบบอย่างนำหมู่คณะให้ประพฤติดีงาม
อันจะชวนให้เขารู้สึกว่า
ท่านผู้นี้ควรเป็นหัวหน้าควรเคารพบูชา

เมื่อเขาเคารพบูชาแล้ว
จะปกครองบังคับบัญชาอย่างไร
เขาก็จะเชื่อถ้อยคำฟังง่ายๆ


ส่วนหัวหน้าผู้ไม่สนใจในศาสนา
นอกจากจะไม่ได้รับรสพระธรรมแล้ว
ยังจะไม่มีหลักเกณฑ์อะไรช่วยตนให้เป็นคนที่มีศาสนา

ผู้ใหญ่จะใฝ่ใจในการอันมิบังควร
และอบรมผู้น้อยให้เป็นคนทารุณ
ผู้น้อยจะอบรมภรรยาของตนให้มีสันดานหยาบ
ภรรยาจะอบรมลูกให้มีนิสัยชั่วร้าย

เมื่อพูดถึงกิจศาสนา แม้รู้แล้วก็ไม่ยอมสำนึก
เช่น วันมาฆะ หรือวันวิสาขะ
ที่ทางราชการหยุดให้ไปประกอบกิจศาสนา

แต่แทนที่จะไปบำเพ็ญบุญในวันสำคัญนั้น
กลับฉวยโอกาสพากันไปหย่อนใจ
ตามร้านสุรานารีพาชีกีฬาบัตร
หรือลงทุ่งเข้าป่าล่าสัตว์
ซึ่งผิดต่อจารีตประเพณีอย่างร้ายแรง

บางคนเมาแล้วอาละวาดชาวบ้านร้านตลาด
ถึงแก่ยกพวกสังหารกัน
ทำลายชีวิตและเลือดเนื้อกันเอง

แม้พวกล่าสัตว์เล่า
บางคราวที่โลภโมโทสันเข้าบังตา
บันดาลให้เห็นคนเป็นเนื้อ ต้องยิงกันเองตายไปก็มี
เป็นการท่ำบัดสียิ่งอยู่มิใช่หรือ
ถ้าท่านเอาชื่อหัวหน้ามายังหน้า
แล้วประพฤติสิ่งอันมิบังควรเช่นนี้

อันที่จริงพลเมืองย่อมนึกถึงการกระทำของหัวหน้า
แม้หัวหน้าที่ดีก็นึกถึงอกของพลเมือง
แต่หัวหน้าที่ไม่ดีไร้ศีลธรรมชอบนึกถึงถุงเงิน
ทำให้ประชาชนหมดศรัทธา
เขาพากันเกลียดยิ่งกว่าอาจม และกลัวยิ่งกว่าเสือ
ได้แต่บ่นปรับทุกข์ต่อกันด้วยประการต่างๆ เช่นว่า

“อนิจจาเอ๋ย เรามักจะได้พบเห็นแต่ผู้น้อยที่ต้องทนรับบาป
จากความไร้ศีลธรรมของหัวหน้าเสมอ”


ไม่เป็นการยากที่จะเอาความเรียกร้องความเห็นใจจากพลเมือง
ซึ่งถ้าหัวหน้าทำอะไรย่อมทำอย่างสุจริต
พลเมืองก็ไว้วางใจไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ

เด็กมอบของที่ตนรักมากให้แก่แม่
เพราะรู้สึกในการทำอย่างสุจริตใจของแม่
ไว้วางใจได้ว่าแม่จะรักษาไว้ให้ได้ดี

แม้พลเมืองก็ย่อมเชื่อหัวหน้าผู้มีนำใจสุจริต
เหมือนดังลูกที่เชื่อแม่


แต่ความบกพร่องอันยิ่งใหญ่ของหัวหน้านั้น
คือการไม่ยอมรับรู้ว่า ตัวเองมีความบกพร่องอะไรบ้าง


อันการแสดงอัธยาศัยของหัวหน้า
ให้ผู้น้อยฝนบังคับบัญชาของตนรู้สึกว่า
น่าเลื่อมใสน่าเคารพนับถือบูชา
และมีเมตตาปราณีรักใคร่เขาเช่นเดียวกับพ่อรักลูก
ตามที่เขาควรจะรู้สึกนั้น นั่นคือ วิธีจรรยาของหัวหน้าที่แท้จริง

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

“ เมื่อฝูงโคกำลังข้ามฟากไปอยู่
ถ้าโคตัวนำฝูงไปคด โคทั้งฝูงนั้นก็ไปคดตามกัน
ถ้าโคตัวนำฝูงไปตรง โคทั้งฝูงก็ไปตรงตามกัน

ในหมู่คนเราย่อมเหมือนกัน
หากผู้ได้รับสมมติให้เป็นใหญ่
คือ หัวหน้าประพฤติผิดธรรมหรือถูกธรรมแล้ว
น่าที่ประชาชนจักเป็นเช่นนั้นบ้าง

เมื่อหัวหน้าไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม
ปวงประชาต้องตกระกำลำบากยากเข็ญ
แต่ถ้าหัวหน้าตั้งอยู่ในศีลธรรม
ปวงประชาก็อยู่เย็นเป็นสุข สิ้นทุกข์ร้อน”


พิจารณาตามพระพุทธโอวาทนี้ ย่อมเห็นได้ว่า

หัวหน้าเป็นคนดี เป็นคนมีศีลธรรม
ผู้อยู่ในบังคับบัญชาย่อมอยู่ดีมีศีลธรรม
และอยู่เย็นเป็นสุขตามกัน

แต่เมื่อหัวหน้าเป็นคนไร้ศีลธรรม
คนในปกครองมักได้ช่องเข้าสวมรอย
และต้องพลอยทุกข์ร้อนได้ยากไปด้วย


พระศาสนาถือกรรมเป็นสำคัญ
ผู้ไม่เชื่อกรรมเพราะความเห็นงมงาย
แม้เมื่อประสบเคราะห์ มักจะซัดใครต่อใคร
ส่วนผู้เชื่อกรรมแน่นอนแล้ว ย่อมเห็นว่าเป็นกรรมของตนเอง

นี่คือ สุภาษิตพึงพิจารณา

"...แพทย์ว่าไข้ ลมรบ สมทบเหมาะ
โหรว่า เคราะห์ร้ายกาจลำบากแฝง
แม่มดว่า ผีซ้ำ ทำโทษแรง
แต่ปราชญ์แจ้ง กรรมตน ส่งผลเอง

ต้องอย่าโทษ เทพา ยักษาผี
อย่าโทษที่ ภูผา มาข่มเหง
อย่าโทษใคร คนอื่น ให้ครื้นเครง
โทษกรรมเอง ทำไว้ แต่งให้เอย..."


เมื่อหัวหน้าเชื่อกรรมแน่นอนว่า
ทำดีได้ผลดี ทำชั่วได้ผลชั่ว
และแล้วเป็นผู้มั่นคงในศาสนา
มุ่งทำดีเว้นชั่วด้วยความสนใจจริง
นี่คือหัวหน้าที่มีนิสัยเป็นแก่นเมือง

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ธ.ค.2007, 7:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๔.หลักเมือง

หมายเอาวิชาดีซึ่งเป็นปัจจัยให้คิดชอบรอบรู้ และหยั่งรู้ในเหตุผล
คนที่มีวิชาดีนำให้คิดชอบ ย่อมทำชอบพูดชอบ
เมื่อทำและพูดชอบแล้ว
สภาพแห่งภูมิธรรมที่ชอบ
อันเป็นผลของการทำและพูดที่ชอบก็เกิดขึ้น

หัวหน้าผู้มีวิชาดี ย่อมนิยมการเรียนรู้สูงที่ให้ฉลาดถูกทาง
ขยันขันแข็ง ทำงานหากินแม้เป็นงานต่ำได้
ไม่หยิบโหย่ง รู้จักประหยัดทำงานที่ไม่ผิดศีลธรรมได้ทุกชนิด
แต่เกลียดชังการเรียนรู้สูงที่ให้ฉลาดโกง
ขี้เกียจทำงาน มัวแต่หยิบโหย่ง กลัวลำบากตรากตรำ ไม่เอาการเอางาน

หมู่คณะใดบูชาคนสุจริต ชังคนทุจริต
ยกย่องคนขยันขันแข็ง เชิดชูคนกล้า
หมู่คณะนั้นจักพลันวัฒนา

แต่หมู่คณะใดดูหมิ่นคนสุจริต นิยมคนทุจริต
ยกย่องคนขี้เกียจเสมอคนขยัน
เชิดชูคนขี้ขลาดเท่าคนกล้า
หมู่คณะนั้นจักพลันพินาศ


หัวหน้าผู้มีวิชาดีหยั่งรู้ดั่งนี้
ตั้งตัวเป็นหลักแน่นหนา
มีใจแน่นอนไม่ง่อนแง่นรวนเร
เป็นที่พึ่งอุ่นอกเย็นใจของผู้น้อยได้
หนักเอาเบาสู้ไม่รู้ถอย
เมื่อผู้น้อยทำชอบก็รับสนับสนุนไม่ปิดบัง

เป็นคนมั่นคงเมื่อถูกติ
ไม่เสียใจจนยุบเหมือนผักนิ่ง
แม้เมื่อได้รับชมก็ไม่ดีใจจนตัวลอย
ทำอะไรย่อมยึดเอาวิชาดีเป็นหลักนำ

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ธ.ค.2007, 7:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๕. ฐานเมือง

หมายเอาจรรยาดี
การรู้จักละอายสิ่งที่ชั่วและกลัวสิ่งที่ผิด
เว้นการทำชั่วได้เป็นนิตย์
จะทำพูดคิดอะไรล้วนเป็นการดี
ซึ่งตนเองและคนอื่นติเตียนไม่ได้

แม้ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วก็สรรเสริญ นี่คือจรรยาดี
ซึ่งเป็นยอดแห่งวิถีจรรยาของคน
ห้ามเสียได้ซึ่งกิริยาผิด วาจาผิด และคิดผิด

วิชาดีเปรียบด้วยหัวแหวนเพชร
อันควรแก่เรือนทองรองรับจรรยาดีเปรียบด้วยทองเป็นเรืองรอง
เมื่อแหวนมีหัวแหวนและเรือนแหวนประกอบกันย่อมสง่างาม

คนเราก็ฉันเดียวกัน
เมื่อมีวิชาดีพาให้งามแล้ว
ต้องมีจรรยาดีนำให้ดีประกอบกันอีก
จึงจะชื่อว่ามีทั้งงาม มีทั้งดี

เพราะผู้มีวิชาดี
แต่เปล่าจากวิจารณ์ดีชั่ว ผิดถูก
เป็นคนโสโครกในจรรยา
ชอบประพฤติฝ่าฝืนศีลธรมกฏข้อบังคับ
ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี นิติธรรม ของหมู่คณะประเทศชาติ
พอประสงค์เพียงสักแต่เลี้ยงไปมื้อหนึ่งเท่านั้น
จะพึงมีข้อดีวิเศษอะไร ยิ่งกว่าสัตว์ไปได้เล่า
ถึงจะมีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายแล้ว

คนจรรยาดีย่อมมีใจสูงเป็นระเบียบเรียบร้อย
จะบำเพ็ญอะไร จะเว้นอะไรอย่างไร
ไม่ใช้กุศโลบายเล่ห์กระเท่ห์ปราศจากลูกไม้
ใช้สัตยธรรมเป็นมรรคา
ฉลาดในชีวิโตบายอันชอบธรรม
มีสัมมาอาชีพเป็นอุดมคติ

ไม่จะกละลามกโลภโมโทสันในทางผิดธรรม
เป็นคนบริสุทธิ์ด้วยกุลาจารธรรมสำหรับสกุล
ด้วยชนาจารธรรมสำหรับคนทั่วไป
และด้วยนิติธรรมสำหรับหมู่คณะประเทศชาติ


ผู้ใหญ่และเห็นใจผู้น้อย
ผู้แข็งแรงแลเห็นใจของผู้อ่อนแอกว่า
ผู้ฉลาดแหลมคมและความความคิดและชั้นเชิง
แลเห็นใจคนโง่เขลา เพียรทำดี
แม้การทุจริตเพียงเล็กน้อยก็ไม่คิดตรึกตรองจึงจะทำ
หรือไม่ให้เป็นเหตุอันต้องทำ

อยู่เหนืออารมณ์อยู่เหนืออามิส
และอยู่เหนืออำนาจอธรรมทั้งสิ้น
หัวหน้าผู้สถิตมั่นในจรรยาดีเช่นนี้


นี่หัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นฐานเมือง

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ธ.ค.2007, 7:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๖.ใจเมือง

หมายเอานิสัยรักการงาน
หัวหน้าผู้มีนิสัยรักการงานนี้เองจัดเป็นใจเมือง
เพราะเนื้อหาแห่งชีวิตของคนเรา คือการงาน
ไม่ใช่ลมหายใจ ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง

ความมั่งคั่งของบุคคลและชาตินั้น
ย่อมอยู่ที่การงานทั้งสิ้น หาได้อยู่ที่ทรัพย์สินเงินทองไม่
การงานนี้แหละเป็นทรัพยากร
คือบ่อเกิดแห่งทรัพย์สินเงินทอง
นำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง
และเป็นเครื่องป้องกันความเสื่อมโทรมทั้งปวง

ดูเถิด ป่าดงพงเขาเกิดเป็นประเทศบ้านเมือง
ความสกปรกรกรุงรังระเกะระกะเกิดเป็นแผนผังอันสวยงาม
มีระบียบเรียบร้อย สิ่งเล็กน้อยกลายเป็นที่ใหญ่โตรโหฐาน
วัตถุที่หยาบกลับเป็นของอันประณีตบรจง

สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นผลของการงาน
มีขึ้นได้เพราะผู้สมัครรักทำงานทั้งสิ้น
ไม่ใช่เพราะคนเกลียดการงาน
ซึ่งมีแต่เกียจคร้านเป็นจอมมักง่ายเป็นเลิศ
หนักไม่เอาเบาสลัด ชอบอ้างเลศ
อ้างเหตุการณ์ผลัดวันประกันพรุ่งเป็นเก่ง

คนนิสัยเกียจคร้านนั้นไม่ชอบทำงาน
เห็นความสนุกสนานของการล้อมวงเล่นการพนัน
ล้อมวงดื่มน้ำเมา ล้อมวงสูบฝิ่นกัญชา
ล้อมวงเล่นสรวลเสเฮฮาหยอกล้อกันว่าเป็นของดี

และเห็นการทำงานว่าเป็นเครื่องทรมานให้ลำเค็ญทุกข์ยากตรากตรำ
แสดงว่า เขากำลังหลงคลุ้มคลั่ง
กำลังเป็นบ้าในความผาสุกสนุกสบาย
กำลังฝันร้าย ฝันถึงความล่มจมของเขา และของบ้านเมือง

ส่วนคนนิสัยรักการงาน
ย่อมเอาธุระอย่างใจสมัครแบกภาระอย่างขันสู้
ทำอะไรจั้งใจทำจริง ทำด้วยความขยันขันแข็ง
ด้วยการเอาใจใส่แน่วแน่
ด้วยคอยสำรวจโดยรอบคอบด้วยให้เหมาะกับกาลเทศะ
ด้วยให้ตรงต่อเวลา
และด้วยมุ่งหมายให้สำเร็จไปไม่มีคั่งค้าง
น้อมนึกเป็นอารมณ์อยู่ว่า


สรรพกิจสำเร็จด้วย เพียรทำ
ไม่กล่นเกลื่อนเชือนชำ ทอดไว้
ปวงกิจไป่เสร็จสำ- เร็จที่นึกนา
นึกไม่ทำห่อนให้ เสร็จสิ้นสมถวิล


ดั่งนี้ นั่นแสดงว่า เขากำลังขะมักเขม้น
กำลังเพลิดเพลินในการงาน กำลังฝันดี
ฝันถึงความมั่งคั่งสมบูรณ์ของตนและของบ้านเมือง

ความจริงเมืองจะคงเป็นเมืองมีชีวิตสดชื่น
และเจริญรุ่งเรืองสง่างามได้
เพราะอาศัยคนผู้สมัครรักทำงานจริงๆ
หัวหน้าผู้มีนิสัยรักการงาน
และตั้งใจทำการงานนั้นจริงจัง

นี่หัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นใจเมือง

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 ธ.ค.2007, 8:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๗. ขื่อเมือง

หมายเอานิสัยซื่อสัตย์
หัวหน้าผู้มีนิสัยซื่อสัตย์ ชื่อว่าขื่อเมือง
เพราะเป็นหลักค้ำประกันบ้านเมือง
ให้สถิตเสถียรมั่นคงอยู่ด้วยความสัตย์

มีอัธยาศัยและความประพฤติซื่อจริง
ตรงจริง เที่ยงจริง แท้จริง แน่นอนจริง
ถือความซื่อสัตย์เป็นใบประกันชีวิตของบ้านเมือง
รักความจริงและยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง

ตรงกันข้ามกับคนคด
ซึ่งเขามีกฏเกณฑ์อยู่ ๒ ประการ

คือปั้นสีหน้าของตนไว้เสมอ
กับไม่เคยรักษาคำพูดของตนเลย
ชอบปล่อยลิ้นออกนอกบังคับ
ชอบปล่อยกิริยาออกนอกกรอบ
และชอบปล่อยความคิดออกเพ่นพ่าน

ส่วนหัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นขื่อเมืองนั้น
สิ่งใดที่เป็นไปตามคำพูด และถูกหลักธรรม
ย่อมพลีชีวิตเพื่อปฏิบัติต่อสิ่งนั้นทางที่ผิด
เป็นไม่ยอมหลิ่วตาตาม ในเมื่อเขาหลิ่วกัน

และเมื่อเขาเห็นกันว่าศีลธรรมเป็นของไม่น่าบูชา
ก็รักษาศีลธรรมไว้เสมอชีวิต


เห็นการคดโกงการทุจริต
การผิดสัญญา การไม่ชำระหนี้ การพูดปดมดเท็จ การบิดพลิ้ว
และการหลอกลวงว่าเป็นเครื่องทำลายชีวิตของบ้านเมือง
และเห็นการสงวนกิริยาวาจาใจของตนไว้ในบังคับ
ว่าเป็นเกียรติแก่ตนและบ้านเมือง


ที่จริง ไทยเราเป็นขื่อเมืองมาแล้วแต่ปางบรรพ์
ชายไทยคือชายผู้ซื่อสัตย์
และหญิงไทยคือหญิงผู้ซื่อสัตย์ของชาติ

ดังนั้น เพื่อให้อนุชนของเราดำเนินตามแบบอย่างนั้น
หัวหน้างานทุกแผนกจงอย่าลืมว่า

เสียสินสงวนศักด์ไว้ วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง ความสัตย์ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วยมรณา


(โลกนิติ)


และแล้ววางแนวอบรมให้เขาสำนึกในความซื่อสัตย์
จะได้ไม่โลเลสับปลับกลับกลอก
พูดตามที่จริง ทำให้จริงตามที่พูด
ประพฤติตนให้เป็นที่ไว้วางใจเชื่อถือได้ของคนอื่น
ไม่คิดบิดพลิ้วหรือหลีกเลี่ยง
เป็นคนซื่อตรงจงรักภักดีในหัวหน้า
เคารพนับถือผู้มีพระคุณ รู้จักรักหมู่คน

เมื่อได้เช่นนี้ในอนาคตอันใกล้
เราก็จะมีหัวหน้าที่มีนิสัยเป้นขื่อเมือง
สืบต่อกันไปโดยลำดับจงเป้นขื่อเมืองที่ตรงดี และแข็งเหนียว

แต่ระวังอย่าเป็นขื่อคาอันจะเป้นเครื่องจองจำตัวเอง

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
p.somchai
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 22 พ.ย. 2007
ตอบ: 48
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 25 ธ.ค.2007, 6:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผู้นําดีมีวินัยและใจพระ พาคณะไปสู่ถึงจุดหมาย
ผู้นำชั่วมัวคิด กิจอุบาย พาสมุนวุ่นวายฉิบหายตาม

ขออนุโมทนาสาธุครับ
 

_________________
หนทางหมื่นลี้ ย่อมมีก้าวแรก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 25 ธ.ค.2007, 11:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมสวัสดียามดึกค่ะ
และขออนุโมทนาสาธุ สาธุ กับข้อคิดคำกลอนข้างต้นด้วยเช่นกันนะคะ
....คุณ p.somchai สู้ สู้ ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 25 ธ.ค.2007, 11:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๘. แปเมือง

หมายเอานิสัยขยันขันแข็ง
หัวหน้าผู้มีนิสัยยันขันแข็งชื่อว่า “แปเมือง”
เพราะเป็นผู้แบกภาระของบ้านเมืองไว้ ด้วยความขยันขันแข็ง

มีสมบัติของความเพียร ๓ ประการ

คือ พยายามอุตสาหะบากบั่นมั่นคง
เป็นเครื่องประกอบชูกำลังใจให้ขยันขันแข็งแรงกล้า
ปราศจากความเกียจคร้านอ่อนแอย่อหย่อน
เป็นคนทรหดออดทน ไม่รู้จักบ่นหรือร้องทุกข์
ไม่รู้จักช่วยความช่วยเหลือจากใคร

ไม่ต้องการทราบว่าคนอื่นจักคิดเห็นว่าตัวเป็นอย่างไร
ไม่คิดว่าตัวเป็นคนเคราะห์ร้าย
หรือว่าบุคคลและสรรพสิ่งในโลกเป็นศัตรูแก่ตัว

ไม่รู้จักหวาดกลัวต่ออันตราย
หรือจะตกทุกข์ได้ยากสักปานใด ก็ไม่รู้จักใจเสีย
ไม่มีความหนักตรากตรำลำบากยากเข็ญชนิดใดจะเอาชนะได้

จริงทีเดียว หัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นแปเมืองนั้น
ได้จารึกความพยายามอุตสาหะบากบั่นมั่นคง
ลงในข้อลำมือเท้าเส้นเอ็น และสมองของตนทั่วไป

ทำงานโดยเห็นเป็นหน้าที่
นับถืองานเสมือนหนึ่งพระเจ้า
นับถือเงินเดือนเสมือนหนึ่งลูกของพระเจ้า
ทำอะไรตั้งใจทำจริง ขยันขันแข็งมานะอดทน
ฟันฝ่าอุปสรรคอย่างไม่ระย่อท้อถอย

มีใจมุ่งจดจ่ออยู่เฉพาะในกิจที่ทำอยู่เป็นศูนย์กลาง
ประดุจเข็มทิศที่ชี้ไปสู่ทิศเหนือเสมอ
ตั้งใจเพียรคิดเพียร ทำเคลื่อนไหวให้จริงทุกสถาน
ดำเนินงานโดยทำนองรากไม้งัดภูเขา
นำกิจการบ้านเมืองเล็กใหญ่ง่ายยาก
และหนักเบาไปให้สำเร็จลุล่วงไปได้ง่ายสิ้น


จงเป็นแปเมืองที่แข็งแรง
แต่อย่าเป็นแปมือหรือมือแป ซึ่งเป็นลักษณะของคนพิการ


(มีต่อ)
 


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 25 ธ.ค.2007, 11:34 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 25 ธ.ค.2007, 11:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๙. ฝาเมือง

หมายเอานิสัยสามารถอาจหาญ
หัวหน้าผู้มีนิสัยสามารถอาจหาญชื่อว่า “ฝาเมือง”
เพราะเป็นเครื่องประดับบ้านเมืองให้สง่าผึ่งผาย
เป็นที่สบายตาน่าทัศนาแก่ผู้ได้เห็นทั่วไป
ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
นับเป็นศรีสง่าของบ้านเมือง

ผู้มีความรู้สมกับตำแหน่งหน้าที่
มีความประพฤติดีนาไว้ใจไม่เกเร
พยายามให้การงานในหน้าที่ก้าวหน้า

ไม่ใช่คนดีแต่บ่น ตั้งใจทำจริง
ไม่ใช่คนดีแต่พูด รับผิดชอบการงานในหน้าที่
ไม่ใช่คนดีแต่คอยหอบ แบกงานไว้บนไหล่
ไม่ใช่คนเพิกเฉย นี้คือคนสามารถ

ผู้มีกริยาผึ่งผายไม่สะทกสะท้าน
ซบเซาเงื่องเหงาหรือเก้อเขิน มีน้ำใจแกล้วกล้า
ไม่ย่นย่อต่ออุปสรรคและภยันอันตรายอันน่าหวาดหวั่น
กล้าทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตนและหมู่คณะ
ยอมสละสิ่งต่างๆเพื่อความเป็นธรรมในหน้าที่
โดยยึดธรรมและความสมควรเป็นหลัก
นี่คือคนกล้าหาญ


หัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นฝาเมืองนี้
เมื่อทำการงานอันใดในหน้าที่ของตน
ย่อมแสดงความสามารถอาจหาญอย่างเต็มที่
มุ่งผลสำเร็จแห่งการงานเป็นที่ตั้ง

แม้จะมีอุปสรรคขัดขวาง ก็สู้ด้วยความทรหด
ไม่ยอมบิดพลิ้วเพียงที่ยากไปหาที่ง่าย
และยอมสละอย่างกล้าได้กล้าเสีย
เพื่อกระทำงานในหน้าที่ของตน
ตามที่เป็นธรรมโดยสมควรเสมอไป


จงเป็นฝาเมืองที่แน่นหนา
ต้องอย่าเป็นฝาแฝด ซึ่งเป็นลักษณะของคนผิดธรรมดา


(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 25 ธ.ค.2007, 11:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๑๐. เขตเมือง

หมายเอามารยาทที่ดี
ขอบเขตอันดีงามแห่ง กิริยา วาจา ใจ
คือ กิริยา วาจาสุภาพ และใจสุภาพ

ซึ่งเมื่อแสดงออกแก่ใครๆ
ย่อมเกิดผลเป็นสุภาพราบเรียบอ่อนโยน
ต้อนรับเชื้อเชิญโอภาศรัยด้วยอัธยาศัยไมตรี

มีเมตตาการุณและใจบุญ
เป็นที่เย็นตาถูกหูจับใจของคนทั่วไป
ไม่มีใครจะรังเกียจเหยียดหยาม
หรือครหานินทาได้ นี่คือมารยาทที่ดี

หัวหน้าผู้มีมารยาททที่ดีจัดเป็นเขตเมือง
เพราะผู้มีมารยาททที่ดีนั้น
ย่อมเป็นกรอบอันสวยงามของบ้านเมือง
เปรียบเหมือนบ้านเมืองที่มีขอบเขตและแผนผังอันถูกลักษณะ
ย่อมสวยงามน่าทัศนาเช่นเดียวกัน


หัวหน้าผู้เห็นแก่ชาติ เห็นคนเป็นคนเหมือนกัน
แสดงมารยาทอันสุภาพต่อคนทุกชั้น
ต้อนรับผู้มาติดต่อด้วยมารยาทอันดี
มีกิริยาสุภาพด้วยทั้งสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ปฏิสันถารดีมีวาจาสุภาพ
ไม่พูดจากระโชกโฮกฮาก หมิ่นเหม่เหยียดหยาม

แม้น้ำใจก็สุภาพสงบเสงี่ยม
โอบอ้อมอารีเห็นอกเขาอกเรา
หนักแน่นยุติธรรม


ถ้ายิ่งเป็นผู้มีบุญวาสนา
ก็ยิ่งแสดงมารยาทดีต่อคนทั่วไป
ไม่แสดงมารยาททั้งในบ้าน ในวัด และในสังคม
ในสาธารณสถาน หรือที่ปรากฏแก่สาธารณชน


นี่คือเขตเมืองอันสวยงาม
และเป็นแดนแห่งสันติ


(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 26 ธ.ค.2007, 10:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๑๑. ประตูเมือง

หมายเอา นิสัยสามัคคี
หัวหน้าผู้มีนิสัยสามัคคี
ชื่อว่าประตูเมืองอันเข้มแข็งยิ่งกว่าประตูเหล็ก

จริงทีเดียว ชาติบ้านเมืองจะเจริญอุ่นหน้าฝาคั่งได้
เพราะหัวหน้าทุกแผนกมีความสมัครสมานสามัคคีถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน

เมื่อหัวหน้าสามัคคีกันแล้ว
ผู้อยู่ในบังคับบัญชาทั้งหลายย่อมกินเกลียวสามัคคีกันไป
แม้ผู้มีฤทธิ์อำนาจจะมุ่งร้ายหมายขวัญ
ก็ยังอาจพ่ายแพ้แก่ผู้อ่อนกำลัง ซึ่งรวมกันเข้าต่อสู้ได้


พึงเห็นคณะกษัตริย์ลิจฉวีที่ปกครองแคว้นวัชชีเป็นตัวอย่าง

ครั้งเมื่อ พระเจ้าอชาตศัตรู ครอง มคธรัฐ
อันเป็นมหาประเทศ
ได้เสด็จกรีฑาทัพเข้าตี กรุงไพสาลี
ด้วยหมายจะเอา แคว้นวัชชี เป็นเมืองขึ้น

แม้วัชชีจะเป็นประเทศเล็กกว่า
แต่ก็อาศัย คณะกษัตริย์ลิจฉวี
มีความสามัคคีกันอย่างมั่นคง
ได้รวมกำลังเข้าตีโต้อย่างเข้มแข็ง
พระเจ้าอชาตศัตรู จึงไม่อาจเข้าตีหักเอากรุงไพศาลีได้
ต้องพ่ายแพ้กลับไปหลายครั้ง
นี่คุณของความสามัคคี

แต่ภายหลังมาพระเจ้าอชาตศัตรูทรงใช้เพทุบาย
ส่ง วัสสการพราหมณ์ ไปยุยง คณะกษัตริย์ลิจฉวี
ให้แตกสามัคคีกันเองก่อน
แล้วจึงเสด็จกรีฑาทัพไปรบ
ยึดเอา แคว้นวัชชี เป็นเมืองขึ้นได้โดยง่าย
นี่โทษของการแตกสามัคคี

แน่นอนนัก ฟืนที่ติดไฟ
แยกออกมีแต่ควัน รวมกันเข้าย่อมลุกโชน

เส้นด้ายแม้เล็กและยาว
ถ้ามากเส้นรวมกันเข้าด้วยกัน
ก็อาจทานไว้ได้ไม่ขาด


ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามลำพัง
แม้จะใหญ่โตแข็งแรงและมีรากหยั่งลึก
ก็อาจถูกพายุทำลายลำต้นให้หักสะบั้นลงได้ในชั่วครู่เดียว

ส่วนหมู่ไม้มีรากมั่นคงขึ้นอยู่เป็นกอ
อาศัยความช่วยเหลือกัน
อาจทานพายุไว้ได้
ความหนาทึบแห่งกอไผ่
มีหนามแวดล้อมอยู่รอบข้าง
ซึ่งใครๆ ไม่อาจเข้าไปตัดได้


คนเราก็เช่นกัน
เมื่อหัวหน้างานทุกแผนกมีความสามัคคีกันดี
บ้านเมืองย่อมร่มเย็นสงบสุขราบรื่น
ปวงประชาต่างชื่นบานสราญรมย์

แต่ถ้าหัวหน้าไม่ลงรอยกัน
คอยแต่แก่งแย่งชิงดีกัน
ถึงแก่แตกสามัคคีกันเองแล้ว
ก็แน่ละคราวนี้บ้านเมืองต้องป่น
ประชาชนก็จะพลอยยับ


หัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นประตูเมืองพึงระลึกอยู่เสมอว่า

บรรดาหมู่มากแม้น...............เมืองใด ก็ดี
ต่างร่วมสามัคคีใจ................ต่อต้อง
จักปราศอริภัย......................พาลพวก อื่นแล
เจริญสุขเพราะเสพซร้อง........สิ่งข้อสามัคคี


(พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕)

และแล้วต่างก็ยึดความสามัคคีเป็นจุดรวมแห่งจิตใจ
เพื่อเป็นประตูรักษาบ้านเมือง
และคอยระงับทุกข์บำรุงสุขแก่พลเมืองนั้น
นั่นคือประตูเมืองอันเป็นที่เกรงขามแก่ศัตรูหมู่ข้าศึก

ทุกคนจงเป็นประตูเมือง อย่าเป็นประตูผี

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 26 ธ.ค.2007, 5:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๑๒. สติเมือง

หมายเอา นิสัยประหยัด
การหาทางให้มีรายได้โดยชอบธรรมก็ดี
การตั้งจำกัดรายจ่ายให้พอควรกับกำลังทรัพย์ที่หามาได้
มิให้เกิดการฝืดเคืองหรือฟูมฟาย นักก็ดี
การเก็บรวบรวมรายๆ ได้
อันจะเก็บไว้ได้ให้เป็นรายเหลือ
สำหรับทำประโยชน์เพื่อตน คนอื่น
และชาติบ้านเมืองในภายหน้าก็ดี
รวมเป็นใจความแห่งการประหยัด

รายได้เสมือนยาบำรุงธาตุ
รายจ่ายประหนึ่งว่ายาระบาย
รายเหลือคล้ายกับยาย่อยอาหาร
แต่ถ้ารายจ่ายออกไปมาก
ได้มาเท่าใดเป็นรายจ่ายไปเท่านั้น
ก็กลายเป็นยาถ่ายอย่างแรง


ความสำคัญของรายได้นั้น
อยู่ที่ให้มีรายได้เหลือไว้
เมื่อรายได้เกิดมามาก
ให้มีรายเหลือไว้ได้ครึ่ง
หรือมากกว่าครึ่งนับเป็นกำไร
ให้มีรายเหลือไว้ได้น้อยกว่าครึ่งนับเป็นทุน
ถ้ารายได้มีมามากกว่าน้อย
ให้เป็นรายจ่าทั้งหมดนับเป็นขาดทุน
และนั่นคือสุรุ่ยสุร่าย
เข้าตำราคนก้นถุงรั่ว
จะต้องเป็นคนจนตลอดชีวิต

อย่าลืมสุภาษิตเก่าเตือนใจไว้ดีนักว่า

มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์

ถ้าทำน้อย กินน้อย ค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลง ให้มาก จะยากนาน

ไม่ควรซื้อ ก็อย่าไปพิไรซื้อ
ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคราวหวาน


ผู้รู้จักคิดทางเสียโดยรอบคอบก่อน
แล้วค่อยคิดหาทางได้
และรู้จักหาช่องทางให้รายได้มีมาโดยทางธรรมิโกบาย
เพื่อตนและชาติบ้านเมือง

รู้จักจำกัดรายจ่ายของตนและของชาติ
โดยจ่ายในทางที่จะเป็นหรือสมควร
และรู้จักรวบรวมรายได้ ทั้งของตนและของชาติ
ให้มีรายเหลือๆ ไว้เป็นทุนโดยมิให้เบียดกรอเพราะการเก็บ
ชื่อว่ารู้จักประหยัด

เมื่อหัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นสติเมือง
รู้จักประหยัดทรัพย์เป็นทุนได้แล้ว
ตนเองจะมีความภูมิใจ
มองดูโลกได้ด้วยความชื่นบาน
มีอารมณ์ปราศจากความทุรนทุราย

เพราะรู้สึกตนว่ามีกำลังพอเป็นที่พำนักแห่งตนได้
ไม่ต้องไปรบกวนเพื่อนมนุษย์ให้ได้ความขุ่นเข็ญ
หรือพอเป็นกำลังช่วยเกื้อกูลอุดหนุนแก่เพื่อนบ้านและชาติได้อีก
แม้ชาติก็จะพลอยมั่งคั่งสมบูรณ์พูนทวีขึ้นด้วย


ดังนั้น เราทุกคนจงเป็นสติเมือง
แต่ระวังอย่าเป็นสติวิปลาส
อันจะนำสู่ความพินาศล่มจม


(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 26 ธ.ค.2007, 5:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๑๓. ค่าเมือง

หมายเอา นิสัยกตัญญู
อันเป็นภูมิธรรมดุจพื้นที่ยันแห่งคนดีทั้งหลาย
หัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นกตัญญูนี่แล
ชื่อว่าค่าเมือง

เพราะเป็นคนดีมีค่าสูงของบ้านเมือง
รู้จักกตัญญูต่อผู้มีพระคุณและกตัญญูต่อบ้านเมือง
เห็นคุณเป็นคุณ เห็นโทษเป็นโทษ

เชิดชูส่วนที่เป็นคุณ
ขจัดปัดเป่าส่วนที่เป็นโทษ


นึกถึงเสมอว่า

กตัญญูควรคิดให้.........เป็นนิตย์
กตเวทีคิด..................ค่ำเช้า
คนจะสรรเสริญกิต.......ติศัพท์ซื่อ สัตย์แฮ
ผลจะส่งเสริมเข้า.........เขตช้างทางเกษม


(ของเก่า)


ผู้กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
คือรู้จักคุณของผู้มีคุณแก่ตน
ยกขึ้นไว้ในตำแหน่งแห่งผู้มีคุณ
ไม่ประพฤติลบหลู่บุญคุณให้ถูกประณามว่า
“คนอกตัญญู” หรือ “คนเนรคุณ”
ที่เป็นผู้น้อยก็เจียมตัว เข้าตำรา “นุ่งเจียมห่มเจียม”

เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต
ว่าง่ายสอนง่าย เชื่อถ้อยฟังคำ
เคารพต่อผู้มีคุณแก่ตน
ที่เป็นผู้ใหญ่ก็มีเมตตาการุณย์
แสดงความรักความปรานี
สนิทสนมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้น้อย
ที่มีอุปการะช่วยเหลือกิจการของตน


ส่วนผู้กตัญญูต่อชาติบ้านเมืองนั้น
คือรักชาติรักแผ่นดินถิ่นอยู่
และรักเพื่อนร่วมชาติด้วย

ส่งความรักจากรักตัวไป
สู่รักครอบครัว
จากรักครอบครัวไปสู่รักบ้านเมือง
จากรักบ้านเมืองไปสู่รักประเทศ
จากรักประเทศไปสู่รักชาติ
และตั้งใจรักษาประเพณี ศาสนา ภาษา
อันเป็นสมบัติที่รักของชาติไว้ให้สถิตสถาพร
และเจริญรุ่งเรืองไม่เสื่อมถอย

ประเพณีใดของชาติทั้งเก่าและใหม่ซึ่งยังเห็นว่าเป็นของดี
ก็พยายามปฏิบัติรักษาไว้
ให้เป็นเครื่องหมายแห่งความตั้งอยู่ยั่งยืน
เป็นชาติที่สมบูรณ์มิได้คิดที่จะลบล้าง ถือคติว่า

“ชาติใดไม่มีประเพณีของตนไว้เป็นมิ่งขวัญ
ชาตินั้นไม่ควรจะตั้งอยู่เป็นชาติได้”


ธรรมดาของดีมีเพชรเป็นตัวอย่าง
ยิ่งเป็นของที่มีค่าราคาสูง
แม้คนนิสัยกตัญญู
ซึ่งกตัญญูต่อผู้มีคุณและต่อชาติบ้านเมืองนั้น
ก็เป็นคนดีมีราคาสูงเช่นกัน


ดังนั้น ชาวเราจงเป็นค่าเมือง
ด้วยทำตนให้มีนิสัยกตัญญู
แต่อย่าเป็นค่าคบ
ซึ่งเป็นเพียงง่ามไม้ที่ยื่นออกมาจากต้นเท่านั้น


(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 26 ธ.ค.2007, 7:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๑๔. เมฆเมือง

หมายเอา นิสัยพรหมวิหาร
หัวหน้าผู้มีพระหมวิหารเป็นนิสัย ชื่อว่าเมฆเมือง

เพราะพรหมวิหารเป็นคุณธรรมอำนวยให้หัวหน้ามีนิสัยสุขุมชุ่มเย็น
เป็นดังเทวดาอารักษ์ของบ้านเมือง
แผ่รัศมีศรีศักดิ์ไปคุ้มครองผู้น้อยให้อยู่สุขเกษมศานต์สราญรมย์
เหมือนดังเมฆหลั่งฝนลงอาบแผ่นดินให้ชุ่มเย็นเป็นประโยชน์แก่หมู่สัตว์
และพฤกษาตฤณชาติที่อาศัยแผ่นดิน มีอยู่ ๔ ประการ

๑. เมตตา

หวังดีอยากให้ผู้อื่นได้สุข
โดยสุขที่เขาจะได้ไม่ทำให้ตนดีด้วย
ตั้งใจหวังให้เขาได้สุขยิ่งๆ ขึ้นไป

๒. กรุณา

หวังช่วยเหลือเขาไม่อยากให้มีทุกข์
หรือเขามีทุกข์ร้อนอยู่แล้วก็เอาใจช่วย
โดยทุกข์ที่เขาจะได้หรือได้แล้ว ตนไม่เสียด้วย
ตั้งใจช่วยให้เขาพ้นทุกข์นั้น

๓. มุทิตา

พลอยยินดีด้วยที่เขาได้ดีมีสุขโดยตนไม่ได้ดีมีสุขด้วย
หรือกลับเสียคือต่ำต้อยลงไปกว่าเขา
ตั้งใจอนุโมทนาด้วยเขา

๔. อุเบกขา

ตั้งใจเป็นกลางไม่ยินดีด้วยที่เห็นเขาได้ทุกข์
และไม่พลอยเหยียบย่ำซ้ำเติมเขาให้ฉิบหาย
โดยตนไม่เสียด้วย หรือกลับจะเลิศลอยขึ้น

“...เชิญท่านมากั้นร่มพรหมวิหาร
สี่ประการกันทุกข์ให้สุขใส
เชิญทุกเผ่าเจ้าถิ่นแผ่นดินไทย
มาอยู่ในร่มพรหมให้ร่มเย็น
คือเมตตา หวังสุข ทุกถ้วนหน้า
เพื่อเกิดมาร่วมสุขร่วมทุกข์เข็ญ
ผูกไมตรีทวีรักเป็นหลักเกณฑ์
อย่าจองเวรเข่นฆ่ารบรากัน
กรุณาเผื่อแผ่เหลียวแลเอื้อ
หวังช่วยเหลือเอนยากลำบากขันธ์
เห็นเพื่อนทุกข์ทุกข์ด้วยเข้าช่วยพลัน
ให้เพื่อนนั้นพ้นทุกข์ได้สุขใจ
มุทิตาหน้าแย้มจิตแช่มชื่น
เห็นคนอื่นดีจริงยศยิ่งใหญ่
พลอยปรีดาสาธุด้วยอวยพรชัย
ว่าขอให้เจริญสุขทุกครากาล
อุเบกขาเพ่งจ้องคอยมองเป้า
รวมจิตเข้าตั้งเที่ยงไม่เอียงฐาน
ปรารถกรรมชั่วเป็นตัวการ
ไม่ลนลานเสริมดีป้ายสีใคร
สี่นี้คือร่มพรหมนิยมเถิด
จะได้เกิดเป็นเสน่ห์ไม่เฉไฉ
เมื่อกั้นร่มพรหมแล้วย่อมแคล้วภัย
เชิญชาวไทยกางกั้นทุกวันเทอญ...”


หัวหน้าผู้มีพรหมวิหารนี้เป็นนิสัย
ย่อมไม่ใจจืด ไม่ใจดำ
ไม่ใจแข็งกระด้าง ไม่ใจลำเอียง

มีน้ำใจกว้างขวาง โอบอ้อมอารี เผื่อแผ่ เห็นอกเขาอกเรา
เป็นผู้หลักผู้ใหญ่เพียงดังเทวดาอารักษ์ของบ้านเมือง
โปรยความร่มเย็นลงมายังผู้น้อยในบังคับบัญชา
ให้ได้ความสุขเกษมเปรมปรีดืด้วยกัน

ประหนึ่งเมฆฝนโปรยลงมาอาบแผ่นดิน
หล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ และบรรดาสัตว์ให้ชื่นบานหรรษา
นี่หัวหน้าผู้มีนิสัยเป็นเมฆเมือง

นิสัยของหัวหน้า ๑๔ ประการนี้
เป็นนิติธรรมที่เก่าโดยชื่อ
แต่ใหม่เอี่ยมโดยคุณภาพ
ยังเหมาะสมัยอยู่ทุกกาลเทศะ


เมื่อหัวหน้างานทุกแผนกหวังความสุขสมบูรณ์อุ่นหนาฝาคั่งแห่งชาติ
แล้วยึดเป็นแนวฏิบัติจนเป็นจารีตประเพณี
ก็จะเพียบพร้อมด้วยความดี
ชนิดดีของเพชรในเรือนแหวน

มิใช่ดีของเพชรในหิน
เป็นดีลี้ลับ ดีอับ ดีปกปิด
มักจะทำให้ผู้มีนานดีหรือดีช้า

ส่วนความดีของเพชรในเรือนแหวน
เป็นดีเด่น ดีเยี่ยมดีนาน
ช่วยให้ผู้มีดีเร็วและดีอยู่ได้นาน

เพราะฉะนั้น เพื่อความดีของเพชรในเรือนแหวน
หัวหน้าผู้หวังความรุ่งเรืองวัฒนาสถาพรแห่งชาติบ้นเมือง
จึงควรถือเอานิสัยของหัวหน้า ๑๔ ประการนี้ปฏิบัติ
และฝึกหัดอบรมอนุชนให้มีความดีของเพชรในเรือนแหวน
เขาจะได้เป็นหัวหน้าผู้มีนิสัยเป็น


ตาเมือง หูเมือง แก่นเมือง หลักมือง ฐานเมือง ใจเมือง ขื่อเมือง
แปเมือง ฝาเมือง เขตเมือง ประตูเมือง สติเมือง ค่าเมือง และเมฆเมือง

ของชาติบ้านเมืองสืบต่อไป


หัวหน้าผู้มีพรหมวิหาร ฯลฯ ของชาติบ้านเมืองสืบต่อไปทุกคน
ถ้าเป็นหัวหน้าที่ดีมีเกียรติคุณคงพอใจ
ถ้าคนมีความสุขคงชอบ
ถ้ามีบุญวาสนาคงยินดี
ถ้ามีความสงบคงยิ้มได้เสมอ

เมื่อทุกคนตัด “ถ้า” และ “คง” ออก
ก็จะปลื้มอกเย็นใจยิ่งกว่าไหนๆ

หัวหน้าปฏิบัติตามกฎหมาย
ประชาชนปฏิบัติตามหัวหน้าอยู่ตราบใด
บ้านเมืองย่อมตั้งอยู่อย่างยั่งยืนตราบนั้น

คนโง่ไม่รู้สึกตัวว่าโง่
จะต้องถูกฏธรรมดาพิพากษาโทษว่า
ท่านโง่มานานแล้ว ก็โง่ต่อไปให้ตลอดเถิด


สาธุ สาธุ สาธุ

(ที่มา : “บทสร้างนิสัยผู้นำ”, สมเด็จพระมหาวีระวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร),
โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย, พ.ศ. ๒๕๔๑, หน้า ๑-๒๙)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง