Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 แม้นแต่เทวดา...ก็ยังมีทุกข์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 01 ธ.ค.2007, 9:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เทวดา ก็ยังคงถูกบีบคั้นด้วย ชาติ-ชรา-มรณะ อยู่ดี....


เกิดเป็นเทวดา ก็มีอายุขัยอยู่ ไม่ใช่ว่า มีแต่เกิดแล้วเป็นอมตะ ไม่มีวันตายเสียเมื่อไร...เพียงแต่อายุขัยเทวดาจะนานมาก
จนเทวดาบางท่านนึกว่าตนเองไม่มีวันแตกดับไปก็มี


แม้นแต่ในแต่ล่ะขณะ เทวดาเองก็ยังคงมีทุกข์เพราะ ชาติ-ชรา-มรณะ บีบคั้นอยู่
ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด ว่าเป็นท่าน หรือ ของท่าน(อุปาทานขันธ์5) ก็จักถูกบีบคั้นอยู่ด้วย ชาติ-ชรา-มรณะ อยู่ทั้งสิ้น.....
เมื่อมีความรู้สึกว่าเป็น(ภพ) ท่าน หรือ ของท่าน เกิดขึ้นในใจเมื่อใด(ชาติ)..... เมื่อท่าน หรือ ของท่าน แปรไป-เป็นอื่นไป(ชรา-มรณะ) โศกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส คือกองทุกข์ทั้งมวล ก็จักเกิดขึ้นพร้อม....
(ลองอ่าน อัตตทีปสูตร และ ปฏิจจสมุปบาทในชีวิตประจำวันจากหนังสือพุทธธรรม)


ต่อให้เป็นเทวดา ก็มีทุกข์แบบเทวดา
ถ้าจะพูดถึงเทวดาในสวรรค์ อาจจะไกลตัวไป มองไม่ชัด....
ลองดูเทวดาบนพื้นพิภพ(มนุษย์ผู้ที่พรั่งพร้อมด้วยเบญจกามคุณ)สิครับ..... ตระกูลใหญ่ๆ ที่มีกามสุขบำเรอพร้อม ก็ทุกข์ หน้าตรมขมไหม้กันให้เห็นทางสื่อมวลชนบ่อยๆ.....เผลอๆ จะทุกข์มากกว่าคนจนๆเสียอีก ยิ้ม






ท่านท้าวสักกะ ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์แล้วบรรลุโสดาบัน
ด้วยเห็นชัดเจนว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
จนจิตของท่านคลายจากการยึดมั่น-หลงใหล ในระดับที่จะดำเนินไปเพื่อความสิ้นทุกข์ในฝ่ายเดียว
จะเรียกว่า ความยึดมั่น-ถือมั่น ของท่าน ลดลงจนอยู่ในระดับที่จะไม่ทุกข์มากอีกแล้ว อย่างแน่นอน ก็ได้


คุ้นๆ เคยได้ยินมาว่า (ยังไม่ได้ย้อนไปค้นแหล่งอ้างอิง)
ภาษิต ที่ว่า "สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" หรือ
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่พึงยึดมั่นถือมั่น...
เป็นภาษิตที่กล่าวโดยจอมเทพท่านนี้(และพระพุทธองค์ทรงรับรองภาษิต)เช่นกัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 01 ธ.ค.2007, 9:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ ดังตฤณ ได้วิสัชนาธรรม เรื่อง การบรรลุธรรมของพระอินทร์(ท้าวสักกะ)เอาไว้ อย่างน่าศึกษามาก สาธุ



จาก http://dungtrin.com/mag/?3.prepare


".....ขอยกตัวอย่าง การบรรลุธรรมอันลือลั่นของพระอินทร์ ซึ่งมาเข้าเฝ้าสดับพระธรรมเทศนา จากพระพุทธเจ้า


เรื่องนี้มีมาในสักกปัญหสูตร อันหมายถึงปัญหาที่ท่านท้าวสักกะหรือพระอินทร์ลง มากราบทูลถามพระพุทธเจ้าถึงในโลกมนุษย์ หากคุณศึกษาเนื้อความดังต่อไปนี้ให้ดี ก็จะเห็น
ตัวอย่างการบรรลุมรรคผลอันเกิดจากการพิจารณาธรรมที่ไม่ยากจนเกินไป และเมื่อเข้าใจแล้วก็ย่อม
ทราบชัดว่าการบรรลุมรรคผลเป็นของสากล ไม่จำเพาะว่าต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น ขอเพียงมีดวงจิต
เป็นกุศล สามารถเข้าใจภาษาธรรมะ จะเป็นเทวดาอินทร์พรหมไหนๆก็มีสิทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น

ๆลๆ

ระหว่างฟังเทศนาธรรมไขปัญหาอยู่นั้นเอง พระอินทร์ก็บรรลุธรรม (กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า
บรรลุมรรคผล หรือได้ดวงตาเห็นธรรม รู้จักพระนิพพานเป็นวาระแรก) ดังความตามพระสูตรที่ว่า…

ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้อยู่
ดวงตาเห็นธรรมอันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน
ได้บังเกิดขึ้นแก่ท้าวสักกะจอมเทพ เพราะเห็นแจ้งว่า
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความ เกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งเหล่านั้นทั้งมวลล้วนมีความดับลงเป็นธรรมดา

การสืบเหตุสืบผลของความมีความเป็นทั้งหลายตามลำดับนั้น เปรียบเสมือนการปอกกาบ
ใบของต้นกล้วยออกทีละชั้นจนไม่เหลืออะไร ไม่พบแก่นอันเป็นสุดท้ายนอกจากความว่างเปล่า และ
ณ ที่ที่พบความว่างเปล่าจากตัวตนนั้นเอง ความรู้สึกในตัวตนย่อมหายไป

กล่าวโดยสรุปอีกครั้ง เทวดาบรรลุมรรคผลได้นะครับ แต่ตามอัตภาพอันเป็นอัครมหาสุขแล้ว
ท่านจะไม่มีโอกาสเจริญสติตามแนวสติปัฏฐาน ๔ เหมือนมนุษย์โลก พวกท่านไม่มีกายอันเต็มไป
ด้วยอึฉี่และตับไตไส้พุงโสโครก ตั้งอยู่อย่างอุดมโรค เป็นรังโรคที่รอวันแตกดับ มีแต่กายทิพย์อัน
หอมหวนนุ่มนิ่ม กับสภาพแวดล้อมน่ารื่นรมย์สุดประมาณ การจะพิจารณาให้เกิดความแหนงหน่าย จึงยาก
แต่ก็มีโอกาสอันแคบอยู่ คือพิจารณาเห็นสายโซ่แห่งเหตุผลของการมีการเป็น หรือเห็นเข้า มาในจิต ในอารมณ์ของตนเป็นขณะๆ ว่าเกิดแล้วต้องดับไปทั้งหมด กระทั่งจบลงที่การรู้แจ้งว่ากาย
ทิพย์ใจทิพย์นั้น หาใช่ตัวตนของใครไม่ ....."
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ใบโพธิ์
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 05 ธ.ค.2007, 6:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง