ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
01 ธ.ค.2007, 9:05 pm |
  |
เทวดา ก็ยังคงถูกบีบคั้นด้วย ชาติ-ชรา-มรณะ อยู่ดี....
เกิดเป็นเทวดา ก็มีอายุขัยอยู่ ไม่ใช่ว่า มีแต่เกิดแล้วเป็นอมตะ ไม่มีวันตายเสียเมื่อไร...เพียงแต่อายุขัยเทวดาจะนานมาก
จนเทวดาบางท่านนึกว่าตนเองไม่มีวันแตกดับไปก็มี
แม้นแต่ในแต่ล่ะขณะ เทวดาเองก็ยังคงมีทุกข์เพราะ ชาติ-ชรา-มรณะ บีบคั้นอยู่
ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด ว่าเป็นท่าน หรือ ของท่าน(อุปาทานขันธ์5) ก็จักถูกบีบคั้นอยู่ด้วย ชาติ-ชรา-มรณะ อยู่ทั้งสิ้น.....
เมื่อมีความรู้สึกว่าเป็น(ภพ) ท่าน หรือ ของท่าน เกิดขึ้นในใจเมื่อใด(ชาติ)..... เมื่อท่าน หรือ ของท่าน แปรไป-เป็นอื่นไป(ชรา-มรณะ) โศกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส คือกองทุกข์ทั้งมวล ก็จักเกิดขึ้นพร้อม....
(ลองอ่าน อัตตทีปสูตร และ ปฏิจจสมุปบาทในชีวิตประจำวันจากหนังสือพุทธธรรม)
ต่อให้เป็นเทวดา ก็มีทุกข์แบบเทวดา
ถ้าจะพูดถึงเทวดาในสวรรค์ อาจจะไกลตัวไป มองไม่ชัด....
ลองดูเทวดาบนพื้นพิภพ(มนุษย์ผู้ที่พรั่งพร้อมด้วยเบญจกามคุณ)สิครับ..... ตระกูลใหญ่ๆ ที่มีกามสุขบำเรอพร้อม ก็ทุกข์ หน้าตรมขมไหม้กันให้เห็นทางสื่อมวลชนบ่อยๆ.....เผลอๆ จะทุกข์มากกว่าคนจนๆเสียอีก
ท่านท้าวสักกะ ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์แล้วบรรลุโสดาบัน
ด้วยเห็นชัดเจนว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
จนจิตของท่านคลายจากการยึดมั่น-หลงใหล ในระดับที่จะดำเนินไปเพื่อความสิ้นทุกข์ในฝ่ายเดียว
จะเรียกว่า ความยึดมั่น-ถือมั่น ของท่าน ลดลงจนอยู่ในระดับที่จะไม่ทุกข์มากอีกแล้ว อย่างแน่นอน ก็ได้
คุ้นๆ เคยได้ยินมาว่า (ยังไม่ได้ย้อนไปค้นแหล่งอ้างอิง)
ภาษิต ที่ว่า "สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" หรือ
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่พึงยึดมั่นถือมั่น...
เป็นภาษิตที่กล่าวโดยจอมเทพท่านนี้(และพระพุทธองค์ทรงรับรองภาษิต)เช่นกัน |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
01 ธ.ค.2007, 9:12 pm |
  |
คุณ ดังตฤณ ได้วิสัชนาธรรม เรื่อง การบรรลุธรรมของพระอินทร์(ท้าวสักกะ)เอาไว้ อย่างน่าศึกษามาก
จาก http://dungtrin.com/mag/?3.prepare
".....ขอยกตัวอย่าง การบรรลุธรรมอันลือลั่นของพระอินทร์ ซึ่งมาเข้าเฝ้าสดับพระธรรมเทศนา จากพระพุทธเจ้า
เรื่องนี้มีมาในสักกปัญหสูตร อันหมายถึงปัญหาที่ท่านท้าวสักกะหรือพระอินทร์ลง มากราบทูลถามพระพุทธเจ้าถึงในโลกมนุษย์ หากคุณศึกษาเนื้อความดังต่อไปนี้ให้ดี ก็จะเห็น
ตัวอย่างการบรรลุมรรคผลอันเกิดจากการพิจารณาธรรมที่ไม่ยากจนเกินไป และเมื่อเข้าใจแล้วก็ย่อม
ทราบชัดว่าการบรรลุมรรคผลเป็นของสากล ไม่จำเพาะว่าต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น ขอเพียงมีดวงจิต
เป็นกุศล สามารถเข้าใจภาษาธรรมะ จะเป็นเทวดาอินทร์พรหมไหนๆก็มีสิทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น
ๆลๆ
ระหว่างฟังเทศนาธรรมไขปัญหาอยู่นั้นเอง พระอินทร์ก็บรรลุธรรม (กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า
บรรลุมรรคผล หรือได้ดวงตาเห็นธรรม รู้จักพระนิพพานเป็นวาระแรก) ดังความตามพระสูตรที่ว่า…
ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้อยู่
ดวงตาเห็นธรรมอันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน
ได้บังเกิดขึ้นแก่ท้าวสักกะจอมเทพ เพราะเห็นแจ้งว่า
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความ เกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งเหล่านั้นทั้งมวลล้วนมีความดับลงเป็นธรรมดา
การสืบเหตุสืบผลของความมีความเป็นทั้งหลายตามลำดับนั้น เปรียบเสมือนการปอกกาบ
ใบของต้นกล้วยออกทีละชั้นจนไม่เหลืออะไร ไม่พบแก่นอันเป็นสุดท้ายนอกจากความว่างเปล่า และ
ณ ที่ที่พบความว่างเปล่าจากตัวตนนั้นเอง ความรู้สึกในตัวตนย่อมหายไป
กล่าวโดยสรุปอีกครั้ง เทวดาบรรลุมรรคผลได้นะครับ แต่ตามอัตภาพอันเป็นอัครมหาสุขแล้ว
ท่านจะไม่มีโอกาสเจริญสติตามแนวสติปัฏฐาน ๔ เหมือนมนุษย์โลก พวกท่านไม่มีกายอันเต็มไป
ด้วยอึฉี่และตับไตไส้พุงโสโครก ตั้งอยู่อย่างอุดมโรค เป็นรังโรคที่รอวันแตกดับ มีแต่กายทิพย์อัน
หอมหวนนุ่มนิ่ม กับสภาพแวดล้อมน่ารื่นรมย์สุดประมาณ การจะพิจารณาให้เกิดความแหนงหน่าย จึงยาก
แต่ก็มีโอกาสอันแคบอยู่ คือพิจารณาเห็นสายโซ่แห่งเหตุผลของการมีการเป็น หรือเห็นเข้า มาในจิต ในอารมณ์ของตนเป็นขณะๆ ว่าเกิดแล้วต้องดับไปทั้งหมด กระทั่งจบลงที่การรู้แจ้งว่ากาย
ทิพย์ใจทิพย์นั้น หาใช่ตัวตนของใครไม่ ....." |
|
|
|
  |
 |
ใบโพธิ์
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307
|
ตอบเมื่อ:
05 ธ.ค.2007, 6:52 pm |
  |
 |
|
_________________ ทำความดีทุกๆ วัน |
|
  |
 |
|